ครป.หนุนแนวคิดปฎิรูป อสมท. พร้อมเชียร์รักษาการผู้อำนวยการที่ชูแนวคิด “สัมมา ปัญญา” เน้นนำเสนอข่าวสารและสาระต่อสังคม มากกว่าแสวงหากำไรให้ผู้ถือหุ้นอย่างเดียว ระบุคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสาธารณะ แต่ถูกรัฐบาลทักษิณ ลักไก่นำไปแปลงเป็นหุ้นขายในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมจี้รัฐบาล และ คมช.ทบทวนสัญญาคลื่นวิทยุของกองทัพที่ถูกจัดสรรเพื่อสนองผลประโยชน์
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงสนับสนุนแนวคิดปฏิรูปคณะกรรมการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) และนายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร รักษาการ ผอ.อสมท. ที่ชูแนวคิด “สัมมา ปัญญา” เน้นการนำเสนอข่าวสารและสาระต่อสังคม โดยไม่มุ่งแสวงหากำไร เป็นหลัก ว่า เห็นด้วย เพราะรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้แปรรูป อสมท. ทำให้กำไรที่ได้จากกิจการ อสมท.ต้องนำมาแบ่งปั่นให้กับผู้ถือหุ้นแทนที่จะคืนกำไรให้กับประชาชนและสังคมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นบอร์ด อสมท. ต้องกล้าทบทวนการจัดสรรรายได้เพื่อคืนกำไรแก่สังคม เพราะปัจจุบันรัฐบาลถือหุ้นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
สุริยะใสกล่าวว่า เพื่อเป็นการสนองนโยบายและแนวคิดของบอร์ดชุดใหม่ ควรพิจารณานำช่วงเวลาหลักหรือไพร์ไทม์ ตั้งแต่เวลา 16.00 -21.30 น มาเป็นการนำเสนอรายการข่าวสารและสาระและเป็นเวทีเปิดให้กับภาคประชาสังคมสามารถเข้าถึงและถกแถลงวาระแห่งชาติได้อย่างเสมอภาค ไม่ใช่นำช่วงดังกล่าวเป็นการสนองผลประโยชน์หรือกำไรของผู้ถือหุ้นเท่านั้น นอกจากนี้จะต้องกล้าทบทวนสื่อที่อยู่ในการกำกับของ อสมท.ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็น คลื่นวิทยุกว่า 62 คลื่น ธุรกิจในเครือยูบีซีกว่า 100 ช่อง ช่อง 9 และช่อง 3
เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า บอร์ด อสมท.ต้องตอบโจทย์การปฏิรูปสื่อ ที่สังคม เคยวางรากฐานไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซึ่งระบุว่าทรัพยากรคลื่นความถี่ ถือเป็นทรัพยากรสาธารณะ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลักไก่และฉวยโอกาสกับกลุ่มทุนบางกลุ่มแปรรูป อสมท.เอาทรัพย์สินของประชาชน ไปแปลงเป็นหุ้นขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์และขัดต่อเจตนารมณ์การปฏิรูปสื่อ และการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ หรือ กสช.ที่กำลังจะมีการสรรหาใหม่ในกลางเดือนนี้
ดังนั้นบอร์ด อสมท.ชุดใหม่จะต้องกล้าปฏิรูป อสมท.อย่างจริงจัง โดยต้องหา ช่องทางหรือมาตรการที่จะวางรากฐานให้ กสช.เข้ามากำกับดูแลอสมท.ในฐานะที่เป็น ทรัพยากรของสาธารณะได้ในอนาคต เพราะหากให้ อสมท.อยู่ในการดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเปลี่ยนไปตามนโยบายของผู้ถือหุ้น
“รัฐบาลรวมทั้ง คมช.ต้องกล้าทบทวนสัญญาและคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ที่อยู่ในกำกับของกองทัพ ทั้งระบบเพื่อสนองนโยบายสร้างความสมดุลและความสมานฉันท์ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและคมช.ด้วย ที่สำคัญกองทักเป็นผู้ครอบครองสื่อดังกล่าวไว้มากที่สุด เพราะที่ผ่านมาทรัพยากรคลื่นในกำกับของกองทัพได้ถูกจัดสรรเพื่อสนองผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าผลประโยชน์ของสังคมและกลายเป็นแหล่งทุจริตคอร์รัปชั่นในกองทัพด้วย” นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงสนับสนุนแนวคิดปฏิรูปคณะกรรมการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) และนายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร รักษาการ ผอ.อสมท. ที่ชูแนวคิด “สัมมา ปัญญา” เน้นการนำเสนอข่าวสารและสาระต่อสังคม โดยไม่มุ่งแสวงหากำไร เป็นหลัก ว่า เห็นด้วย เพราะรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้แปรรูป อสมท. ทำให้กำไรที่ได้จากกิจการ อสมท.ต้องนำมาแบ่งปั่นให้กับผู้ถือหุ้นแทนที่จะคืนกำไรให้กับประชาชนและสังคมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นบอร์ด อสมท. ต้องกล้าทบทวนการจัดสรรรายได้เพื่อคืนกำไรแก่สังคม เพราะปัจจุบันรัฐบาลถือหุ้นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
สุริยะใสกล่าวว่า เพื่อเป็นการสนองนโยบายและแนวคิดของบอร์ดชุดใหม่ ควรพิจารณานำช่วงเวลาหลักหรือไพร์ไทม์ ตั้งแต่เวลา 16.00 -21.30 น มาเป็นการนำเสนอรายการข่าวสารและสาระและเป็นเวทีเปิดให้กับภาคประชาสังคมสามารถเข้าถึงและถกแถลงวาระแห่งชาติได้อย่างเสมอภาค ไม่ใช่นำช่วงดังกล่าวเป็นการสนองผลประโยชน์หรือกำไรของผู้ถือหุ้นเท่านั้น นอกจากนี้จะต้องกล้าทบทวนสื่อที่อยู่ในการกำกับของ อสมท.ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็น คลื่นวิทยุกว่า 62 คลื่น ธุรกิจในเครือยูบีซีกว่า 100 ช่อง ช่อง 9 และช่อง 3
เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า บอร์ด อสมท.ต้องตอบโจทย์การปฏิรูปสื่อ ที่สังคม เคยวางรากฐานไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ซึ่งระบุว่าทรัพยากรคลื่นความถี่ ถือเป็นทรัพยากรสาธารณะ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลักไก่และฉวยโอกาสกับกลุ่มทุนบางกลุ่มแปรรูป อสมท.เอาทรัพย์สินของประชาชน ไปแปลงเป็นหุ้นขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์และขัดต่อเจตนารมณ์การปฏิรูปสื่อ และการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ หรือ กสช.ที่กำลังจะมีการสรรหาใหม่ในกลางเดือนนี้
ดังนั้นบอร์ด อสมท.ชุดใหม่จะต้องกล้าปฏิรูป อสมท.อย่างจริงจัง โดยต้องหา ช่องทางหรือมาตรการที่จะวางรากฐานให้ กสช.เข้ามากำกับดูแลอสมท.ในฐานะที่เป็น ทรัพยากรของสาธารณะได้ในอนาคต เพราะหากให้ อสมท.อยู่ในการดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเปลี่ยนไปตามนโยบายของผู้ถือหุ้น
“รัฐบาลรวมทั้ง คมช.ต้องกล้าทบทวนสัญญาและคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ที่อยู่ในกำกับของกองทัพ ทั้งระบบเพื่อสนองนโยบายสร้างความสมดุลและความสมานฉันท์ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและคมช.ด้วย ที่สำคัญกองทักเป็นผู้ครอบครองสื่อดังกล่าวไว้มากที่สุด เพราะที่ผ่านมาทรัพยากรคลื่นในกำกับของกองทัพได้ถูกจัดสรรเพื่อสนองผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าผลประโยชน์ของสังคมและกลายเป็นแหล่งทุจริตคอร์รัปชั่นในกองทัพด้วย” นายสุริยะใสกล่าว