เซเว่น อีเลฟเว่นเตรียมงบลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาทขยายสาขาปีหน้า 500 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เผยการขยายสาขาในต่างหวัดไม่กระทบร้านค้าโชวห่วย เน้นนโยบายใหม่ขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเป็นเถ้าแก่ใหม่ คาดสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% ในอีก 3 ปี พร้อมโฟกัสจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารเป็นหลัก เนื่องจากมีกำไรสูง ส่วนปีนี้มั่นใจยอดขายโต 20% และมีสาขาเซเว่นฯรวมทั้งหมด 3,750 แห่ง
นายปิยะวัฒน์ ฐิติสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่ผู้ประกอบการในต่างจังหวัดพากันร้องเรียนและต่อต้านกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ที่แห่ลงทุนเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้นนั้น โดยส่วนตัวมองว่า เซเว่นอีเลฟเว่นเองเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก จึงไม่สามารถให้รายละเอียดหรือความเห็นได้ ต้องไปถามค้าปลีกรายใหญ่เอง
แต่หากถามในส่วนของเซเว่นฯเชื่อว่า การขยายสาขาของร้านเซเว่นฯเชื่อมั่นว่า ไม่ได้ไปกระทบกับใครทั้งนั้น โดยแผนการขยายสาขาในปีหน้าบริษัทฯเตรียมงบลงทุนกว่า 1,250 ล้านบาทในการขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีก 500 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ คิดเป็นสัดส่วน50% และต่างจังหวัด 50%
ทั้งนี้การขยายสาขาในต่างจังหวัดของเซเว่นฯจะดูสถานที่และเงื่อนไขต่างๆที่ต้องไม่กระทบกับร้านค้าใด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้ที่จะเน้นการขยายสาขาภายใต้ระบบแฟรนไชส์มากขึ้น เพื่อส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้เป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นเถ้าแก่คนใหม่ ทั้งนี้คาดว่าสัดส่วนร้านเซเว่นฯแบบแฟรนไชส์จะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% ปัจจุบันสาขาของเซเว่นฯรวมถึงสิ้นปีนี้จะมี 3,750 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนด้านการบริหารจัดการในร้านเซเว่นฯยังคงจะเน้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯมีศักยภาพในการผลิตและจัดจำหน่าย เช่น อาหารกล่องอีซีย์-โก เป็นต้น อีกทั้งกลุ่มอาหารมีกำไรสูง โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารคิดเป็น 70% ที่เหลือเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร 30%
อย่างไรก็ตามหากมองเป็นภาพรวมสินค้าอื่นทั่วไปที่วางขายในเซเว่นฯจะพบว่าแพงกว่าร้านค้าทั่วไปหรือโชวห่วยอยู่ 5% ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารเพิ่มเป็น 80% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯสิ้นปีคาดว่าจะปิดยอดที่ประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้น 20% จากการที่บริษัทฯขยายสาขาเพิ่มและจากการที่สาขาเก่าทำยอดขายเพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าไม่รุนแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่โดยรวมยังเชื่อตลาดก็ยังมีอัตราการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดบริษัทฯได้มอบเงินบริจาค 100 ล้านบาท จากการทำบัตรถวายพระพรและสายข้อมือเรารักพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ให้แก่มูลนิธิคิง เพาเวอร์ เพื่อทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย ต่อจากนั้นบริษัทฯจะขอรับบัตรถวายพระพรและสายข้อมือเพิ่ม 1 ล้านชุด โดยจะเริ่มในกลางเดือนก.ย.นี้
นายปิยะวัฒน์ ฐิติสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่ผู้ประกอบการในต่างจังหวัดพากันร้องเรียนและต่อต้านกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ที่แห่ลงทุนเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้นนั้น โดยส่วนตัวมองว่า เซเว่นอีเลฟเว่นเองเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก จึงไม่สามารถให้รายละเอียดหรือความเห็นได้ ต้องไปถามค้าปลีกรายใหญ่เอง
แต่หากถามในส่วนของเซเว่นฯเชื่อว่า การขยายสาขาของร้านเซเว่นฯเชื่อมั่นว่า ไม่ได้ไปกระทบกับใครทั้งนั้น โดยแผนการขยายสาขาในปีหน้าบริษัทฯเตรียมงบลงทุนกว่า 1,250 ล้านบาทในการขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีก 500 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ คิดเป็นสัดส่วน50% และต่างจังหวัด 50%
ทั้งนี้การขยายสาขาในต่างจังหวัดของเซเว่นฯจะดูสถานที่และเงื่อนไขต่างๆที่ต้องไม่กระทบกับร้านค้าใด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้ที่จะเน้นการขยายสาขาภายใต้ระบบแฟรนไชส์มากขึ้น เพื่อส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้เป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นเถ้าแก่คนใหม่ ทั้งนี้คาดว่าสัดส่วนร้านเซเว่นฯแบบแฟรนไชส์จะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% ปัจจุบันสาขาของเซเว่นฯรวมถึงสิ้นปีนี้จะมี 3,750 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนด้านการบริหารจัดการในร้านเซเว่นฯยังคงจะเน้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯมีศักยภาพในการผลิตและจัดจำหน่าย เช่น อาหารกล่องอีซีย์-โก เป็นต้น อีกทั้งกลุ่มอาหารมีกำไรสูง โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารคิดเป็น 70% ที่เหลือเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร 30%
อย่างไรก็ตามหากมองเป็นภาพรวมสินค้าอื่นทั่วไปที่วางขายในเซเว่นฯจะพบว่าแพงกว่าร้านค้าทั่วไปหรือโชวห่วยอยู่ 5% ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารเพิ่มเป็น 80% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯสิ้นปีคาดว่าจะปิดยอดที่ประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้น 20% จากการที่บริษัทฯขยายสาขาเพิ่มและจากการที่สาขาเก่าทำยอดขายเพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าไม่รุนแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่โดยรวมยังเชื่อตลาดก็ยังมีอัตราการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดบริษัทฯได้มอบเงินบริจาค 100 ล้านบาท จากการทำบัตรถวายพระพรและสายข้อมือเรารักพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ให้แก่มูลนิธิคิง เพาเวอร์ เพื่อทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย ต่อจากนั้นบริษัทฯจะขอรับบัตรถวายพระพรและสายข้อมือเพิ่ม 1 ล้านชุด โดยจะเริ่มในกลางเดือนก.ย.นี้