ศูนย์ข่าวศรีราชา - โครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ของจังหวัดจันทบุรี ทั้งจันทบุรี นครแห่งอัญมณี และตลาดกลางสินค้าเกษตรภาคตะวันออก ที่ "ทักษิณ"เคยขายฝันจะสนับสนุนภายใต้งบฯนับพันล้านบาท ไร้อนาคต หลัง ครม.นำเข้าสู่การพิจารณา เพื่อของบฯสนับสนุนในปีงบประมาณ 2550 ไม่ทัน ก่อนคณะปฏิรูปการปกครองฯ ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการแบบเบ็ดเสร็จ ด้านพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี ผู้ดูแล 2 ยุทธศาสตร์สำคัญประกาศพร้อมผลักดัน ให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณา เพราะเป็นความต้องการของคนพื้นที่
นายเลิศหล้า นาคะเกตุ พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบอนาคตของโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณีและโครงการก่อตั้งตลาดกลางซื้อขายสินค้าเกษตรภาคตะวันออก ที่ก่อนหน้านี้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้นำเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัญจร ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาประชุมที่จังหวัดจันทบุรีเมื่อปี 2548 และรับปากจะให้การสนับสนุนทั้ง 2 โครงการอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการยกระดับอัญมณีไทย และรูปแบบการซื้อ- ขายสินค้าเกษตรให้ครบวงจร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนในปีงบประมาณ 2550
โดยเฉพาะโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณี ที่เตรียมขอรับงบฯสนับสนุนจำนวนกว่า 500 ล้านบาท สำหรับนำมาใช้สำหรับการจัดทำโครงการสนับสนุน อาทิ โครงการพัฒนาบุคลากรแบบสมบูรณ์ โครงการสร้างแบรนด์พลอยไทย และโครงการจัดตั้งแล็บวิเคราะห์คุณภาพพลอย
"ก่อนหน้านี้มันก็มีปัญหาว่า รัฐบาลทักษิณ เป็นรัฐบาลรักษาการ ทำให้ไม่มีสภาที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนจากสำนักงบประมาณ ในปี 2550 ซึ่งจะต้องรอให้มีการเลือกตั้งเสร็จเสียก่อนจึงจะนำเข้าสู่สภาได้ และเมื่อมีการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ โครงการนี้ก็คงต้องหยุดชะงัก แต่ผมในฐานะที่เป็นผู้ดูแลยุทธศาสตร์นี้ขอยืนยันว่า จะไม่พับโครงการทั้ง 2 โครงการที่มีมูลค่ารวมกว่าพันล้านบาทอย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่ดีและเป็นที่ต้องการของประชาชน โดยพร้อมที่จะนำเรื่องและรายละเอียดต่างๆ เสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ แต่ขณะนี้คงต้องดูก่อนว่าผู้ที่จะเข้ามาบริหารเป็นใคร และมีนโยบายเช่นไร"
อย่างไรก็ตาม พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี มีความเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 โครงการจะได้รับการสานต่อจากรัฐบาลชุดใหม่อย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่เกิดจากความเห็นชอบของรัฐบาล และยังเป็นโครงการที่ดี ซึ่งคณะปฏิรูปการปกครองฯ ก็มีนโยบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโครงการที่ผ่านความเห็นชอบไปแล้ว ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณี มีความคืบหน้าเพียงการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการอัญมณี ณ พื้นที่ทุ่งดอนคัน ถนนมหาราช (สนามมวยเก่า) ที่ใช้งบผู้ว่าฯ CEO จำนวน 50 ล้านบาท ในการดำเนินการ
ส่วนโครงการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์คุณภาพพลอย ที่สถาบันวิจัยอัญมณีแห่งชาติ รับเป็นเจ้าภาพ และโครงการพัฒนาบุคลากร ที่ต้องขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มหาวิทยาลัยรำไพพรรณี จันทบุรีเป็นผู้ผลักดัน รวมทั้งการจัดสร้างแบรนด์พลอยไทย ที่อยู่ในการดูแลของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ล้วนเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการรอเข้าขอรับความเห็นชอบจาก ครม.เพื่อใช้งบฯดำเนินการในปีงบประมาณ 2550 แทบทั้งสิ้น
นายเลิศหล้า นาคะเกตุ พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบอนาคตของโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณีและโครงการก่อตั้งตลาดกลางซื้อขายสินค้าเกษตรภาคตะวันออก ที่ก่อนหน้านี้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้นำเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัญจร ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาประชุมที่จังหวัดจันทบุรีเมื่อปี 2548 และรับปากจะให้การสนับสนุนทั้ง 2 โครงการอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการยกระดับอัญมณีไทย และรูปแบบการซื้อ- ขายสินค้าเกษตรให้ครบวงจร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนในปีงบประมาณ 2550
โดยเฉพาะโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณี ที่เตรียมขอรับงบฯสนับสนุนจำนวนกว่า 500 ล้านบาท สำหรับนำมาใช้สำหรับการจัดทำโครงการสนับสนุน อาทิ โครงการพัฒนาบุคลากรแบบสมบูรณ์ โครงการสร้างแบรนด์พลอยไทย และโครงการจัดตั้งแล็บวิเคราะห์คุณภาพพลอย
"ก่อนหน้านี้มันก็มีปัญหาว่า รัฐบาลทักษิณ เป็นรัฐบาลรักษาการ ทำให้ไม่มีสภาที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องเพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนจากสำนักงบประมาณ ในปี 2550 ซึ่งจะต้องรอให้มีการเลือกตั้งเสร็จเสียก่อนจึงจะนำเข้าสู่สภาได้ และเมื่อมีการยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ โครงการนี้ก็คงต้องหยุดชะงัก แต่ผมในฐานะที่เป็นผู้ดูแลยุทธศาสตร์นี้ขอยืนยันว่า จะไม่พับโครงการทั้ง 2 โครงการที่มีมูลค่ารวมกว่าพันล้านบาทอย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่ดีและเป็นที่ต้องการของประชาชน โดยพร้อมที่จะนำเรื่องและรายละเอียดต่างๆ เสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ แต่ขณะนี้คงต้องดูก่อนว่าผู้ที่จะเข้ามาบริหารเป็นใคร และมีนโยบายเช่นไร"
อย่างไรก็ตาม พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี มีความเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 โครงการจะได้รับการสานต่อจากรัฐบาลชุดใหม่อย่างแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่เกิดจากความเห็นชอบของรัฐบาล และยังเป็นโครงการที่ดี ซึ่งคณะปฏิรูปการปกครองฯ ก็มีนโยบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโครงการที่ผ่านความเห็นชอบไปแล้ว ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาโครงการจันทบุรี นครแห่งอัญมณี มีความคืบหน้าเพียงการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการอัญมณี ณ พื้นที่ทุ่งดอนคัน ถนนมหาราช (สนามมวยเก่า) ที่ใช้งบผู้ว่าฯ CEO จำนวน 50 ล้านบาท ในการดำเนินการ
ส่วนโครงการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์คุณภาพพลอย ที่สถาบันวิจัยอัญมณีแห่งชาติ รับเป็นเจ้าภาพ และโครงการพัฒนาบุคลากร ที่ต้องขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มหาวิทยาลัยรำไพพรรณี จันทบุรีเป็นผู้ผลักดัน รวมทั้งการจัดสร้างแบรนด์พลอยไทย ที่อยู่ในการดูแลของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ล้วนเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการรอเข้าขอรับความเห็นชอบจาก ครม.เพื่อใช้งบฯดำเนินการในปีงบประมาณ 2550 แทบทั้งสิ้น