เคาน์เตอร์เซอร์วิส กรุยทางลุยเปิดสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นหวังขยับเข้าตามแผนยาว 6 ปี สู่ 10,000 สาขา ล่าสุดคว้าเซ็นทรัลได้ 15 สาขา พร้อมงบลงทุนปีนี้ 100 ล้านบาท อัดงบตลาดอีก 100 ล้านบาท หวังเพิ่มบริการอีก 100 บริการในปีนี้
นายภูเมธ มนูพิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายสาขาเคาน์เตอร์เซอร์วิสในต่างจังหวัดมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีสาขาแบ่งสัดส่วนเป็น กรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% แล้วก็ตามจากจำนวนสาขาทั้งหมด 5,100 สาขา แต่เนื่องจากต่างจังหวัดเป็นตลาดที่ใหญ่และมีพื้นที่มาก ทำให้ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มได้อีก โดยตั้งเป้าหมายปีนี้เปิดเพิ่มอีก 750 สาขา โดยตามแผนระยะยาวที่วางไว้ภายใน 6 ปีจากนี้ จะเปิดสาขาให้ครบ 10,000 สาขาให้ได้
อย่างไรก็ตามการขยายสาขาส่วนหนึ่งจะเกาะติดไปกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันสาขาอยู่ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกแห่งจำนวน 3,800 สาขาแล้ว รวมทั้งบริษัทฯจะหาช่องทางใหม่ๆที่จะเปิดสาขาด้วยล สุดคือการเข้าไปเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เซน เซ็นทรัลเวิดล์ รวม 15 สาขา โดยบริษัทฯได้จัดสรรงบลงทุนเพื่อการเปิดสาขาในเซ็นทรัลไว้ 150,000-200,000 บาทต่อจุดหรือรวมประมาณ 3 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรสร้างยอดรับชำระได้ไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดรับชำระรวมทั้งหมดของบริษัทฯ
“ยังมีช่องทางอีกมากที่เรายังสามารถเข้าไปได้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่เขามีธุรกิจที่ให้บริการให้ในเฉพาะบางพื้นที่ ส่วนช่องทางใหญ่ๆเช่นรีเทลเราก็เข้าไปหมดมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เซเว่นอีเลฟเว่น หรือ 108ชอป ดิสเคานท์สโตร์ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น” นายภูเมธกล่าว
ขณะเดียวกันในส่วนของบริการรับชำระนั้น ตั้งป้าหมายไว้ว่าภายในปีนี้จะเปิดรับเพิ่มอีกประมาณ 100 บริการ จากปัจจุบันที่มีประมาณ 280 บริการ และระยะยาวจะเพิ่มเป็น 1,000 รายการ ซึ่งสัดส่วนของบริการที่ลูกค้าใช้บริการชำระมากที่สุดยังคงเป็น ค่าสาธารณูปโภค เช่าซื้อ และบัตรเครดิต เป็นหลัก จากกลุ่มธรกิจที่บริษัทฯรับชำระในขณะนี้คือ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มเช่าซื้อสินค้า กลุ่มบัตรเครดิต กลุ่มประกันภัย กลุ่มโทรศัพท์ เคลื่อนที่ กลุ่มเคเบิ้ล กลุ่มอินเทอร์เน็ต กลุ่มออร์เดอร์เน็ต กลุ่มธุรกิจขายตรง กลุ่มบริจาคเพื่อการกุศล กลุ่มคมนาคม กลุ่มเอนเตอร์เทนเมนท์ กลุ่มเงินทุน กลุ่มการศึกษา กลุ่มรับ-ส่งเงิน กลุ่มขาย
สำหรับในปีนี้บริษัทฯตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขา ขยายระบบสนับสนุนงาน ปรับปรุงโปรแกรมต่างๆ เสริมบริการใหม่ ส่วนงบการตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาท
โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างการพัฒนาโปรแกรมและความพร้อมในการรองรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่คาดว่าใน 3 ปีจากนี้จะมีการเจริญเติบโตทางด้านผู้ใช้อย่างมาก ส่งผลให้ธุรกิจการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบริษัทฯได้วางแผนรองรับไว้ คาดว่าภายในไตรมาสแรกนี้จะสามารถรองรับการซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ โดยมาชำระที่จุดบริการของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ลงทุนทางด้านระบบประมาณ 2 ล้านบาท ไปแล้ว
สำหรับที่ผ่านมา มียอดลูกค้าที่มาชำระค่าบริการผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส ประมาณ 100 ล้านบิล คิดเป็นยอดค่าชำระบริการประมาณ แสนกว่าล้านบาท ขณะที่บริษัทฯมีรายได้จากค่าธรรมเนียมต่อบิลประมาณ 10-15 บาท ส่วนต่างจังหวัดประมาณ 20 บาทต่อบิล โดยปีนี้คาดหมายว่าจะมีอัตราการเติบโตทางด้านยอดบิลประมาณ 20% หรือเพิ่มเป็นประมาณ 124 ล้านบิล และมีอัตราการเติบโตของการขยายสาขาประมาณ 15%
นายภูเมธ มนูพิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายสาขาเคาน์เตอร์เซอร์วิสในต่างจังหวัดมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีสาขาแบ่งสัดส่วนเป็น กรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% แล้วก็ตามจากจำนวนสาขาทั้งหมด 5,100 สาขา แต่เนื่องจากต่างจังหวัดเป็นตลาดที่ใหญ่และมีพื้นที่มาก ทำให้ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มได้อีก โดยตั้งเป้าหมายปีนี้เปิดเพิ่มอีก 750 สาขา โดยตามแผนระยะยาวที่วางไว้ภายใน 6 ปีจากนี้ จะเปิดสาขาให้ครบ 10,000 สาขาให้ได้
อย่างไรก็ตามการขยายสาขาส่วนหนึ่งจะเกาะติดไปกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันสาขาอยู่ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกแห่งจำนวน 3,800 สาขาแล้ว รวมทั้งบริษัทฯจะหาช่องทางใหม่ๆที่จะเปิดสาขาด้วยล สุดคือการเข้าไปเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เซน เซ็นทรัลเวิดล์ รวม 15 สาขา โดยบริษัทฯได้จัดสรรงบลงทุนเพื่อการเปิดสาขาในเซ็นทรัลไว้ 150,000-200,000 บาทต่อจุดหรือรวมประมาณ 3 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรสร้างยอดรับชำระได้ไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดรับชำระรวมทั้งหมดของบริษัทฯ
“ยังมีช่องทางอีกมากที่เรายังสามารถเข้าไปได้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่เขามีธุรกิจที่ให้บริการให้ในเฉพาะบางพื้นที่ ส่วนช่องทางใหญ่ๆเช่นรีเทลเราก็เข้าไปหมดมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เซเว่นอีเลฟเว่น หรือ 108ชอป ดิสเคานท์สโตร์ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น” นายภูเมธกล่าว
ขณะเดียวกันในส่วนของบริการรับชำระนั้น ตั้งป้าหมายไว้ว่าภายในปีนี้จะเปิดรับเพิ่มอีกประมาณ 100 บริการ จากปัจจุบันที่มีประมาณ 280 บริการ และระยะยาวจะเพิ่มเป็น 1,000 รายการ ซึ่งสัดส่วนของบริการที่ลูกค้าใช้บริการชำระมากที่สุดยังคงเป็น ค่าสาธารณูปโภค เช่าซื้อ และบัตรเครดิต เป็นหลัก จากกลุ่มธรกิจที่บริษัทฯรับชำระในขณะนี้คือ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มเช่าซื้อสินค้า กลุ่มบัตรเครดิต กลุ่มประกันภัย กลุ่มโทรศัพท์ เคลื่อนที่ กลุ่มเคเบิ้ล กลุ่มอินเทอร์เน็ต กลุ่มออร์เดอร์เน็ต กลุ่มธุรกิจขายตรง กลุ่มบริจาคเพื่อการกุศล กลุ่มคมนาคม กลุ่มเอนเตอร์เทนเมนท์ กลุ่มเงินทุน กลุ่มการศึกษา กลุ่มรับ-ส่งเงิน กลุ่มขาย
สำหรับในปีนี้บริษัทฯตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขา ขยายระบบสนับสนุนงาน ปรับปรุงโปรแกรมต่างๆ เสริมบริการใหม่ ส่วนงบการตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาท
โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างการพัฒนาโปรแกรมและความพร้อมในการรองรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่คาดว่าใน 3 ปีจากนี้จะมีการเจริญเติบโตทางด้านผู้ใช้อย่างมาก ส่งผลให้ธุรกิจการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบริษัทฯได้วางแผนรองรับไว้ คาดว่าภายในไตรมาสแรกนี้จะสามารถรองรับการซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ โดยมาชำระที่จุดบริการของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ลงทุนทางด้านระบบประมาณ 2 ล้านบาท ไปแล้ว
สำหรับที่ผ่านมา มียอดลูกค้าที่มาชำระค่าบริการผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส ประมาณ 100 ล้านบิล คิดเป็นยอดค่าชำระบริการประมาณ แสนกว่าล้านบาท ขณะที่บริษัทฯมีรายได้จากค่าธรรมเนียมต่อบิลประมาณ 10-15 บาท ส่วนต่างจังหวัดประมาณ 20 บาทต่อบิล โดยปีนี้คาดหมายว่าจะมีอัตราการเติบโตทางด้านยอดบิลประมาณ 20% หรือเพิ่มเป็นประมาณ 124 ล้านบิล และมีอัตราการเติบโตของการขยายสาขาประมาณ 15%