โฆษกตร.ออกโรงค้านรื้อโครงสร้างตำรวจ ยันตำรวจไม่ได้ชั่วไปทั้งหมด พร้อมโต้กลับ"ปานเทพ-สังศิต"ไม่รู้จักตำรวจดีพอ อย่าพูด ด้าน"สังศิต"เดินหน้าเสนอรื้อโครงสร้างตร.ให้กระจายอำนาจขึ้นกับผู้ว่าฯ มีคณะกก.จากหลายส่วนร่วมดูแล กันนักการเมือง-นักธุรกิจ เอี่ยววิ่งเต้น
จากกรณีที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบงานตำรวจ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน
วานนี้(15 พ.ย.)พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร.และโฆษกตร.ได้ออกมาแถลงข่าวปฎิเสธกรณีที่ข้าราชการตำรวจถูกโจมตีในเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และตอบโต้นโยบายที่ต้องการโอนย้ายตำรวจไปขึ้นตรงกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า การตรวจสอบด้านการคอร์รัปชันในหน่วยงาน โดย ก.พ.ร.ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีส่วนทุจริตตั้งแต่ปี 47เป็นต้นมา พบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ติดใน 5 อันดับแรก ที่พบความทุจริตคอร์รัปชัน แม้แต่การฉ้อราษฎร์บังหลวง เราก็ไม่ติดอันดับ ในส่วนของการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชน ตำรวจติดอันดับสูงเกือบจะที่สุดในระบบราชการ เพราะฉะนั้นใครที่ปรามาสตำรวจว่า ทุจริตคอร์รัปชัน ให้ไปตรวจสอบได้ที่ก.พ.ร.อยากให้ไปดูหน่วยงานบางหน่วยที่เคยขึ้นกับตำรวจแล้วโอนไปสังกัดหน่วยอื่น ว่าหลังออกไปแล้ว ดีขึ้น หรือว่าทุจริตน้อยลงหรือไม่
"เดี๋ยวนี้ไม่พอใจอะไรก็ตราหน้ากันว่าเป็นเด็กทักษิณ 6 ปีที่ผ่านมาที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ อธิบดี ปลัดกระทรวง แม่ทัพนายกองทุกคน ใครบ้างที่ทักษิณไม่ได้ตั้ง แต่พอถึงเวลาที่จะเอาประโยชน์ซึ่งกันและกัน ก็มาตราหน้าว่าเป็นเด็กทักษิณ ลองดูถ้าพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไปก็ต้องแต่งตั้งทุกคน กรุณาอย่ากล่าวหาเพื่อจะเหยียบย่ำซ้ำเติมกัน"
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ยังกล่าวตอบโต้นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ และพล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ สนช.ที่ออกมาวิจารณ์งานตำรวจว่า ทั้ง 2 คนรู้จักตำรวจดีแล้วหรือ พล.อ.ปานเทพ เองรู้จักทหารดีแล้วหรือ ขณะที่ นายสังศิต ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย รู้จักอาจารย์ในมหาวิทยาลัยดีพอหรือ ที่มาตำหนิ ติเตียน ยกตนข่มท่าน และหากทั้ง 2 ไม่รู้จักงานตำรวจจริง ก็อย่ามาพูด
ส่วนการโอนตำรวจไปสังกัดกับหน่วยงานท้องถิ่น พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าท้องถิ่นใดบ้างที่เลี้ยงตัวเองได้ นอกจากกรุงเทพฯ ที่แค่เอาดับเพลิงไปบริหารก็จะแย่แล้ว หากลองเอาตำรวจนครบาลไปให้กทม.บริหารรับรอง กทม.จะไม่มีเงินดูแลคนในกทม.หรอก ต้องยอมรับไม่มีท้องถิ่นใดในประเทศไทยเลี้ยงตัวเองได้ ระบบเนชั่นแนลโพลิส เป็นระบบที่ดีที่สุด และเป็นที่ยอมรับ แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็กำลังทบทวนนำระบบนี้กลับมาใช้ โดยปรับจากระบบตำรวจท้องถิ่นมาเป็นตำรวจแห่งชาติ
ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานพัฒนาระบบงานตำรวจ กล่าวถึงการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจว่า ระบบปัจจุบันให้อำนาจคนเดียวหรือไม่กี่คน ดูแลตำรวจ 2.4 แสนนาย ทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ มีการวิ่งเต้นคดี วิ่งเต้นตำแหน่ง มีเส้นสาย มีคดีค้าง คดีที่อ่อนไหวก็ล่าช้า
"กรอบการทำงานในการปฏิรูปคือ ทำให้ตำรวจเล็กลง จากอำนาจรวมศูนย์ก็ให้มีการกระจายออกไป โดยให้ตำรวจนครบาล ขึ้นกับผู้ว่าฯกทม. ส่วนตำรวจอีก 75 จังหวัด ก็ขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ต้องมีกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ส่วนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจกองปราบปราม ก็ให้ขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในส่วนกลาง เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจ ทั้งนี้โครงสร้างที่ผมเสนอจะทำให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจได้ง่ายขึ้น และการทุจริตของตำรวจ รวมทั้งระบบการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง จะทำได้ยากกว่าเดิม และต่อไปจะทำให้ยกเลิกการแต่งตั้งนายพลได้มหาศาล ประหยัดงบประมาณ สามารถนำภาษีไปสนับสนุนด้านการศึกษาได้"นายสังศิต กล่าว
เมื่อถามต่อว่าโครงสร้างแบบนี้จะทำให้มีการวิ่งเต้นกับจังหวัดแทนแบบเดิมหรือไม่ นายสังศิต กล่าวว่า การวิ่งเต้นคงแก้ไม่ได้ทั้งหมด คณะทำงานก็ต้องมาคิดหาจะให้มีโครงสร้างอย่างไร และต้องป้องกันนักธุรกิจมาเกี่ยวข้องกับการบริหารงานตำรวจ
จากกรณีที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบงานตำรวจ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน
วานนี้(15 พ.ย.)พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร.และโฆษกตร.ได้ออกมาแถลงข่าวปฎิเสธกรณีที่ข้าราชการตำรวจถูกโจมตีในเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และตอบโต้นโยบายที่ต้องการโอนย้ายตำรวจไปขึ้นตรงกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า การตรวจสอบด้านการคอร์รัปชันในหน่วยงาน โดย ก.พ.ร.ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีส่วนทุจริตตั้งแต่ปี 47เป็นต้นมา พบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ติดใน 5 อันดับแรก ที่พบความทุจริตคอร์รัปชัน แม้แต่การฉ้อราษฎร์บังหลวง เราก็ไม่ติดอันดับ ในส่วนของการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชน ตำรวจติดอันดับสูงเกือบจะที่สุดในระบบราชการ เพราะฉะนั้นใครที่ปรามาสตำรวจว่า ทุจริตคอร์รัปชัน ให้ไปตรวจสอบได้ที่ก.พ.ร.อยากให้ไปดูหน่วยงานบางหน่วยที่เคยขึ้นกับตำรวจแล้วโอนไปสังกัดหน่วยอื่น ว่าหลังออกไปแล้ว ดีขึ้น หรือว่าทุจริตน้อยลงหรือไม่
"เดี๋ยวนี้ไม่พอใจอะไรก็ตราหน้ากันว่าเป็นเด็กทักษิณ 6 ปีที่ผ่านมาที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ อธิบดี ปลัดกระทรวง แม่ทัพนายกองทุกคน ใครบ้างที่ทักษิณไม่ได้ตั้ง แต่พอถึงเวลาที่จะเอาประโยชน์ซึ่งกันและกัน ก็มาตราหน้าว่าเป็นเด็กทักษิณ ลองดูถ้าพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไปก็ต้องแต่งตั้งทุกคน กรุณาอย่ากล่าวหาเพื่อจะเหยียบย่ำซ้ำเติมกัน"
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ยังกล่าวตอบโต้นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ และพล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ สนช.ที่ออกมาวิจารณ์งานตำรวจว่า ทั้ง 2 คนรู้จักตำรวจดีแล้วหรือ พล.อ.ปานเทพ เองรู้จักทหารดีแล้วหรือ ขณะที่ นายสังศิต ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย รู้จักอาจารย์ในมหาวิทยาลัยดีพอหรือ ที่มาตำหนิ ติเตียน ยกตนข่มท่าน และหากทั้ง 2 ไม่รู้จักงานตำรวจจริง ก็อย่ามาพูด
ส่วนการโอนตำรวจไปสังกัดกับหน่วยงานท้องถิ่น พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าท้องถิ่นใดบ้างที่เลี้ยงตัวเองได้ นอกจากกรุงเทพฯ ที่แค่เอาดับเพลิงไปบริหารก็จะแย่แล้ว หากลองเอาตำรวจนครบาลไปให้กทม.บริหารรับรอง กทม.จะไม่มีเงินดูแลคนในกทม.หรอก ต้องยอมรับไม่มีท้องถิ่นใดในประเทศไทยเลี้ยงตัวเองได้ ระบบเนชั่นแนลโพลิส เป็นระบบที่ดีที่สุด และเป็นที่ยอมรับ แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็กำลังทบทวนนำระบบนี้กลับมาใช้ โดยปรับจากระบบตำรวจท้องถิ่นมาเป็นตำรวจแห่งชาติ
ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานพัฒนาระบบงานตำรวจ กล่าวถึงการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจว่า ระบบปัจจุบันให้อำนาจคนเดียวหรือไม่กี่คน ดูแลตำรวจ 2.4 แสนนาย ทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ มีการวิ่งเต้นคดี วิ่งเต้นตำแหน่ง มีเส้นสาย มีคดีค้าง คดีที่อ่อนไหวก็ล่าช้า
"กรอบการทำงานในการปฏิรูปคือ ทำให้ตำรวจเล็กลง จากอำนาจรวมศูนย์ก็ให้มีการกระจายออกไป โดยให้ตำรวจนครบาล ขึ้นกับผู้ว่าฯกทม. ส่วนตำรวจอีก 75 จังหวัด ก็ขึ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ต้องมีกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ส่วนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจกองปราบปราม ก็ให้ขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในส่วนกลาง เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจ ทั้งนี้โครงสร้างที่ผมเสนอจะทำให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจได้ง่ายขึ้น และการทุจริตของตำรวจ รวมทั้งระบบการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง จะทำได้ยากกว่าเดิม และต่อไปจะทำให้ยกเลิกการแต่งตั้งนายพลได้มหาศาล ประหยัดงบประมาณ สามารถนำภาษีไปสนับสนุนด้านการศึกษาได้"นายสังศิต กล่าว
เมื่อถามต่อว่าโครงสร้างแบบนี้จะทำให้มีการวิ่งเต้นกับจังหวัดแทนแบบเดิมหรือไม่ นายสังศิต กล่าวว่า การวิ่งเต้นคงแก้ไม่ได้ทั้งหมด คณะทำงานก็ต้องมาคิดหาจะให้มีโครงสร้างอย่างไร และต้องป้องกันนักธุรกิจมาเกี่ยวข้องกับการบริหารงานตำรวจ