อีสานกู้ชาติแฉแผนทมิฬระบอบทักษิณ เตรียมก่อการใหญ่ก่อนคณะปฏิรูปฯ ลงมือยึดอำนาจ ร้องขอความเป็นธรรมสายข่าวถูกรวบตัวหลังต่อสายถึงผู้ใหญ่แจ้งความเคลื่อนไหว ยัดข้อหามีระเบิดในครอบครองป่วนเมือง พยายามเชื่อมโยง"ไทกร-ชิงชัย–บิ๊กจิ๋ว" เชื่อแผนทรราชกลับมาใหญ่ยังเดินเกมอยู่ อีกไม่นานคงได้เห็นกระแสต่อต้านรัฐบาลคณะปฏิรูปฯ
เมื่อวานนี้ (27ก.ย.)ที่ร้านอาหารรถเสบียง สถานีรถไฟสามเสน เครือข่ายอีสานกู้ชาติ โดยนายเศวต ทินกูล เลขาธิการเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า มีสมาชิกเครือข่ายฯ ชื่อนายคมกริช ลำมะนา อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่เคยเป็นสายข่าวให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหอกในการออกนโยบาย 26/23 ได้แฝงตัวอยู่ในกลุ่มสมาชิกคอมมิวนิสต์เก่า ของพรรคไทยรักไทย และส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้กับเครือข่ายข้างนอก กองทัพ รวมทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
ซึ่งระยะหลังฝ่ายตรงข้ามสืบทราบว่านายคมกริชแฝงตัวเข้ามาเป็นสาย ต่อมาจึงถูกจับกุมโดยบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะขับรถกระบะเดินทางกลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อม น.ส.ปาริชาติ ลักษณะงาม ภรรยา(ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน)และบุตรอายุ 2 เดือน พ่อแม่ภรรยา และน้องสาวอีก 2 คน เมื่อเวลา 05.15 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ช่วงอีก 20 ก.ม.ก่อนเข้าจะเข้าตัวเมือง นครราชสีมา โดยมีรถยนต์ 3 คันขับรถปาดหน้าจอด และไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นใคร รวมทั้งไม่มีการตรวจค้นรถแต่อย่างใด แล้วจับนายคมกริช แยกคันรถ แยกภรรยา ขึ้นรถอีกคัน และครอบครัวที่เหลือขึ้นรถอีกคัน แล้วขับรถทั้งหมดเดินทางเข้ากรุงเทพ แยกนายคมกริช และภรรยาสอบสวนคนละห้องที่กองกำกับการสืบสวนนครบาล 2 ต่อมาตั้งข้อหามีระเบิดไว้ในครอบครอง ซื้อจากห้างบิ๊กซี และผลิตระเบิดให้บุคคลอีก 2 คน ไปวางระเบิดป่วนเมือง ถ.รัชดาภิเษก
น.ส.ปาริชาติ ที่มานั่งอยู่ด้วยเล่าให้ฟังว่า ถูกสอบสวนโดยคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ 4 คน ใช้คำถามเชิงชี้นำและกดดันมาตั้งแต่ขณะถูกควบคุมตัวมาในรถแล้ว โดยให้พูดว่า นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานอีสานกู้ชาติ เป็นคนว่าจ้างด้วยเงิน 1 แสนบาท ให้นายอานนท์ แสงเงิน ไปวางระเบิดป่วนเมือง เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งตำรวจบอกว่าจับกุมนายอานนท์ได้แล้ว และให้การซัดทอดว่า นายคมกริช ว่าจ้างให้วางระเบิด และเชื่อมโยงไปถึง นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ ว่าอยู่เบื้องหลัง
และมาบอกว่า ขณะนี้เจอระเบิดในรถแล้ว โดยที่เราไม่รู้เรื่อง ซ้ำยังตั้งคำคมเชิงข่มขู่ว่า "ตอนนี้เจอระเบิดแล้ว คิดดูดีๆนะ ชีวิตครอบครัวทุกคนอยู่ในมือของหนู"น.ส.ปาริชาติ จึงจำเป็นต้องบอกไปว่า นายคมกริช รับเงินจากนายไทกร 1 แสนบาท ทั้ง ๆ ที่เคยให้แค่ 1 พันบาท ตอนทำขวัญลูกหลังคลอด รวมทั้งต้องใส่ร้ายนายชิงชัย และพล.อ.ชวลิต ด้วย เพราะต้องการออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นห่วงลูกอายุแค่ 2 เดือน ต้องดื่มนมด้วย เอาอะไรมาให้เซ็นก็เซ็นหมด โดยที่ไม่ได้อ่านสักตัว ตำรวจก็ไม่ได้อ่านให้ฟัง
"เป็นที่น่าแปลกใจว่า หมายจับที่ปรากฏในคำร้องขอฝากนายคมกริช ขังต่อศาลนั้น ออกวันที่ 13 ก.ย. ซึ่งก่อนหน้าถูกจับกุม นายคมกริช และครอบครัวได้เข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ จ.นครนายก ซึ่งได้พบกับกลุ่มตำรวจที่เข้าจับกุมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว รวมทั้งนายคมกริช ยังไปขอบุหรี่มาสูบด้วยซ้ำ แต่เหตุใดต้องรอให้ขับรถไปถึงโคราช และหลังจากที่ดิฉันออกมาได้ ตำรวจก็พาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเงียบๆ ที่บ้านพักย่านเมืองทอง ตำรวจพบตะปูจำนวนหนึ่งที่เราซ่อมบ้านอยู่แล้ว รวมทั้งธูปที่ปกติใช้ไหวพระ แล้วยังให้เอากระดาษทิชชู่มาพันไปมา ตำรวจก็ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ" น.ส.ปาริชาติ กล่าว และว่า ขณะนี้สามีของตนยังคงถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
นายเศวต กล่าวว่า อีก 2–3วัน กลุ่มอีสานกู้ชาติจะยื่นหนังสือต่อ คปค.ให้เข้ามาให้ความเป็นธรรม เพราะเรื่องนี้ตำรวจมิได้จับกุมตาม ป.วิอาญา สอบสวนแบบชี้นำ บอกว่าได้หลักฐานจากการดักฟังโทรศัพท์ บีบนายคมกริชให้สารภาพในความไม่จริง กดดันให้ภรรยาใส่ร้ายป้ายสีผู้ใหญ่ นอกจากนี้ เชื่อว่าหมายจับนายไทกร นายชิงชัย และ พล.อ.ชวลิต ออกมาก่อนหน้ามีการยึดอำนาจแล้ว
ด้านนายไทกร กล่าวว่า สายข่าวของอีสานกู้ชาติคนดังกล่าวนี้ ได้แฝงตัวอยู่เป็นเวลานานแล้ว เข้าประชุมกับกลุ่มซ้ายทมิฬของพรรคไทยรักไทย ล่าสุดทราบความเคลื่อนไหวที่หมอคนหนึ่งในรัฐบาลที่แล้วได้มอบเงินให้กว่า 20 ล้านบาท กับกลุ่มแกนนำอีสานใต้ เพื่อเคลื่อนไหวเข้ากทม.ชนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศภาวะฉุกเฉิน กวาดล้างกลุ่มพันธมิตรฯ ปลดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ลงจาก ผบ.ทบ. รวมทั้ง พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร ลงจากแม่ทัพภาคที่ 3 เพราะเชื่อมโยงกับนายไทกร นายชิงชัย และ พล.อ.ชวลิต ที่เชื่อว่าบุคคลทั้ง 3 ถูกออกหมายจับมาก่อนหน้านี้แล้ว
"นี่คือความเคลื่อนไหวเหล่านี้ต่างฝ่ายต่างทราบกันดี จนเป็นสาเหตุให้เกิดการยึดอำนาจก่อนที่หายนะใหญ่หลวงจะเกิดกับบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความพยายามในการปลุกระดมประชาชนทางภาคอีสาน รวมทั้งภาคเหนือยังไม่สิ้นสุดลง กลุ่มนี้ยังคงคิดจะต่อสู้และหวังกลับมาอีกครั้ง กระแสต่อต้าน คปค.อาจจุดติดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะคนที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศยังต่อสายมายังเมืองไทย"นายไทกร กล่าว
เมื่อวานนี้ (27ก.ย.)ที่ร้านอาหารรถเสบียง สถานีรถไฟสามเสน เครือข่ายอีสานกู้ชาติ โดยนายเศวต ทินกูล เลขาธิการเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า มีสมาชิกเครือข่ายฯ ชื่อนายคมกริช ลำมะนา อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่เคยเป็นสายข่าวให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหอกในการออกนโยบาย 26/23 ได้แฝงตัวอยู่ในกลุ่มสมาชิกคอมมิวนิสต์เก่า ของพรรคไทยรักไทย และส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้กับเครือข่ายข้างนอก กองทัพ รวมทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
ซึ่งระยะหลังฝ่ายตรงข้ามสืบทราบว่านายคมกริชแฝงตัวเข้ามาเป็นสาย ต่อมาจึงถูกจับกุมโดยบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะขับรถกระบะเดินทางกลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อม น.ส.ปาริชาติ ลักษณะงาม ภรรยา(ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน)และบุตรอายุ 2 เดือน พ่อแม่ภรรยา และน้องสาวอีก 2 คน เมื่อเวลา 05.15 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ช่วงอีก 20 ก.ม.ก่อนเข้าจะเข้าตัวเมือง นครราชสีมา โดยมีรถยนต์ 3 คันขับรถปาดหน้าจอด และไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นใคร รวมทั้งไม่มีการตรวจค้นรถแต่อย่างใด แล้วจับนายคมกริช แยกคันรถ แยกภรรยา ขึ้นรถอีกคัน และครอบครัวที่เหลือขึ้นรถอีกคัน แล้วขับรถทั้งหมดเดินทางเข้ากรุงเทพ แยกนายคมกริช และภรรยาสอบสวนคนละห้องที่กองกำกับการสืบสวนนครบาล 2 ต่อมาตั้งข้อหามีระเบิดไว้ในครอบครอง ซื้อจากห้างบิ๊กซี และผลิตระเบิดให้บุคคลอีก 2 คน ไปวางระเบิดป่วนเมือง ถ.รัชดาภิเษก
น.ส.ปาริชาติ ที่มานั่งอยู่ด้วยเล่าให้ฟังว่า ถูกสอบสวนโดยคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ 4 คน ใช้คำถามเชิงชี้นำและกดดันมาตั้งแต่ขณะถูกควบคุมตัวมาในรถแล้ว โดยให้พูดว่า นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานอีสานกู้ชาติ เป็นคนว่าจ้างด้วยเงิน 1 แสนบาท ให้นายอานนท์ แสงเงิน ไปวางระเบิดป่วนเมือง เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งตำรวจบอกว่าจับกุมนายอานนท์ได้แล้ว และให้การซัดทอดว่า นายคมกริช ว่าจ้างให้วางระเบิด และเชื่อมโยงไปถึง นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ ว่าอยู่เบื้องหลัง
และมาบอกว่า ขณะนี้เจอระเบิดในรถแล้ว โดยที่เราไม่รู้เรื่อง ซ้ำยังตั้งคำคมเชิงข่มขู่ว่า "ตอนนี้เจอระเบิดแล้ว คิดดูดีๆนะ ชีวิตครอบครัวทุกคนอยู่ในมือของหนู"น.ส.ปาริชาติ จึงจำเป็นต้องบอกไปว่า นายคมกริช รับเงินจากนายไทกร 1 แสนบาท ทั้ง ๆ ที่เคยให้แค่ 1 พันบาท ตอนทำขวัญลูกหลังคลอด รวมทั้งต้องใส่ร้ายนายชิงชัย และพล.อ.ชวลิต ด้วย เพราะต้องการออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นห่วงลูกอายุแค่ 2 เดือน ต้องดื่มนมด้วย เอาอะไรมาให้เซ็นก็เซ็นหมด โดยที่ไม่ได้อ่านสักตัว ตำรวจก็ไม่ได้อ่านให้ฟัง
"เป็นที่น่าแปลกใจว่า หมายจับที่ปรากฏในคำร้องขอฝากนายคมกริช ขังต่อศาลนั้น ออกวันที่ 13 ก.ย. ซึ่งก่อนหน้าถูกจับกุม นายคมกริช และครอบครัวได้เข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ จ.นครนายก ซึ่งได้พบกับกลุ่มตำรวจที่เข้าจับกุมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว รวมทั้งนายคมกริช ยังไปขอบุหรี่มาสูบด้วยซ้ำ แต่เหตุใดต้องรอให้ขับรถไปถึงโคราช และหลังจากที่ดิฉันออกมาได้ ตำรวจก็พาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเงียบๆ ที่บ้านพักย่านเมืองทอง ตำรวจพบตะปูจำนวนหนึ่งที่เราซ่อมบ้านอยู่แล้ว รวมทั้งธูปที่ปกติใช้ไหวพระ แล้วยังให้เอากระดาษทิชชู่มาพันไปมา ตำรวจก็ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ" น.ส.ปาริชาติ กล่าว และว่า ขณะนี้สามีของตนยังคงถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
นายเศวต กล่าวว่า อีก 2–3วัน กลุ่มอีสานกู้ชาติจะยื่นหนังสือต่อ คปค.ให้เข้ามาให้ความเป็นธรรม เพราะเรื่องนี้ตำรวจมิได้จับกุมตาม ป.วิอาญา สอบสวนแบบชี้นำ บอกว่าได้หลักฐานจากการดักฟังโทรศัพท์ บีบนายคมกริชให้สารภาพในความไม่จริง กดดันให้ภรรยาใส่ร้ายป้ายสีผู้ใหญ่ นอกจากนี้ เชื่อว่าหมายจับนายไทกร นายชิงชัย และ พล.อ.ชวลิต ออกมาก่อนหน้ามีการยึดอำนาจแล้ว
ด้านนายไทกร กล่าวว่า สายข่าวของอีสานกู้ชาติคนดังกล่าวนี้ ได้แฝงตัวอยู่เป็นเวลานานแล้ว เข้าประชุมกับกลุ่มซ้ายทมิฬของพรรคไทยรักไทย ล่าสุดทราบความเคลื่อนไหวที่หมอคนหนึ่งในรัฐบาลที่แล้วได้มอบเงินให้กว่า 20 ล้านบาท กับกลุ่มแกนนำอีสานใต้ เพื่อเคลื่อนไหวเข้ากทม.ชนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศภาวะฉุกเฉิน กวาดล้างกลุ่มพันธมิตรฯ ปลดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ลงจาก ผบ.ทบ. รวมทั้ง พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร ลงจากแม่ทัพภาคที่ 3 เพราะเชื่อมโยงกับนายไทกร นายชิงชัย และ พล.อ.ชวลิต ที่เชื่อว่าบุคคลทั้ง 3 ถูกออกหมายจับมาก่อนหน้านี้แล้ว
"นี่คือความเคลื่อนไหวเหล่านี้ต่างฝ่ายต่างทราบกันดี จนเป็นสาเหตุให้เกิดการยึดอำนาจก่อนที่หายนะใหญ่หลวงจะเกิดกับบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ความพยายามในการปลุกระดมประชาชนทางภาคอีสาน รวมทั้งภาคเหนือยังไม่สิ้นสุดลง กลุ่มนี้ยังคงคิดจะต่อสู้และหวังกลับมาอีกครั้ง กระแสต่อต้าน คปค.อาจจุดติดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะคนที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศยังต่อสายมายังเมืองไทย"นายไทกร กล่าว