แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯเสนอ มท.-สมช.ขอไฟเขียว ใช้อำนาจศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนประกาศหมู่บ้านห้วยปูแกง (น้ำเพียงดิน)เป็นศูนย์พักพิงผู้หนีภัยฯ ก่อนเดินหน้าย้ายกะเหรี่ยงคอยาวทั้งหมด ตั้งชุมชนแห่งใหม่ขึ้นบนเนื้อที่ 103 ไร่ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 49 ขณะที่กลุ่มทุนท่องเที่ยวเมืองสามหมอก เตรียมเดินเรื่องเรียกกลับกะเหรี่ยงฯจากทุกจังหวัด นัดยื่นหนังสือ มทภ.3 หลังหมู่บ้านใหม่เกิด
นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เปิดเผยหลังประชุมศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยเชิญเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเข้าประชุม ว่า ขณะนี้จังหวัดฯได้มีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย(มท.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เพื่อขออนุมัติให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนประกาศให้หมู่บ้านห้วยปูแกง (บ้านน้ำเพียงดิน) ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีกะเหรี่ยงคอยาวอาศัยอยู่ ให้เป็นศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านห้วยปูแกง สาขาศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านปางแทรกเตอร์ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้เป็นศูนย์รวมชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว
ทั้งนี้ จะให้กะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า ต.ผาบ่อง และกะเหรี่ยงคอยาวบ้านในสอย ต.ปางหมู มาอยู่รวมกันที่ศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งหมดประมาณ 230 ครอบครัว
ผอ.ศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวอีกว่า การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวจากบ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านในสอย มารวมอยู่ที่บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยสำนักงานโยธาและผังเมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้ออกแบบแปลนหมู่บ้านแบ่งออกเป็นโซนให้ถูกลักษณะของหมู่บ้านบนเนื้อที่ 103 ไร่ จัดระบบประปา สาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวมารวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน จะต้องมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนที่ดูแลกะเหรี่ยงคอยาว ที่เก็บผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยว แต่จังหวัดจะมีมาตรการควบคุมกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวให้อยู่เป็นกลุ่มเดียวกันทั้งหมด และหลังจากจังหวัดได้รับอนุมัติ ให้ประกาศบ้านห้วยปูแกง เป็นศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบ สาขาศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบปางแทรกเตอร์แล้ว กะเหรี่ยงคอยาวในศูนย์ ฯ ก็มีสิทธิที่จะเดินทางไปอยู่ประเทศที่ 3 แต่มีข้อกำหนดว่าจะต้องอยู่ในศูนย์ ฯ แห่งนี้เป็นเวลา 10 ปี
นายดิเรก กล่าวอีกว่า กรณีที่หลาย ๆ ฝ่ายออกมาระบุว่าหากจังหวัดประกาศให้หมู่บ้านห้วยปูแกง เป็นศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบดังกล่าวแล้ว อาจจะมีปัญหาในเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปเที่ยวชมกะเหรี่ยงคอยาว เนื่องจากขัดระเบียบของศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบนั้น
จังหวัดจะร่างระเบียบขึ้นมาโดยใช้อำนาจผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปเที่ยวชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวภายในศูนย์ ฯ แห่งใหม่ได้ เพียงแต่ศูนย์พักพิงฯแห่งนี้ จะควบคุมกะเหรี่ยงคอยาวไม่ให้ออกไปภายนอกเท่านั้น และเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย
ทั้งนี้ คาดว่าในเดือนพฤศจิกายน 2549 จังหวัดจะเริ่มย้ายกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านในสอย เข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงฯแห่งใหม่ โดยมอบหมายให้นายพงศ์เดช ทิพย์เดช ปลัดจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวทั้ง 2 หมู่บ้าน ส่วนค่าวัสดุก่อสร้างบ้านพักอาศัยกะเหรี่ยงคอยาวที่ย้ายเข้ามาอยู่จังหวัดจะเป็นผู้ออกให้
ด้านตัวแทนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ระบุว่า เห็นด้วยกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่จะย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านในสอย มารวมอยู่ที่ศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านห้วยปูแกง ถือเป็นการจัดระเบียบชายแดนที่ดีขึ้น ซึ่งเดิมกะเหรี่ยงคอยาวจะอ้างสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพราะมีผลประโยชน์จากกลุ่มนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยนโยบายดังกล่าวจะช่วยให้สามารถควบคุมกะเหรี่ยงคอยาวได้ทั้งหมด รวมทั้งผู้หนีภัยจากการสู้รบอีกด้วย
นายเดชา สัตถาผล นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ในฐานะหัวหน้าศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบอำเภอเมือง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อจังหวัดประกาศบ้านห้วยปูแกง เป็นศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบดังกล่าวแล้ว เริ่มแรกก็จะต้องมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้าง โดยเฉพาะความเข้าใจของนักท่องเที่ยวในการที่ย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวทั้ง 2 แห่ง เนื่องจากวิถีชีวิตกะเหรี่ยงคอยาวอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง
ในส่วนของกลุ่มผู้ประกอบท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกมายอมรับว่า การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว มีผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากระยะทางที่ไกลออกไป จริงอยู่หมู่บ้านห้วยปูแกง สามารถเดินทางไปได้ทั้งทางบกและทางน้ำ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จังหวัดได้ย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ทั้ง 2 หมู่บ้านมารวมกันแล้ว กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนจะมีหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อให้ติดตามกะเหรี่ยงคอยาว ที่มีนายทุนลักพาตัวกะเหรี่ยงคอยาวจากแม่ฮ่องสอนไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ - เชียงรายกลับคืนมาด้วย โดยจะใช้ในช่วงกฎอัยการศึกที่ทหารมีอำนาจเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่เอาจริง ในการติดตามตัวกะเหรี่ยงคอยาว ที่ถูกลักพาตัวไปอยู่ในพื้นที่เชียงใหม่และเชียงราย