xs
xsm
sm
md
lg

กรมศิลป์ชี้โทษคุก 10 ปี นายกเล็กโคราชทำลายกำแพงเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกเล็กโคราช"เด็กสุวัจน์"พร้อมทีมบริหารดิ้นเปิดแถลงข่าวโต้กรมศิลปากรอ้างไม่ได้ทำลายกำแพงเมืองโบราณ แต่ต้องฝังกลบเพื่อรองรับโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ 77 ล้านบาทอันสำคัญยิ่งยวดของเทศบาล เผยผู้ว่าฯเตรียมเรียกทั้ง 2 ฝ่ายเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง 12 ธ.ค.นี้ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ระบุกำแพงเมืองโบราณโคราชสร้างสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯประกาศในกิจจานุเบกษาตั้งแต่ปี 2479 ใครทำผิด พ.ร.บ.โบราณสถานฯโทษหนักจำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท หรือทั้งจำและปรับ

วานนี้(10 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเชิดชัย โชครัตนชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลฯ กลุ่มโคราชชาติพัฒนา ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่กรมศิลปกร เข้าแจ้งความที่ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในข้อหาทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์โบราณสถานกำแพงเมืองโคราช

นายเชิดชัย เปิดเผยว่า ข่าวที่ปรากฏตามสื่อไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากที่กรมศิลปากร โดยสำนักงานศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ได้ทำการขุดค้นพบกำแพงเมืองโบราณ เมื่อประมาณเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณสวนอนุสรณ์สถานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีทั้ง 2 ด้าน จำนวน 7 หลุม โดยพบสภาพกำแพงเมืองที่ไม่สมบูรณ์ และมีแนวที่ไม่ชัดเจน 6 หลุม ทางกรมศิลปกรจึงได้ทำการกลบ เหลือเฉพาะหลุมที่อยู่บริเวณสวนรัก ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด จากการประชุมร่วมกันของเทศบาลฯ และกรมศิลปากร ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรจัดทำรายละเอียดโครงการบูรณะกำแพงเมืองเพื่อขอรับการสนับสนุนจากเทศบาล

นายเชิดชัย กล่าวว่า ในช่วงระหว่างที่รอรายละเอียดโครงการบูรณะกำแพงเมืองจากกรมศิลปากร เทศบาลจึงได้มีการประสานงานกับสำนักศิลปากรที่ 12 นครราสีมา และได้ข้อสรุปว่าให้กลบดินหลุมที่อยู่บริเวณสวนรัก เป็นการชั่วคราวเพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามรูปแบบเดิมก่อนขณะรอแบบแปลงจากกรมศิลปากร เพราะในพื้นที่ดังกล่าว ทางเทศบาลมีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองโดยการสร้างสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของเทศบาลนครนครราชสีมาใช้งบประมาณรวม 77 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และจัดกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ซึ่งเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาไปก่อนหน้าที่จะมีการขุดพบกำแพงเมืองโบราณ คือเมื่อประมาณเดือน เม.ย.49 ฉะนั้นหากไม่ฝังกลบ ก็จะเป็นเหตุผลที่ผู้รับเหมานำมาอ้างในการขอยืดระยะเวลาสิ้นสุดสัญญาการก่อสร้างได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงการไม่แล้วเสร็จตามกำหนดได้ ภายหลังจากทางเทศบาลทำการฝังกลบหลุมที่ขุดแต่งประมาณ 2 สัปดาห์ ทางสำนักศิลปากรที่ 12 จึงได้จัดส่งรายละเอียดโครงการบูรณะกำแพงเมืองบริเวณสวนรัก พร้อมแจ้งวงเงิน 7.7 แสนบาท มาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.49 โดยในช่วงที่มีการกลบจนถึงวันที่ส่งรายละเอียดโครง การบูรณะกำแพงนั้น สำนักงานศิลปากรที่ 12 ไม่ได้มีการแจ้งประสานถึงปัญหาเกี่ยวกับการกลบหลุมที่ขุดแต่งแต่อย่างใด

ฉะนั้นการดำเนินการกลบหลุมขุดแต่งของทางเทศบาลฯ จึงไม่ได้เป็นการทำลายกำแพงเมืองหรือทำความเสียหายต่อโบราณสถาน และไม่ได้มีการจัดหาผู้รับจ้างหลังจากมีการขุดพบกำแพงเมืองตามที่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองนครราชสีมา แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เมื่อทางกรมศิลปากรมีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางเทศบาลฯ แล้วก็จะตั้งนิติกรขึ้นมาต่อสู้คดี และให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยวันที่ 12 ธ.ค.นี้ นายสมบูรณ์ งามลักษ์ ผวจ.นครราชสีมา จะเรียกตนและสำนักงานศิลปากรที่ 12 มาพูดคุยชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ

**กรมศิลป์ชี้มีโทษหนัก 10 ปี

ด้านนายอนันต์ ชูโชติ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา เปิดเผยว่า กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานกำแพงเมืองโคราช ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตามประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดโบราณสถานสำหรับชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 53 ตอนที่ 35 วันที่ 27 ก.ย.2479 โดยกำแพงเมืองโคราชหรือเมืองนครราชสีมา นับเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งของ จ.นครราชสีมา ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวว่า เมืองนครราชสีมา และกำแพงเมืองสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231) พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา

ภายหลังจากทำการขุดค้นพบกำแพงเมืองโบราณก่อด้วยอิฐ กว้าง 3 เมตร ความยาวของการขุดค้นประมาณ 37 เมตร ด้านทิศตะวันตก ในช่วงระหว่าง ส.ค.-ก.ย.49 ทางสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา จึงได้จัดทำโครงการบูรณะกำแพงเมืองโคราช เพื่อที่จะดำเนินการอนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้ให้คงความเป็นของแท้และดั้งเดิมสืบทอดต่อไปในอนาคต

แต่ปรากฏว่า ทางเทศบาลฯ กลับมาทำการฝังกลบหลุมขุดค้นดังกล่าว และยังให้ หจก.ไทยเจริญศรีษะเกษ เข้าทำการปูพื้นหินอ่อนทับบริเวณดังกล่าว เป็นการกระทำผิด ตามพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งตนได้รับมอบอำนาจจากนายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย แล้วเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาที่ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา ในข้อหา "ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ โบราณสถานกำแพงเมืองโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา"
กำลังโหลดความคิดเห็น