ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬายืนยัน หนุนโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ เตรียมเดินหน้าสร้างแน่ในปี 2550 แต่อาจปรับลดงบประมาณลง เนื่องจากข้อจำกัดของรัฐบาล ขณะที่ภาคเอกชนเฮลั่น หลังผลักดันมายาวนาน เชื่อจะส่งผลดีธุรกิจภาพรวมภาคเหนือแน่นอน ด้านที่ปรึกษา ททท.ด้านการออกแบบโครงการ ชี้เป็นไปได้ยากที่จะปรับลดขนาดลงไปกว่านี้
วานนี้(18 ธ.ค.49) ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครรักษาดินแดน บ้านหนองฮ่อ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งศูนย์พัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ เพื่อตรวจดูพื้นที่โครงการ หลังจากที่ได้ชะลอโครงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ระหว่างการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.) จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาสนับสนุนดำเนินโครงการนี้ต่อไป
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน โดยในช่วงที่สั่งให้ชะลอโครงการไป เป็นเพราะต้องการให้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดและรอบด้าน อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการต่อไป จะต้องมีการปรับลดงบประมาณลงให้ประหยัดที่สุด และเหมาะกับความจำเป็นมากที่สุดด้วย เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ แต่จะพยายามไม่ให้ถึงขั้นต้องมีการปรับลดขนาดลง
ส่วนงบประมาณที่จะปรับลดลงจะเป็นจำนวนเท่าใด จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะสรุป โดยคาดว่าหากทุกอย่างเรียบร้อยโครงการนี้น่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2550 และจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2551 หรือต้นปี 2552 ขณะที่การบริหารจัดการศูนย์ประชุมฯ แห่งนี้หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ เบื้องต้นมองว่าจะต้องเป็นไปในลักษณะให้สัมปทานแก่เอกชนในการเข้ามาบริหารจัดการ
ขณะที่นายสาโรช รัตนาวดี ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้ายื่นหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับทราบว่าทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะดำเนินการโครงการนี้ต่อไป ทำให้รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะโครงการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนได้ร่วมกันผลักดันมายาวนาน ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วก็จะเป็นสมบัติของทั้งเชียงใหม่และภาคเหนือทั้งหมด โดยจะส่งผลดีต่อการเคลื่อนไหวของธุรกิจในพื้นที่อย่างเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยว
ส่วนกรณี ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า อาจจะต้องมีการปรับลดงบประมาณโครงการลงนั้น มองว่าหากมีการปรับลดลงเกรงว่า จะทำให้ศูนย์ประชุมฯดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่คับแคบกว่าเดิม ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อการรองรับการจัดประชุมระดับนานาชาติ ที่ตามปกติจะมีผู้เข้าร่วมประชุมอย่างต่ำประมาณ 2,000 คน แต่ทั้งนี้ได้มีการให้ข้อเสนอแนะดังกล่าวไปแล้วผ่านทางหนังสือ ที่ยื่นให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ด้านนายอนุรักษ์ คุณยศยิ่ง ที่ปรึกษาด้านการออกแบบโครงการ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แบบแปลนก่อสร้างของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์พัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในเวลานี้ได้ถูกออกแบบจนเหลือขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว โดยได้ออกแบบให้สามารถใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคต่างๆ ร่วมกันได้ทั้งหมด แต่ยังคงประโยชน์ใช้สอยไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถลดงบประมาณจากกว่า 3,300 ล้านบาท ให้เหลือเพียงประมาณ 1,900 ล้านบาท ดังนั้น มองว่าเป็นไปได้ยากที่จะปรับลดงบประมาณลงไปจากนี้อีก
วานนี้(18 ธ.ค.49) ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครรักษาดินแดน บ้านหนองฮ่อ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งศูนย์พัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ เพื่อตรวจดูพื้นที่โครงการ หลังจากที่ได้ชะลอโครงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ระหว่างการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.) จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาสนับสนุนดำเนินโครงการนี้ต่อไป
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน โดยในช่วงที่สั่งให้ชะลอโครงการไป เป็นเพราะต้องการให้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดและรอบด้าน อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการต่อไป จะต้องมีการปรับลดงบประมาณลงให้ประหยัดที่สุด และเหมาะกับความจำเป็นมากที่สุดด้วย เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ แต่จะพยายามไม่ให้ถึงขั้นต้องมีการปรับลดขนาดลง
ส่วนงบประมาณที่จะปรับลดลงจะเป็นจำนวนเท่าใด จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะสรุป โดยคาดว่าหากทุกอย่างเรียบร้อยโครงการนี้น่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2550 และจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2551 หรือต้นปี 2552 ขณะที่การบริหารจัดการศูนย์ประชุมฯ แห่งนี้หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ เบื้องต้นมองว่าจะต้องเป็นไปในลักษณะให้สัมปทานแก่เอกชนในการเข้ามาบริหารจัดการ
ขณะที่นายสาโรช รัตนาวดี ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้ายื่นหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับทราบว่าทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะดำเนินการโครงการนี้ต่อไป ทำให้รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะโครงการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนได้ร่วมกันผลักดันมายาวนาน ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วก็จะเป็นสมบัติของทั้งเชียงใหม่และภาคเหนือทั้งหมด โดยจะส่งผลดีต่อการเคลื่อนไหวของธุรกิจในพื้นที่อย่างเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยว
ส่วนกรณี ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า อาจจะต้องมีการปรับลดงบประมาณโครงการลงนั้น มองว่าหากมีการปรับลดลงเกรงว่า จะทำให้ศูนย์ประชุมฯดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่คับแคบกว่าเดิม ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อการรองรับการจัดประชุมระดับนานาชาติ ที่ตามปกติจะมีผู้เข้าร่วมประชุมอย่างต่ำประมาณ 2,000 คน แต่ทั้งนี้ได้มีการให้ข้อเสนอแนะดังกล่าวไปแล้วผ่านทางหนังสือ ที่ยื่นให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ด้านนายอนุรักษ์ คุณยศยิ่ง ที่ปรึกษาด้านการออกแบบโครงการ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แบบแปลนก่อสร้างของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์พัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในเวลานี้ได้ถูกออกแบบจนเหลือขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว โดยได้ออกแบบให้สามารถใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคต่างๆ ร่วมกันได้ทั้งหมด แต่ยังคงประโยชน์ใช้สอยไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถลดงบประมาณจากกว่า 3,300 ล้านบาท ให้เหลือเพียงประมาณ 1,900 ล้านบาท ดังนั้น มองว่าเป็นไปได้ยากที่จะปรับลดงบประมาณลงไปจากนี้อีก