ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สภาธุรกิจชายแดนใต้ปั้นโครงการ IMT-GT Plaza เพิ่มยอดขายสินค้าจากผู้ประกอบการรายเล็กใหญ่ภายใน 8 จังหวัดใต้ พร้อมนำสินค้ามาเลเซีย-อินโดนีเซียมาจำหน่ายในประเทศ โดยนำร่องที่ จ.ตรัง ก่อนจะขยายให้ครบใน 3 ประเทศ เผยอนาคตจะผลักดันให้จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี โดยใช้ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปชั่วคราว และภายใน 2 ปี ของบฯ 60 ล้าน ก่อสร้างสถานที่ถาวร ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช - สงขลา เตรียมขยับตาม
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ ประธานสภาธุรกิจชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยได้นำร่องพลาซ่าจำหน่ายสินค้า IMT-GT Plaza ที่ จ.ตรัง เพื่อเป็นโมเดลให้แก่พลาซ่าอื่นๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการได้รับผลประโยชน์ในด้านการค้า โดยให้แต่ละจังหวัดสามารถมีได้ 1 แห่ง เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 500 ตารางเมตร เพื่อนำเสนอจำหน่ายสินค้าหลักอย่างน้อย 5 ประเภท ได้แก่ สิ่งทอ, สมุนไพร, หัตถกรรม, อาหาร-เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยกำหนดสินค้ามาจากกลุ่มโอทอป, เอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ได้ส่วนในประเทศอินโดนีเซียมี 4 แห่ง ประเทศมาเลเซีย 5 แห่ง
โครงการนี้ถือว่าช่วยต่อยอดจากโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ แต่จะเปิดกว้างสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งภายในและนอกประเทศ และมีบริการด้านการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งระยะแรกนั้นไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายมากนัก แต่อยากให้เป็นนโยบายที่จับต้องได้ สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และโปรโมตสินค้าได้ทั้ง 3 ประเทศพร้อมๆ กัน
นายสุกิตติ ธนพิทักษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง เปิดเผยว่าโครงการนี้สืบเนื่องมาจากทั้ง 3 ประเทศมีแนวคิดตรงกันที่จะมีพลาซ่าจำหนายสินค้าในทุกจังหวัดที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือ IMT-GT โดยมีสัดส่วนสินค้าของประเทศเจ้าของสถานที่ 50% และอีก 50 % มาจาก 2 ประเทศที่เข้าร่วม คือมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในอนาคตจะพัฒนาไปสู่การจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีทั้ง 3 ประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ จากการประชุมระหว่างประเทศที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 พบว่า ประเทศมาเลเซียยังขาดสถานที่ ขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ยังไม่พร้อม ส่วนประเทศไทยมีโครงการ 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล อยู่แล้ว จึงให้ใช้สถานที่จำหน่ายโอทอปของจังหวัดก่อน โดย จ.ตรัง จะดำเนินโครงการ IMT-GT Plaza เป็นแห่งแรกคาดว่า จะมีการเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคมนี้
นายสุกิตติ กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าของสถานที่ ได้ประชุมเตรียมงบประมาณเพื่อปรับปรุงอาคารจำหน่ายโอทอปอีก 50% ข้างศาลากลางจังหวัดตรัง ริมถนนรื่นรมย์ อ.เมืองตรัง เพื่อเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าในโครงการ IMT-GT Plaza เป็นการชั่วคราว และภายใน 2 ปีก็จะมีการก่อสร้างสถานที่ใหม่บริเวณสนามกีฬาทุ่งแจ้ง ด้วยงบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะดำเนินการโดยภาคเอกชน มีภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดูแลระยะเริ่มต้น เพื่อสร้างความร่วมมือและพัฒนาให้มั่นคงต่อไป
สำหรับรูปแบบ จากการร่วมหารือของคณะทำงานได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานให้ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนสินค้าในวงเงิน 200,000 บาท โดยแต่ละประเทศจัดเตรียมนำเสนอสินค้าผ่านแค็ตตาล็อกอย่างน้อย 30 ผลิตภัณฑ์ ก่อนจะตัดสินใจแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนฝ่ายไทยจะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพื่อนำสินค้าไปเสนอและแลกเปลี่ยนสินค้า
"เดิมศูนย์จำหน่ายโอทอบของตรัง มีลูกค้ามาเป็นประจำติดตลาดอยู่แล้ว ซึ่งภาพรวมปี2548โอทอปของ จ.ตรังนั้นมียอดจำหน่ายสูง 340 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าโครงการ IMT-GT Plaza ก็จะช่วยให้สินค้าโอทอปทั้ง 8 จังหวัดที่เข้าร่วมเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงสินค้าเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมภายใต้กรอบ IMT-GT" นายสุกิตติ กล่าวต่อและว่า
อย่างไรก็ตาม นอกจาก จ.ตรังแล้ว อีก 7 จังหวัดภาคใต้ที่เข้าร่วม IMT-GT ก็เตรียมความพร้อมที่จะเปิดพลาซ่าจำหน่ายสินค้า IMT-GT Plaza ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีแนวโน้มว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2550 เช่นเดียวกับ จ.สงขลาที่มีความพร้อมจะเป็นฮับใหญ่สินค้าของภาคใต้ แต่ยังติดขัดเรื่องทำเลของสถานที่เท่านั้น จึงเปิดโอกาสให้ จ.ตรัง ดำเนินการเป็นที่แรก
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ ประธานสภาธุรกิจชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยได้นำร่องพลาซ่าจำหน่ายสินค้า IMT-GT Plaza ที่ จ.ตรัง เพื่อเป็นโมเดลให้แก่พลาซ่าอื่นๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการได้รับผลประโยชน์ในด้านการค้า โดยให้แต่ละจังหวัดสามารถมีได้ 1 แห่ง เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 500 ตารางเมตร เพื่อนำเสนอจำหน่ายสินค้าหลักอย่างน้อย 5 ประเภท ได้แก่ สิ่งทอ, สมุนไพร, หัตถกรรม, อาหาร-เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยกำหนดสินค้ามาจากกลุ่มโอทอป, เอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ได้ส่วนในประเทศอินโดนีเซียมี 4 แห่ง ประเทศมาเลเซีย 5 แห่ง
โครงการนี้ถือว่าช่วยต่อยอดจากโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ แต่จะเปิดกว้างสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งภายในและนอกประเทศ และมีบริการด้านการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งระยะแรกนั้นไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายมากนัก แต่อยากให้เป็นนโยบายที่จับต้องได้ สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และโปรโมตสินค้าได้ทั้ง 3 ประเทศพร้อมๆ กัน
นายสุกิตติ ธนพิทักษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง เปิดเผยว่าโครงการนี้สืบเนื่องมาจากทั้ง 3 ประเทศมีแนวคิดตรงกันที่จะมีพลาซ่าจำหนายสินค้าในทุกจังหวัดที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือ IMT-GT โดยมีสัดส่วนสินค้าของประเทศเจ้าของสถานที่ 50% และอีก 50 % มาจาก 2 ประเทศที่เข้าร่วม คือมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในอนาคตจะพัฒนาไปสู่การจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีทั้ง 3 ประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ จากการประชุมระหว่างประเทศที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 พบว่า ประเทศมาเลเซียยังขาดสถานที่ ขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ยังไม่พร้อม ส่วนประเทศไทยมีโครงการ 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล อยู่แล้ว จึงให้ใช้สถานที่จำหน่ายโอทอปของจังหวัดก่อน โดย จ.ตรัง จะดำเนินโครงการ IMT-GT Plaza เป็นแห่งแรกคาดว่า จะมีการเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคมนี้
นายสุกิตติ กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าของสถานที่ ได้ประชุมเตรียมงบประมาณเพื่อปรับปรุงอาคารจำหน่ายโอทอปอีก 50% ข้างศาลากลางจังหวัดตรัง ริมถนนรื่นรมย์ อ.เมืองตรัง เพื่อเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าในโครงการ IMT-GT Plaza เป็นการชั่วคราว และภายใน 2 ปีก็จะมีการก่อสร้างสถานที่ใหม่บริเวณสนามกีฬาทุ่งแจ้ง ด้วยงบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะดำเนินการโดยภาคเอกชน มีภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดูแลระยะเริ่มต้น เพื่อสร้างความร่วมมือและพัฒนาให้มั่นคงต่อไป
สำหรับรูปแบบ จากการร่วมหารือของคณะทำงานได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานให้ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนสินค้าในวงเงิน 200,000 บาท โดยแต่ละประเทศจัดเตรียมนำเสนอสินค้าผ่านแค็ตตาล็อกอย่างน้อย 30 ผลิตภัณฑ์ ก่อนจะตัดสินใจแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนฝ่ายไทยจะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพื่อนำสินค้าไปเสนอและแลกเปลี่ยนสินค้า
"เดิมศูนย์จำหน่ายโอทอบของตรัง มีลูกค้ามาเป็นประจำติดตลาดอยู่แล้ว ซึ่งภาพรวมปี2548โอทอปของ จ.ตรังนั้นมียอดจำหน่ายสูง 340 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าโครงการ IMT-GT Plaza ก็จะช่วยให้สินค้าโอทอปทั้ง 8 จังหวัดที่เข้าร่วมเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงสินค้าเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมภายใต้กรอบ IMT-GT" นายสุกิตติ กล่าวต่อและว่า
อย่างไรก็ตาม นอกจาก จ.ตรังแล้ว อีก 7 จังหวัดภาคใต้ที่เข้าร่วม IMT-GT ก็เตรียมความพร้อมที่จะเปิดพลาซ่าจำหน่ายสินค้า IMT-GT Plaza ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีแนวโน้มว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2550 เช่นเดียวกับ จ.สงขลาที่มีความพร้อมจะเป็นฮับใหญ่สินค้าของภาคใต้ แต่ยังติดขัดเรื่องทำเลของสถานที่เท่านั้น จึงเปิดโอกาสให้ จ.ตรัง ดำเนินการเป็นที่แรก