แม่ฮ่องสอน- "กะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า" ถอดห่วงคอประท้วงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีคำสั่งย้ายที่อยู่ไปรวมที่บ้านห้วยปูแกง
ตามที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2549 ให้โยกย้ายผู้หนีภัยจากการสู้รบ ( กะเหรี่ยงคอยาว ) บ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านในสอย ทั้งหมดที่อยู่นอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว ผู้หนีภัยจากการสู้รบจากพม่าเข้าไปอยู่ในพื้นที่พักพิงสาขา ที่จะอนุญาตจัดตั้งขึ้นที่บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยให้ใช้ชื่อว่า "พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านน้ำเพียงดิน" ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาว บ้านห้วยเสื่อเฒ่า ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ในขณะนี้กะเหรี่ยงคอยาว จำนวน 3 คน ได้ทำการถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอ เพื่อประท้วงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ไม่ต้องการย้ายที่อยู่ไปรวมกันที่บ้านห้วยปูแกง ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นกะเหรี่ยงคอยาวกลุ่มแรม ที่เริ่มเคลื่อนไหวและยังมีกะเหรี่ยงคอยาวอีกจำนวนมาก ที่เตรียมถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอ
การแสดงออกของกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าไม่อยากไปอยู่รวมกันในพื้นที่แห่งใหม่ เพราะเชื่อว่าหากไปอยู่รวมกันแล้วจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา อีกทั้งมีความผูกพันกับที่อยู่เดิมมาโดยตลอด และสามารถเข้ากับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามหากจังหวัดฯต้องการให้ย้ายไปอยู่ในที่แห่งใหม่ ก็พร้อมกลับไปอยู่ในรัฐคะยาดังเดิม
ด้านนายเดชา สัตถาผล นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าว ว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ในเบื้องต้นทราบว่ากะเหรี่ยงคอยาวถอดห่วงออกจากคอจริงประมาณ 2 -3 คน ซึ่งก็จะทำความเข้าใจให้ใส่ห่วงเหมือนเดิม ส่วนเรื่องการย้ายที่อยู่แห่งใหม่ เป็นเรื่องนโยบายของจังหวัดสามารถปรับแผนให้อยู่ร่วมกันได้
นายวิสูตร บัวชุม หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า หากกะเหรี่ยงคอยาวถอดห่วงออกจากคอขยายออกเป็นวงกว้างก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอนอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ 90% ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวแม่ฮ่องสอน ก็ต้องการชมวิถีชีวิตกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า บ้านในสอย และบ้านน้ำเพียงดิน
ทั้งนี้ หากพวกเขาถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอ นั่นเป็นการส่งสัญญาณที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น จะต้องมีการประสานงานกันระหว่างภาครัฐ กับกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวให้ดำรงวิถีชีวิตกะเหรี่ยงคอยาวไว้ตลอด เพื่อการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน
มีรายงานแจ้งว่า จากการที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ส่งเรื่องการขอตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านน้ำเพียงดิน ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณานั้น ขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวยังไม่อนุมัติให้ตั้งศูนย์ ฯ แต่จังหวัดฯจะใช้อำนาจศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนดำเนินการ
ตามที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านพม่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2549 ให้โยกย้ายผู้หนีภัยจากการสู้รบ ( กะเหรี่ยงคอยาว ) บ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านในสอย ทั้งหมดที่อยู่นอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว ผู้หนีภัยจากการสู้รบจากพม่าเข้าไปอยู่ในพื้นที่พักพิงสาขา ที่จะอนุญาตจัดตั้งขึ้นที่บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยให้ใช้ชื่อว่า "พื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านน้ำเพียงดิน" ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาว บ้านห้วยเสื่อเฒ่า ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ในขณะนี้กะเหรี่ยงคอยาว จำนวน 3 คน ได้ทำการถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอ เพื่อประท้วงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ไม่ต้องการย้ายที่อยู่ไปรวมกันที่บ้านห้วยปูแกง ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นกะเหรี่ยงคอยาวกลุ่มแรม ที่เริ่มเคลื่อนไหวและยังมีกะเหรี่ยงคอยาวอีกจำนวนมาก ที่เตรียมถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอ
การแสดงออกของกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าไม่อยากไปอยู่รวมกันในพื้นที่แห่งใหม่ เพราะเชื่อว่าหากไปอยู่รวมกันแล้วจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา อีกทั้งมีความผูกพันกับที่อยู่เดิมมาโดยตลอด และสามารถเข้ากับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามหากจังหวัดฯต้องการให้ย้ายไปอยู่ในที่แห่งใหม่ ก็พร้อมกลับไปอยู่ในรัฐคะยาดังเดิม
ด้านนายเดชา สัตถาผล นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าว ว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ในเบื้องต้นทราบว่ากะเหรี่ยงคอยาวถอดห่วงออกจากคอจริงประมาณ 2 -3 คน ซึ่งก็จะทำความเข้าใจให้ใส่ห่วงเหมือนเดิม ส่วนเรื่องการย้ายที่อยู่แห่งใหม่ เป็นเรื่องนโยบายของจังหวัดสามารถปรับแผนให้อยู่ร่วมกันได้
นายวิสูตร บัวชุม หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า หากกะเหรี่ยงคอยาวถอดห่วงออกจากคอขยายออกเป็นวงกว้างก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอนอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ 90% ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวแม่ฮ่องสอน ก็ต้องการชมวิถีชีวิตกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า บ้านในสอย และบ้านน้ำเพียงดิน
ทั้งนี้ หากพวกเขาถอดห่วงทองเหลืองออกจากคอ นั่นเป็นการส่งสัญญาณที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น จะต้องมีการประสานงานกันระหว่างภาครัฐ กับกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวให้ดำรงวิถีชีวิตกะเหรี่ยงคอยาวไว้ตลอด เพื่อการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน
มีรายงานแจ้งว่า จากการที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ส่งเรื่องการขอตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านน้ำเพียงดิน ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณานั้น ขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวยังไม่อนุมัติให้ตั้งศูนย์ ฯ แต่จังหวัดฯจะใช้อำนาจศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนดำเนินการ