xs
xsm
sm
md
lg

"พูโล"จวก"แม้ว"หยุดปั้นเรื่อง ยันไม่เกี่ยวระเบิดป่วนกรุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขบวนการพูโลปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่เบื้องหลังเหตุลอบวางระเบิดป่วนกรุง จวก "แม้ว"พวกผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ทิ้งนิสัยเก่าเที่ยวป้ายสีคนอื่น ท้าให้ออกมาเผชิญหน้ากับความจริง และหยุดสร้างเรื่องเสียที ขณะที่ประธานคมช.เข้าหารือนายกฯ หลังเจอข่าวลือปฏิวัติ ชี้เป็นขบวนการเดียวกับกลุ่มวางระเบิดป่วนเมือง เผยเข้าใกล้มือระเบิดเต็มที "สพรั่ง"ไฟเขียวทอท.เลิกสัญญาจ้าง"ล็อกซ์เลย์"หลังพบประสิทธิภาพด้านรักษาความปลอดภัยสุวรรณภูมิต่ำจากเกณฑ์ ขณะที่ขบวนการขู่วางระเบิดเริ่มลามสู่ต่างจังหวัด

สำนักข่าวเกียวโด ของญี่ปุ่นรายงานวานนี้(5 ม.ค.)โดยอ้างคำแถลงที่ได้รับจากอีเมลของ คาสทูรี มาห์โกตา หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศของกลุ่มพูโล ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า ทางกลุ่มพูโลปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า ทางกลุ่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหลายจุดที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯเมื่อค่ำวันที่ 31 ธ.ค.49

"เราขอปฏิเสธข้อกล่าวหาอันไม่มีหลักฐาน ที่ระบุว่าทางกลุ่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิด เนื่องจากสิ่งเราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ก็คือ การต่อสู้ให้ได้สิทธิและความเป็นเชื้อชาติของชาวมุสลิมมลายู เพื่อต่อต้านการดำรงอยู่ของไทยภายในขอบเขตแห่งอดีตราชอาณาจักรมลายูแห่งปัตตานีของเรา"

นอกจากนี้ คำแถลงของกลุ่มพูโลยังได้ตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยว่า พยายามที่จะใช้กลยุทธ์ในการเที่ยวประณามคนอื่น และกล่าวหาพวกเขาโดยปราศจากมูลความจริงเหมือนอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมกระทำอยู่เสมอเพื่อเอาชนะตามวิสัยแห่งผลประโยชน์ทับซ้อนอันไม่สิ้นสุดของเขา

คำแถลงของกลุ่มพูโลยังได้เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือฝ่ายใดก็ตามที่ได้วินิจฉัยอย่างไร้เดียงสาว่า สาเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เป็นฝีมือของกลุ่มพูโลนั้น ได้ยุติการสร้างเรื่องและออกมาเผชิญกับความเป็นจริงดีกว่า ทั้งนี้ คำแถลงจากขบวนการพูโลมีขึ้นหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามโยงเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เข้ากับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายทางภาคใต้ที่ไม่พอใจนโยบายรัฐบาล

**คมช.เข้าทำเนียบฯหารือนายกฯ

เมื่อเช้าวานนี้ (5ม.ค.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการเข้าหารือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ว่า เป็นการหารือกันถึงเรื่องของข่าวลือปฏิวัติ ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็น และช่วงค่ำของวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข่าวลือที่สร้างความตระหนกตกใจให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ถือได้ว่าเกี่ยวเนื่องกับการวางระเบิดเมื่อค่ำวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ฉะนั้นหากประชาชนได้รับข่าวลือ ขอให้ตรวจสอบกับทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)หรือ โทรศัพท์ไปที่ศูนย์วิทยุของทางตำรวจ เพื่อตรวจสอบได้ และเท่าที่หารือกันกับประธานคมช.เราจะทำประชาสัมพันธ์ต่างๆให้มากขึ้น แม้ในช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังก็จะแจ้งให้ได้รับทราบ ว่าเป็นการเคลื่อนย้ายในลักษณะสับเปลี่ยนกำลัง หรือทำอื่นใด

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนก็ยังไม่ทราบว่าต้นตอของข่าวลือดังกล่าว มาจากที่ใด เป็นข่าวที่ลือกันโดยทั่วไป ส่วนสาเหตุคงจะต้องติดตามกันต่อไป แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น จึงขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบด้วย ส่วนของทางรัฐบาลคงหาทางแก้ไข สร้างความเข้าใจ ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมาตรการต่างๆ คงจะมีการดำเนินการในช่วงต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะชี้แจงในรายละเอียดได้

เมื่อถามว่ากระบวนการก่อเหตุระเบิดมีเป้าหมายสูง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้คงวิเคราะห์ได้เพียงเท่านั้น เพราะเราไม่ได้เป็นคนทำ เป็นการวิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากหลักฐานที่มีอยู่ เมื่อถามว่าผู้ปล่อยข่าวลือเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เรายังไม่สามารถระบุกลุ่มบุคคลได้ แต่เหตุการณ์แสดงถึงความเชื่อมโยงกัน

เมื่อถามว่าประธานคมช.ได้แจ้งถึงผู้อยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์ระเบิดหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้แจ้ง เพียงแต่หารือว่า เราจะหาทางแก้ไขกันอย่างไร ยังไม่มีการแจ้งผลสรุปการตรวจสอบมา เมื่อถามว่าทาง พล.อ.สนธิ บอกว่าผลสรุปจะออกวันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงต้องไปถามพล.อ.สนธิ เพราะในส่วนที่มาคุยกัน ยังไม่ได้แจ้งในเรื่องนี้

ส่วนที่บอกว่า สถานการณ์ความวุ่นวายปั่นป่วนจะยังมีอีกระยะหนึ่งนั้น ตนเพียงแต่ให้ข้อคิดเห็นในฐานะที่ ถือได้ว่ามีข้อมูลจากการตรวจมีสอบของเจ้าหน้าที่ต่างๆ ว่าเราควรจะต้องมีความระมัดระวังอีกระยะหนึ่ง ระยะนี้ก็คงไม่แน่ใจว่ามันว่ามันจะยาวมากขนาดไหน แต่จะต้องมีการเฝ้าระวังเพื่อดูแลสถานที่ ดูแลตัวเอง ช่วยกันไประยะหนึ่ง เพราะยังไมาทราบว่าเหตุจะเกิดลักษณะใด เบื้องต้นคิดว่าสัก 1-2 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่เราต้องติดตามประเมินผลกันต่อไป

เมื่อถามว่า ระเบิดจะยังมีใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ครับ ก็เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนทั้งความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนด้วย ซึ่งคิดว่าพวกเราทุกคนคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น เมื่อถามว่ามีการชี้จุดหรือไม่ว่าจะก่อเหตุจุดไหน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูล ที่พูดหมายถึงได้นำสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมาเป็นเครื่องเตือนใจของพวกเราทุกคนให้ระมัดระวัง และร่วมมือกันที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อยางนั้นอีก

สำหรับเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ที่ประกาศไปแล้วนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า กระบวนการในเรื่องของการยกเลิกกฎอัยการศึก ได้ดำเนินการไปแล้ว เราคงไม่ไปยกเลิก และไม่มีการทบทวน เพราะเป็นมติครม.ไปแล้ว ส่วนที่ถามว่าทำไมกระบวนการยกเลิกถึงได้ช้านั้น คงต้องไปติดตาม เพราะการนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯถวายนั้น ผ่านกระบวนการหลายช่วงเหมือนกัน

ส่วนการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาถูกมองว่าอ่อนปวกเปียกในการแก้ปัญหาต่างๆนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่มีอะไรที่เราจะทำเกินกว่าเหตุ คงจะทำมาตรการอะไรที่ตามสมควรแก่เหตุ เพราะถ้าทำเข้มงวดมากเกินไปก็จะมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนมากเช่นเดียวกัน ฉะนั้นอะไรที่เราเห็นว่าเหมาะควร เราก็จะตัดสินใจทำอย่างนั้น

**"สนธิ"เผยเข้าใกล้มือระเบิดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเช้าวันเดียวกันนี้ ก่อนที่จะเข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช.ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ"สยามเช้านี้"ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์ปฏิวัติซ้ำ หรือปฏิวัติซ้อน ตามที่มีการปล่อยข่าวลือออกมา และเห็นว่า ข่าวดังกล่าวเป็นกระบวนการทำลายความมั่นคง มุ่งหวังทำให้ชาติบ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ซึ่งในทางทหารมีการวิเคราะห์ว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เผาโรงเรียนในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมีหลักการและการปฏิบัติคล้ายๆกันกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ วัตุประสงค์ก็คล้ายกัน ทหารกำลังติดตามและตรวจสอบพฤติกรรม กำลังดูว่าใคร กลุ่มไหนทำ เราต้องหาตรงนั้นให้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้มองว่า มาจากกลุ่มการเมืองมากกว่ากลุ่มอื่น

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ข่าวลือปฏิวัติ มีคนในกองทัพคิดและมีศักยภาพพอหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรามองเรื่องการบริหารจัดการในกองทัพ ตนให้ความเป็นธรรมกับการปกครองเป็นลำดับแรกในการจัดการ เราต้องการความรู้รักสามัคคีในกองทัพ เชื่อความเป็นพี่ เป็นน้องในกองทัพ เจตนารมย์ ความคิดในปฏิวัติ คิดว่าไม่น่ามี ขณะเดียวกันความขัดแย้งในคมช.ก็ไม่มี ตั้งแต่ 19 ก.ย.เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นไปด้วยความสมานฉันท์

พล.อ.สนธิ ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งจดหมายจากปักกิ่งเพื่อชี้แจงว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่า เป็นทางออกของการชี้แจง ซึ่งอยากให้มองที่ข้อเท็จจริงมากกว่า เวลามันผ่านมาบ่งบอกว่าเป็นอย่างไร ประชาชนเข้าใจ และรู้ปัญหา แต่ยังไม่ทำอะไรออกมานั่นเอง ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า คมช.เน้นความอาฆาตมาดร้ายนั้น ถ้า คมช.มีเจตนาอย่างนั้น เราคงต้องยึด อายัดทรัพย์ตั้งแต่ต้นแล้ว เราทำด้วยเหตุผลต้องการความสมานฉันท์ ประชาชนต้องการให้ยึดทรัพย์ แต่ตนว่าทำไม่ได้ ประเทศเรามีกฎหมาย ประชาชาชนไม่พอใจ คมช.ด้วยซ้ำ สิ่งที่รัฐบาลที่แล้วทำมา ผลก็ออกมาจากการตรวจสอบ

"ต้องยอมรับว่า ในกระบวนทรัพย์สินทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ เป็นทรัพย์สินปรากฏตามกฎหมาย สิ่งที่อยู่นอกเหนือไม่อยู่ในระบบมีมากมาย ไม่จำเป็นต้องหยิบเอาตรงนี้มาใช้ ที่หลบซ่อนอยู่มันมี"

กรณีที่ พล.อ.สพรั่ง มีการพูดชื่อนายทหารนอกราชการหลายคนว่าอาจมีส่วนพัวพันการก่อเหตุ และมีโยงใยถึง พล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนคงไม่ยืนยันตามนั้น การวิเคราะห์ มีหลายมุม หลากหลาย เราจับประเด็นทุกเป้า ว่าเป้าไหนใกล้เคียงที่สุด ซึ่งเราก็เข้าใกล้พอสมควรแล้ว ที่ตร.แถลงความคืบหน้าก็มีมากขึ้น แต่คงยากที่จะสามารถโยงไปถึงคนเบื้องหลัง เพราะเขาจะต้องแยกส่วน ตัดตอนเอาไว้เรียบร้อย แต่ทิศทางก็ทำให้เราวิเคราะห์ได้อยู่

**"สพรั่ง"ไฟเขียว ทอท.ตัดล็อกซ์เลย์

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผบ.ทบ.และผู้ช่วยเลขาฯคมช.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารท่าอากาศยานทั่วประเทศของ ทอท.วานนี้ (5 ม.ค.)ว่า ต้องการสร้างจิตสำนึกในการรักษาความปลอดภัยของผู้บริหารทอท.อันเกิดจากการกระทำของผู้ไม่หวังดี โดยเน้นห้ามมองข้ามทุกมาตรการ และต้องตรวจสอบบริษัทที่เข้ามารับสัมปทานกับทอท.หากไม่สามารถปฎิบัติงานได้ตามมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในสัญญาก็ให้พิจารณาเพิกถอนได้เลย ตามอำนาจหน้าที่และเสนอมาได้ตามขั้นตอน

สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากที่บอร์ดทอท.ได้เรียกกลุ่มล็อกซเลย์-ไอซีทีเอสคอนซอร์เทียม ผู้รับสัมปทานรักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาสอบถามมาตรการและการปฎิบัติงานพบว่า ไม่ผ่านมาตรฐาน และไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน ซึ่งให้ฝ่ายบริหารทอท.พิจารณาหากเห็นว่าสามารถให้โอกาสในการปรับปรุงได้หรือ เห็นว่าประเด็นความบกพร่องของบริษัทมีผลทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยสูง หรือเปิดช่องให้ข้าศึกเข้ามาทำให้เสียหายได้ ทอท.ต้องเร่งรัดดำเนินการตามสัญญาอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง

พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ฝ่ายบริหารต้องตรวจสอบสิ่งที่บกพร่องว่ารุนแรงถึงขั้นยกเลิกสัญญาหรือไม่ ซึ่งบอร์ดจะไม่ลงไปยุ่งในรายละเอียด ทอท.ต้องพิจารณาและเสนอมาตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยเจ้าหน้า รปภ.ตามมาตรฐานนั้น ควรมีรปภ.ตามจุดต่างๆทุกคนต้องมีความรอบรู้ ผ่านการอบรม มีไหวพริบดี มีการแนะนะที่ดี สม่ำเสมอ และต้องมีสายตรวจ ในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่อีกที แต่ขณะนี้ย่อหย่อน เป็นช่องว่างที่ทำให้กลุ่มบุคคลที่คิดใช้พื้นที่สนามบินเป็นจุดก่อเหตุเข้าดำเนินการได้

"วันนี้ยังไม่เกิดเหตุใด ที่ผมมาทำหรือช่วยเพื่อป้องกัน เพราะต้องเตรียมการ ตรวจอสอบ ปรับแผน และติดตามสถานการณ์ กันก่อนแก้ ไม่ใช่ให้เกิดเหตุก่อน ให้ทุกคนรับทราบว่าใครก็ตามที่เข้ามาทำธุรกิจกับทอท.ต้องมีขีดความสามารถตามเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ใช่เห็นกับรายได้ก้อนโตก็เข้ามาได้ ซึ่งบริษัทที่เข้ามารับหน้าที่ รักษาความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ มีข้อจำกัดในการหาบุคลากรที่มีคุณภาพตามเกณฑ์ ต่างจากตอนที่เสนอประมูลเข้ามาไม่เห็นเป็นแบบนี้"พล.อ.สพรั่ง กล่าว

ส่วนสนามบินอื่นๆ ของทอท.นั้น พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ต้องเข้มข้นทั้งเครื่องมือที่ทันสมัยและคน หากเครื่องมือทันสมัยแต่คนแย่ เครื่องมือก็ได้แค่บันทุกข้อมูลหลักฐาน แต่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่คนสำคัญเพราะจะช่วยในการป้องกันได้ ซึ่งคงต้องมีการลงทุนเพิ่ม

ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.สพรั่ง ได้ประชุมร่วมกับ คมช.เพื่อประเมินและแจ้งนโยบายให้มีการปรับบทบาทการทำงานร่วมกันของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบในเรื่องการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ

"การทำงานเพื่อความมั่นคงไม่ใช่มุ่งสนใจแต่งานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเท่านั้น แต่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม จึงต้องมีการปรับบทบาทการทำงานใหม่ จะมีการจัดอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่พนักงานทำความสะอาด เจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ส่วนการปกครองท้องถิ่นที่ทำงานด้านมวลชน ต้องช่วยเข้ามาเป็นหูเป็นตาให้ด้วย"

ส่วนที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจมีการก่อเหตุในช่วง 2–3 เดือนจากนี้ขึ้นอีกนั้น ในเรื่องนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้สั่งการให้มีการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้มีความใกล้เคียงกับประเทศที่ถูกคุกคามหรือการก่อการร้ายในประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนสนามบินทุกแห่งจะต้องยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยโดยเน้นด้านการป้องกันให้อยู่ในขั้นสูงสุด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล

นอกจากนี้ การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นนั้น เชื่อว่าไม่ใช่เป็นการก่อการร้ายสากล แต่เกิดจากกลุ่มที่ต้องการก่อกวนและสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเท่านั้น รวมทั้งได้มีการพุดคุยกับผู้ที่เข้ามารับสัมปทานโครงการต่างๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากกลุ่มที่รับสัมปทาน หรือเสียผลประโยชน์จากโครงการต่างๆในสนามบินสุวรรณภูมิอย่างแน่นอน

**ชี้อำนาจเก่าหนุนพวกป่วนเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติซ้อน ว่า รัฐบาลและคมช.ควรเร่งควบคุมสถานการณ์ข่าวลือ รวมไปถึงการสร้างความชัดเจนต่อกรณีเหตุระเบิด 8 จุดที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชน และเห็นว่าการทำปฏิบัติไม่ว่าจะซ้ำหรือซ้อน ต่างก็สร้างผลกระทบต่อประเทศชาติหลายด้าน ดังนั้นไม่ว่ากลุ่มใด ก็ไม่ควรเล่นนอกระบบ โดยเฉพาะรัฐบาลควรใช้กลไกที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และปล่อยให้กระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีคนใกล้ชิดเคยบอกกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า กลุ่มอำนาจเก่ากำลังพยายามวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลและคมช.ไม่สามารถบริหารประเทศได้ โดยหวังดึงมวลชนให้คล้อยตาม และนำไปสู่การเผชิญหน้า เพื่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยข้อมูลนี้กลับสอดคล้องด้วยท่าทีและพฤติกรรมทางการเมืองของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายมปลุกปั่นสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในขณะนี้

"ขณะนี้กลไกจากอำนาจเงิน และอำนาจเก่ายังมีอยู่ ซึ่งเห็นได้ชัดจากท่าทีในจดหมายของคุณทักษิณ ที่ยังต้องการปลุกระดมและส่งสัญญาณทางการเมืง และบทบาทของพล.อ.ชวลิต ก็ค่อนข้างชัดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาวิจารณ์ว่ารัฐบาลบริหารและปกครองบ้านเมืองไม่ได้ ซึ่งกับก่อนหน้านี้มีคนมารายงานให้ผมฟังว่า ยังมีกลุ่มอำนาจเก่าพยายามวางแผนเป็นขั้นตอน เพื่องต้องให้แสดงให้เห็นว่า คมช.และรัฐบาล ปกครองประเทศไม่ได้ ต่อมาจะมีการระดมพลมาเพื่อไม่ต้องการให้ คมช.และรัฐบาลมาปกครอง และนำไปสู่การเผชิญหน้าและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง"กล่าว นายอภิสิทธิ์

** ยังไม่เลิกขู่ขู่วางระเบิดป่วนกรุง

สำหรับเหตุการณ์ขู่ระเบิดป่วนเมือง ก็ยังคงมีอยู่อ่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ ได้มีการขู่วางระเบิดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด จากกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่าไม่พบวัตถุระเบิด หรือวัตถุต้องสงสัย แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งเหตุว่าพบวัตถุต้องสงสัย เป็นกระเป๋าสีน้ำตาลวางอยู่ที่ป้ายรถเมล์บริเวณ รัชดา ซอย 3 ใกล้สถานทูตจีน แขวงและเขตดินแดง กทม.จึงประสานเจ้าหน้าที่กองสรรพาวุธมาตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นเพียงกระเป๋าใส่เสื้อผ้า รองเท้า ไดร์เป่าผมและผ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่า เจ้าของกระเป๋าน่าจะลืมทิ้งไว้

เวลาประมาณ 12.00 น. หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารเรือ ได้เข้าตรวจสอบกระเป๋าเสื้อผ้า บริเวณป้ายรถประจำทางใกล้โรงเรียนพาณิชยการราชดำเนิน เขตทวีวัฒนา และได้ตัดสินใจใช้ปืนยิงน้ำแรงดันสูงเข้าทำลายเป้าหมาย ปรากฏว่าภายในกระเป๋าพบมุ้ง แผ่นซีดี 1 แผ่น เส้นลวด และเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง ตำรวจเชื่อเป็นกระเป๋าของคนเร่ร่อน อย่างไรก็ตาม จะรวบรวมไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.พินิจ มณีรัตน์ โฆษกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้กล่าวถึงมาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยกรณีกลุ่มผู้ก่อกวนโทรศัพท์ข่มขู่วางระเบิดตามสถานที่ต่างๆว่า ทางบช.น.มีมาตรการให้ตำรวจทุกสน. เตรียมการรับมือในเรื่องนี้แล้ว โดยได้มีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมชุดเก็บกู้ระเบิด พร้อมแบ่งพื้นที่เกิดเหตุในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบวัตถุระเบิด ซึ่งภายในชุดยังได้ประสานงานขอความร่วมมือกับทางทหาร 3 เหล่าทัพที่เชี่ยวชาญในการตรวจสอบวัตถุระเบิดร่วมเข้าตรวจสอบ โดยมีการฝึกซ้อมแผนเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดร่วมกันอยู่เป็นประจำ

ส่วนกรณีที่กล้องทีวีวงจรปิดในหลายจุดชำรุดใช้การไม่ได้ ขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจทุก สน. เข้าไปตรวจสอบกล้องใน "เซฟตี้โซน"เพื่อทำการแก้ไขซ่อมแซมกล้องที่เสีย และตรวจสอบกล้องตามสถานประกอบการในพื้นที่เพื่อหาเบาะแส พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือในการตรวจสอบสมรรถภาพของกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและตรวจสอบได้ พร้อมแนะนำให้ติดตั้งเพิ่มเติมโดยเฉพาะกล้องที่หันทางถนน เพื่อให้สามารถตรวจสอบคนร้ายได้ง่ายขึ้น

**ขู่วางระเบิดลามไปต่างจังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการขู่วางระเบิดในจุดต่างๆในกรุงเทพฯ แล้ว ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็เริ่มมีการขู่วางระเบิดด้วยเช่นกัน เช่นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีการขู่วางระเบิดถึง 8 จุดทั่วตลาดปากช่อง จนสร้างความปั่นป่วนแก่ประชาชนและเด็กนักเรียนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

ส่วนที่จ.กาญจนบุรี ก็มีการแจ้งข่าวว่า พบกล่องกระดาษใช้ผ้าเท๊ปสีดำคาดพบสายไฟโผล่ออกมาจากกล่องตั้งทิ้งไว้ที่บริเวณข้างถนนแสงชูโต ติดกับรั้วด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด ได้นำระเบิดทำลายที่เพื่อทำการระเบิดกล่องดังกล่าวทิ้ง เมื่อระเบิดกล่องดังกล่าวพบภายในมีขวดยาสระผม 3 ขวด ก๊อกน้ำ 1 อันและท่อพีวีซี

นอกจากนี้ ยังมีโทรศัพท์ขู่วางระเบิดที่ โรงเรียนศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบว่ามีกระเป๋าลายทหารซุกซ่อนอยู่ภายในถังขยะบริเวณลานพักผ่อนระหว่างอาคารเรียน 2 และ 3 จากการเก็บกู้โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ก็พบว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นเพียงกระเป๋าที่มีคนนำมาทิ้งเท่านั้น

ส่วนที่จ.กำแพงเพชร ช่วงสายวานนี้ มีประชาชนจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.เมืองกำแพงเพชร อ.พรานกระต่าย และ อ.ลานกระบือ กว่า 2,000 คน มารวมตัวชุมนุมถือป้ายข้อความประณามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ ทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน และสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังร่วมกันประณามคนร้ายที่ลอบวางเพลิงโรงเรียน 5 แห่งในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น