ตลก.รัฐธรรมนูญ เดินเครื่องขบวนการพิจารณาคดียุบพรรค โดยได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มคดี ขีดเส้น 12 ธันวาฯ 5 พรรคต้องยื่นบัญชี พยาน จากนั้น 3-4 มกราฯ นัดคู่กรณีตรวจหลักฐาน ส่วนการไต่สวนนัดแรกเริ่ม 16 และ 18 ม.ค. ทรท.พ่ายยกแรก ข้อเลื่อนเวลายื่นบัญชีพยาน แต่ตุลาการฯปฎิเสธ ปชป.คาดภายใน กุมภาฯนี้ จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (30 พ.ย.) คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา เป็นประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อชี้แจงขั้นตอนและกระบวนการวิธีพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้พิจารณายุบ 5 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคแผ่นดินไทย และอัยการสูงสุดได้รับทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของอัยการสูงสุด มี นายอรรถพล ใหญ่สว่าง เป็นผู้แทนรับฟังคำชี้แจง ส่วนพรรคประชาธิปัตย ์นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯในฐานะหัวหน้าทีม และแกนนำพรรคอีกกว่า 20 คน เข้าร่วม ด้านพรรคไทยรักไทยนำโดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรคและทนายความรวม 7 คน
ส่วนอีก 3 พรรค มีนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย นายบุญาบารมีภณ ชิณราช หัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย นางอิสรา ยวงประสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า เข้าร่วมรังฟังคำชี้แจง
นายสมชาย พงษธา ตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ทำหน้าที่ชี้แจงแทนคณะตุลาการ ว่า หลังคณะตุลาการได้รับโอนคดีที่อัยการสูงสุดขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคมาจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นว่าทั้ง 5 คดีมีส่วนเกี่ยวเนื่องกัน จึงได้แบ่งคดีออกเป็น 2 กลุ่ม
โดยกลุ่มแรกอัยการสูงสุดกล่าวหาว่าพรรคไทยรักไทยจ่ายเงินให้กับพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องให้ได้คะแนนในเขตเลือกไม่น้องกว่าร้อยละ 20 ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวหาว่าพรรคพัฒนาชาติไทย ได้มีการดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลงรายชื่อสมาชิกในระบบฐานข้อมูลการเป็น สมาชิกพรรคการเมืองเพื่อให้มีสิทธิ์ได้ลงรับเลือกตั้ง จึงให้รวมพิจารณาเป็นกลุ่มคดีเดียวกัน
กลุ่มที่ 2 เกี่ยวเนื่องกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยอัยการสูงสุดกล่าวหาว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนรู่เห็น ให้การสนับสนุนนายทัศนัย กี่สุ้น อดีตผู้ช่วยของ นายสาทิตย์ ให้นำ น.ส.นิภา จันโท นางรัชนู ต่างสี และนายอาทิตย์ อบอุ่น ไปสมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงให้รวมพิจารณาเป็นกลุ่มคดีที่ 2
นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงของข้อกำหนด กระบวนวิธีพิจารณาคดีของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีการประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2549 ดังนั้นขั้นตอนต่อไปทั้งอัยการสูงสุด และผู้แทนของทั้ง 5 พรรคการเมือง จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานหลักฐาน พร้อมกับแสดงเหตุผลความจำเป็นในการยื่นพยาน และชี้แจงถึงวิธีการได้มาของพยานดังกล่าว โดยคณะตุลาการฯเห็นสมควรให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานภายในวันอังคารที่ 12 ธ.ค.2549 นี้
พร้อมกันนี้เพื่อให้การดำเนินกระบวนการพิจารณา เป็นไปด้วยความยุติธรรม จึงกำหนดให้มีการตรวจพยานหลักฐานก่อนการไต่สวน โดยในวันตรวจพยานหลักฐาน คณะตุลาการฯจะมีการสอบถามคู่กรณีว่ารับได้กับพยานหลักฐานเอกสารของแต่ละฝ่ายหรือไม่ และจะกำหนดว่าจะอนุญาตให้มีการไต่สวนพยานกี่ปาก ปากใดบ้าง ระยะเวลาการไต่สวน ของแต่ฝ่าย ฝ่ายละเท่าใด ทั้งนี้ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานของทั้ง 2 กลุ่มคดี โดยกลุ่มคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ในวันที่ 3 ม.ค.2550 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้มีการไต่สวนคดีในกลุ่มนี้ทุกวันอังคาร เวลา 10 .00 น.โดยนัดแรกในวันที่ 16 ม.ค.50
ส่วนกลุ่มคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 4 ม.ค.2550 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้มีการไต่สวนคดีในกลุ่มที่ 2 ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น. โดยนัดแรก ในวันที่ 18 ม.ค. 2550
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นคณะตุลาการฯได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีซักถามในประเด็นที่สงสัย ซึ่งว่า นายพงศ์เทพ ได้ขอให้ศาลเลื่อนระยะเวลาการยื่นบัญชีระบุพยานและการนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป โดยอ้างว่าระยะเวลาที่กำหนดกระชั้นชิด และใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ การตามพยานทำได้ลำบาก และอยากทราบว่าคู่กรณีสามารถแถลงเปิดคดีด้วยวาจาได้หรือไม่ ขณะที่นายชวน ต้องการที่จะให้ผู้ที่พรรคมอบหมายให้ดูแลในแต่ละประเด็นที่พรรคถูกร้องให้ยุบ รวม 4 ประเด็น เป็นผู้ที่ชี้แจง และสามารถซักค้านพยานได้ จะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งคณะตุลาการฯได้ขอเวลา 15 นาที ในการหารือนอกรอบ
ในที่สุดคณะตุลาการฯ โดย ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งผลการหารือว่า คณะตุลการฯเห็นว่า ระยะเวลาที่กำหนดให้มีการยื่นบัญชีพยานบุคคลในวันที่ 12 ธ.ค. 2549 เหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน และพรรคอื่นก็ไม่ได้ขัดข้องในการที่จะยื่นบัญชีในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนเรื่องการแถลงเปิดคดีนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องให้เป็นลายลักอักษร สำหรับการซักค้านพยานนั้นสามารถให้ผู้ที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็นเป็นผู้ซักค้านได้ แต่ทั้งนี้การกระทำต้องไม่ให้เกิดความยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตามการนัดพร้อมเพื่อชี้แจงขั้นตอนกระบวนวิธีพิจารณา วานนี้ ( 30 พ.ย.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ส.น.พระราชวังมารักษาความปลอดภัย โดยมีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวดกว่าปกติ มีการใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดใต้ท้องรถและตรวจกระเป๋าถือของผู้ที่เข้า-ออกบริเวณศาลรัฐธรรมนูญทุกคน
ขณะที่หัวหน้าพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ถูกเสนอยุบต่างก็ยืนยันความบริสุทธิ์ของพรรคตนเอง โดยนายพงศ์เทพ กล่าวว่า การที่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนวันระบุบัญชีพยาน ตามที่ร้องขอ ทางพรรคก็ต้องทำงานหนักขึ้น ในการติดตามพยานเพื่อมานำสืบ เพราะมีจำนวนมาก ส่วนในข้อกำหนดที่ให้คู่กรณีสามารถเบิกความพยานผ่านระบบการประชุมทางไกลได้โดยต้องแจ้งให้คณะตุลาการทราบก่อน 10 วันนั้น พรรคก็จะเลือกเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงกรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ขณะนี้อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นพยานปากสำคัญ
ส่วนที่มีข่าววว่า มีการตั้งธงที่จะยุบพรรคไทยรักไทยไว้ก่อนแล้ว คิดว่า เป็นการพูดกันของบุคคลอื่นคงไม่ใช่ตุลาการรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคณะตุลาการฯจะไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้ และไม่ถูกชี้นำจากใครทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนเคยเป็น ตุลาการศาลปกครอง และ ศาลฎีกามาก่อน อย่างไรก็ตาม พรรคได้เตรียมพยานบุคคลไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีบางคนถูกระบุ และถูกอ้างว่ารู้เห็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพ.ต.ท. ทักษิณ ที่ยังถือเป็นพยานบุคคลสำคัญที่จะต้องขึ้นเบิกความซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นวันใด
ด้านนาย ถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเชื่อมั่นว่า คณะตุลาการฯจะสามารถพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ได้เร็ว และคิดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนก.พ. 50 เพราะขนาดพรรคไทยรักไทย ขอเลื่อนเวลายื่นบัญชีพยาน ศาลยังไม่อนุญาตให้ ในขณะที่พรรคอื่นพร้อมหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม หากพรรคไทยรักไทยไม่พร้อมและประวิงเวลาในการพิจารณาคดีนั้น ศาลคงจะไม่ยินยอม ตนเห็นว่าการดำเนินการเช่นนี้ถือว่ารัดกุม จึงน่าจะแล้วเสร็จเร็วแน่นอน
นาย บุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ระบุว่าได้เตรียมพยานบุคคลไว้แก้ข้อกล่าวหา รวม10 ปากด้วยกัน โดยพรรคถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่ารับเงินลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งไม่ว่าคณะตุลาการฯจะใช้วิธีพิจารณาอย่างไรก็พร้อมให้ความร่วมมือเพราะตนไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว
ด้านนายบุญาบารมีภณ ชิณราช หัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย ยืนยันว่า สมาชิกพรรคที่ส่งสมัครมีคุณสมบัติสังกัดพรรคเกิน 90 วันก่อนวันสมัครทุกคน แต่ไม่ได้แจ้งไปยังนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่วนเรื่องของการจ้างวานพรรคเล็กนั้น ขอปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศภายหลังการรับฟังการชี้แจงของศาลรัฐธรรมนูญนั้น อดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนได้เดินเข้าไปทักทายกับทีมงานของ พรรคไทยรักไทย โดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กรรการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้แซวพรรคไทยรักไทยว่า “พรรคไทยรักไทยมากันแค่ 6-7 คน เพราะที่เหลือเขาลาออกไปหมดแล้วละสิ” และ “เคยได้เห็นแต่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยให้สัมภาษณ์ทุกวันทั้งๆที่ความจริงไม่มีอะไร แต่วันนี้ได้ทำงานจริงซะที” ทำให้นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และอดีตส.ส.ไทยรักไทยและทีมงานคนอื่นๆ ได้แต่ยิ้มตอบหน้าเจื่อนๆ
ขณะที่นาย พงศ์เทพ เทพกาญจนา หัวหน้าคณะผู้ว่าคดียุบพรรค ถูกนักข่าวถามว่า “ยกแรกก็แพ้แล้ว” ทำให้นายพงศ์เทพ กล่าวสวนกลับว่า ไม่ถือว่าแพ้อะไร แต่เป็นการทำงานให้ดีที่สุดตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (30 พ.ย.) คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา เป็นประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อชี้แจงขั้นตอนและกระบวนการวิธีพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้พิจารณายุบ 5 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคแผ่นดินไทย และอัยการสูงสุดได้รับทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของอัยการสูงสุด มี นายอรรถพล ใหญ่สว่าง เป็นผู้แทนรับฟังคำชี้แจง ส่วนพรรคประชาธิปัตย ์นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯในฐานะหัวหน้าทีม และแกนนำพรรคอีกกว่า 20 คน เข้าร่วม ด้านพรรคไทยรักไทยนำโดยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรคและทนายความรวม 7 คน
ส่วนอีก 3 พรรค มีนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย นายบุญาบารมีภณ ชิณราช หัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย นางอิสรา ยวงประสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า เข้าร่วมรังฟังคำชี้แจง
นายสมชาย พงษธา ตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ทำหน้าที่ชี้แจงแทนคณะตุลาการ ว่า หลังคณะตุลาการได้รับโอนคดีที่อัยการสูงสุดขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคมาจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นว่าทั้ง 5 คดีมีส่วนเกี่ยวเนื่องกัน จึงได้แบ่งคดีออกเป็น 2 กลุ่ม
โดยกลุ่มแรกอัยการสูงสุดกล่าวหาว่าพรรคไทยรักไทยจ่ายเงินให้กับพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องให้ได้คะแนนในเขตเลือกไม่น้องกว่าร้อยละ 20 ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวหาว่าพรรคพัฒนาชาติไทย ได้มีการดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลงรายชื่อสมาชิกในระบบฐานข้อมูลการเป็น สมาชิกพรรคการเมืองเพื่อให้มีสิทธิ์ได้ลงรับเลือกตั้ง จึงให้รวมพิจารณาเป็นกลุ่มคดีเดียวกัน
กลุ่มที่ 2 เกี่ยวเนื่องกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยอัยการสูงสุดกล่าวหาว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนรู่เห็น ให้การสนับสนุนนายทัศนัย กี่สุ้น อดีตผู้ช่วยของ นายสาทิตย์ ให้นำ น.ส.นิภา จันโท นางรัชนู ต่างสี และนายอาทิตย์ อบอุ่น ไปสมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงให้รวมพิจารณาเป็นกลุ่มคดีที่ 2
นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงของข้อกำหนด กระบวนวิธีพิจารณาคดีของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีการประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2549 ดังนั้นขั้นตอนต่อไปทั้งอัยการสูงสุด และผู้แทนของทั้ง 5 พรรคการเมือง จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานหลักฐาน พร้อมกับแสดงเหตุผลความจำเป็นในการยื่นพยาน และชี้แจงถึงวิธีการได้มาของพยานดังกล่าว โดยคณะตุลาการฯเห็นสมควรให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานภายในวันอังคารที่ 12 ธ.ค.2549 นี้
พร้อมกันนี้เพื่อให้การดำเนินกระบวนการพิจารณา เป็นไปด้วยความยุติธรรม จึงกำหนดให้มีการตรวจพยานหลักฐานก่อนการไต่สวน โดยในวันตรวจพยานหลักฐาน คณะตุลาการฯจะมีการสอบถามคู่กรณีว่ารับได้กับพยานหลักฐานเอกสารของแต่ละฝ่ายหรือไม่ และจะกำหนดว่าจะอนุญาตให้มีการไต่สวนพยานกี่ปาก ปากใดบ้าง ระยะเวลาการไต่สวน ของแต่ฝ่าย ฝ่ายละเท่าใด ทั้งนี้ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานของทั้ง 2 กลุ่มคดี โดยกลุ่มคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ในวันที่ 3 ม.ค.2550 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้มีการไต่สวนคดีในกลุ่มนี้ทุกวันอังคาร เวลา 10 .00 น.โดยนัดแรกในวันที่ 16 ม.ค.50
ส่วนกลุ่มคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 4 ม.ค.2550 เวลา 10.00 น. และกำหนดให้มีการไต่สวนคดีในกลุ่มที่ 2 ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น. โดยนัดแรก ในวันที่ 18 ม.ค. 2550
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นคณะตุลาการฯได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีซักถามในประเด็นที่สงสัย ซึ่งว่า นายพงศ์เทพ ได้ขอให้ศาลเลื่อนระยะเวลาการยื่นบัญชีระบุพยานและการนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป โดยอ้างว่าระยะเวลาที่กำหนดกระชั้นชิด และใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ การตามพยานทำได้ลำบาก และอยากทราบว่าคู่กรณีสามารถแถลงเปิดคดีด้วยวาจาได้หรือไม่ ขณะที่นายชวน ต้องการที่จะให้ผู้ที่พรรคมอบหมายให้ดูแลในแต่ละประเด็นที่พรรคถูกร้องให้ยุบ รวม 4 ประเด็น เป็นผู้ที่ชี้แจง และสามารถซักค้านพยานได้ จะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งคณะตุลาการฯได้ขอเวลา 15 นาที ในการหารือนอกรอบ
ในที่สุดคณะตุลาการฯ โดย ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งผลการหารือว่า คณะตุลการฯเห็นว่า ระยะเวลาที่กำหนดให้มีการยื่นบัญชีพยานบุคคลในวันที่ 12 ธ.ค. 2549 เหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน และพรรคอื่นก็ไม่ได้ขัดข้องในการที่จะยื่นบัญชีในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนเรื่องการแถลงเปิดคดีนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องให้เป็นลายลักอักษร สำหรับการซักค้านพยานนั้นสามารถให้ผู้ที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็นเป็นผู้ซักค้านได้ แต่ทั้งนี้การกระทำต้องไม่ให้เกิดความยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตามการนัดพร้อมเพื่อชี้แจงขั้นตอนกระบวนวิธีพิจารณา วานนี้ ( 30 พ.ย.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ส.น.พระราชวังมารักษาความปลอดภัย โดยมีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวดกว่าปกติ มีการใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดใต้ท้องรถและตรวจกระเป๋าถือของผู้ที่เข้า-ออกบริเวณศาลรัฐธรรมนูญทุกคน
ขณะที่หัวหน้าพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ถูกเสนอยุบต่างก็ยืนยันความบริสุทธิ์ของพรรคตนเอง โดยนายพงศ์เทพ กล่าวว่า การที่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนวันระบุบัญชีพยาน ตามที่ร้องขอ ทางพรรคก็ต้องทำงานหนักขึ้น ในการติดตามพยานเพื่อมานำสืบ เพราะมีจำนวนมาก ส่วนในข้อกำหนดที่ให้คู่กรณีสามารถเบิกความพยานผ่านระบบการประชุมทางไกลได้โดยต้องแจ้งให้คณะตุลาการทราบก่อน 10 วันนั้น พรรคก็จะเลือกเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงกรณีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ขณะนี้อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นพยานปากสำคัญ
ส่วนที่มีข่าววว่า มีการตั้งธงที่จะยุบพรรคไทยรักไทยไว้ก่อนแล้ว คิดว่า เป็นการพูดกันของบุคคลอื่นคงไม่ใช่ตุลาการรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคณะตุลาการฯจะไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้ และไม่ถูกชี้นำจากใครทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนเคยเป็น ตุลาการศาลปกครอง และ ศาลฎีกามาก่อน อย่างไรก็ตาม พรรคได้เตรียมพยานบุคคลไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีบางคนถูกระบุ และถูกอ้างว่ารู้เห็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพ.ต.ท. ทักษิณ ที่ยังถือเป็นพยานบุคคลสำคัญที่จะต้องขึ้นเบิกความซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นวันใด
ด้านนาย ถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเชื่อมั่นว่า คณะตุลาการฯจะสามารถพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ได้เร็ว และคิดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนก.พ. 50 เพราะขนาดพรรคไทยรักไทย ขอเลื่อนเวลายื่นบัญชีพยาน ศาลยังไม่อนุญาตให้ ในขณะที่พรรคอื่นพร้อมหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม หากพรรคไทยรักไทยไม่พร้อมและประวิงเวลาในการพิจารณาคดีนั้น ศาลคงจะไม่ยินยอม ตนเห็นว่าการดำเนินการเช่นนี้ถือว่ารัดกุม จึงน่าจะแล้วเสร็จเร็วแน่นอน
นาย บุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ระบุว่าได้เตรียมพยานบุคคลไว้แก้ข้อกล่าวหา รวม10 ปากด้วยกัน โดยพรรคถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่ารับเงินลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งไม่ว่าคณะตุลาการฯจะใช้วิธีพิจารณาอย่างไรก็พร้อมให้ความร่วมมือเพราะตนไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว
ด้านนายบุญาบารมีภณ ชิณราช หัวหน้าพรรคแผ่นดินไทย ยืนยันว่า สมาชิกพรรคที่ส่งสมัครมีคุณสมบัติสังกัดพรรคเกิน 90 วันก่อนวันสมัครทุกคน แต่ไม่ได้แจ้งไปยังนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่วนเรื่องของการจ้างวานพรรคเล็กนั้น ขอปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศภายหลังการรับฟังการชี้แจงของศาลรัฐธรรมนูญนั้น อดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนได้เดินเข้าไปทักทายกับทีมงานของ พรรคไทยรักไทย โดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กรรการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้แซวพรรคไทยรักไทยว่า “พรรคไทยรักไทยมากันแค่ 6-7 คน เพราะที่เหลือเขาลาออกไปหมดแล้วละสิ” และ “เคยได้เห็นแต่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยให้สัมภาษณ์ทุกวันทั้งๆที่ความจริงไม่มีอะไร แต่วันนี้ได้ทำงานจริงซะที” ทำให้นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และอดีตส.ส.ไทยรักไทยและทีมงานคนอื่นๆ ได้แต่ยิ้มตอบหน้าเจื่อนๆ
ขณะที่นาย พงศ์เทพ เทพกาญจนา หัวหน้าคณะผู้ว่าคดียุบพรรค ถูกนักข่าวถามว่า “ยกแรกก็แพ้แล้ว” ทำให้นายพงศ์เทพ กล่าวสวนกลับว่า ไม่ถือว่าแพ้อะไร แต่เป็นการทำงานให้ดีที่สุดตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนด