xs
xsm
sm
md
lg

"รมต.ปรีชา"เอี่ยวค้าพม่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฉปล่อยกู้โครงการดาวเทียมพม่าของ ธสน. ทำให้คลังต้องนำภาษีประชาชนจ่ายส่วนต่างดอกเบี้ย 700 ล้าน เผย สตง.กำลังตรวจสอบพบกลิ่นคาวเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนการเมือง กลุ่มชินคอร์ปรับไปเต็มๆ เงื่อนไขปล่อยกู้พิลึก หวั่นเป็นสัญญาซื้อขายลมไม่มีการส่งมอบสินค้า ตะลึง “กรุงไทย แทร็คเตอร์” บริษัทของตระกูลเลาหพงศ์ชนะของรักษาการ รมช.พาณิชย์รับผลประโยชน์อื้อ

แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยความคืบหน้าการปล่อยกู้ระหว่าง ธสน. กับธนาคารการค้าระหว่างประเทศแห่งสหภาพพม่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาการสื่อสารและโทรคมนาคมของพม่า โดยมีเงื่อนไขการชำระคืนในระยะเวลา 12 ปีนั้น กระทรวงการคลังจะต้องใช้งบฯ ชดเชยเฉพาะค่าดอกเบี้ยส่วนเกินถึง 700 กว่าล้านบาท

"ธสน.ใช้วิธีระดมทุนระยะสั้นจากตลาดเงินและระดมทุนระยะยาวจากตลาดทุน โดยมีต้นทุนในการออกพันธบัตรที่ 3.11 – 5.64% แต่การปล่อยกู้ให้กับพม่าในครั้งนี้กลับมีการคิดดอกเบี้ยเพียง 3% เท่านั้น" แหล่งข่าวกล่าวและว่า ผู้บริหาร ธสน.เคยออกมาชี้แจงว่าการดำเนินการในโครงการลักษณะนี้เอ็กซิมแบงก์ไม่เคยทำ เพราะขาดทุนในต้นทุน เนื่องจากเอ็กซิมแบงก์ต้องกู้เงินจากสถาบันอื่นมาให้พม่ากู้ และในสัญญาการชำระเงินกู้ของพม่า ถูกกำหนดว่า ให้คิดดอกเบี้ย 3% ทั้งที่ต้นทุนดอกเบี้ยของเอ็กซิมแบงก์เฉลี่ยอยู่ที่ 4.3%

โดยส่วนต่างของต้นทุนดอกเบี้ยดังกล่าวกระทรวงการคลังจะต้องเป็นผู้รับภาระชดเชยให้กับธสน.ซึ่งในการทำธุรกิจของธนาคารแม้จะเป็นการปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านก็จะไม่ปล่อยให้ธนาคารต้องมาแบกรับส่วนต่างของต้นทุนที่สูงในระดับนี้ ทั้งนี้เงินที่กระทรวงการคลังต้องนำมาชดเชยให้กับธสน.ก็เป็นเงินภาษีของประชาชนจึงเป็นสิ่งที่ต้องมีการทบทวนการปล่อยกู้ดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมเพียงใด

แหล่งข่าวกล่าวว่า การปล่อยกู้ครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนการเมืองกันอย่างมโหฬาร ซึ่งมูลค่าสัญญาการซื้อขายสินค้า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 มีสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 24 สัญญามูลค่าประมาณ 3,870 ล้านบาท มีการเบิกเงินไปแล้วจำนวน 2,773 ล้านบาท และยังเหลือวงเงินอีกประมาณ 130 ล้านบาทที่ยังไม่มีการทำสัญญาซึ่งเป็นที่น่าจับตาว่าในช่วงใกล้มีการเลือกตั้งอาจมีพรรคการเมืองเข้าไปหาผลประโยชน์จากการทำสัญญาในวงเงินที่เหลือนี้เพื่อใช้เป็นทุนสำหรับการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเอกชนของไทยที่เป็นคู่สัญญากับรัฐบาลพม่าทั้ง 17 บริษัท มีอยู่ 2 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนการเมืองในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยโดยตรงคือ บริษัทชินแซทเทลไลท์ จำกัด(มหาชน) ของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี มีมูลค่า 9.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการเบิกจ่ายไปแล้ว 8.47 ล้านเหรียญ
ขณะที่บริษัทกรุงไทย แทร็คเตอร์ จำกัด เป็นธุรกิจในครอบครัวของนายปรีชา เลาหพงษ์ชนะ รักษาการ รมช.พาณิชย์ มีสัญญาการซื้อขายจำนวน 4 สัญญา มูลค่ารวม 38.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีการเบิกจ่ายไปแล้วถึง 24.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในการซื้อขายสินค้าครั้งนี้บริษัทเอกชนทั้งหมดจะได้รับเงินโดยตรงจากธสน.แล้วส่งสินค้าให้กับคู่สัญญาที่ประเทศพม่า (ดูตารางประกอบข่าว)

“การปล่อยกู้ครั้งนี้ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดซึ่งอาจเห็นว่าอาจมีการทำสัญญาซื้อขายกันขึ้นมาแต่ไม่มีการส่งมอบสินคือหรือเป็นสัญญาลมนั่นเอง เพราะการปล่อยกู้ที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น อีกทั้งการทำสัญญานี้ทำกับรัฐบาลทหารพม่าชุดเก่าที่หมดอำนาจไปแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการได้รับเงินต้นคืนมากน้อยเพียงใด” แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น