xs
xsm
sm
md
lg

แม้วสุมหัวตีกอล์ฟตท.10 โพลคนกรุงชี้จัดฉากบอมบ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"แม้ว"ยังคงสร้างภาพถูกตามฆ่า งดไปเยื่ยมผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ แถมแอบหนีไปตีกอล์ฟที่"อมตะสปริง"ชลบุรี ด้านโฆษกสตช.ขอให้หยุดวิจารณ์ว่าเป็นการจัดฉาก ยังไม่แจ้งข้อหาเพิ่ม ขณะที่พี่ชายผู้ต้องหาไม่เชื่อน้องชายคิดฆ่า เพราะเป็นคนที่ชื่นชอบแม้ว "อภิสิทธิ์"จี้ให้จับ 4 นายทหารหากมั่นใจตามที่ผู้นำกล่าวอ้าง ด้านคนเดือนตุลาฯ ขู่ "หมอมิ้ง-เกรียงกมล"อย่าเหยียบงาน 30 ปี คนตุลาฯ ที่มธ. ลั่น"เจอเมื่อไร ต่อยหน้าเมื่อนั้น"พร้อมตั้งข้อสังเกต คนตุลาฯ ไปสุมหัวอยู่กับสมัครได้อย่างไร กรุงเทพโพลล์ชี้คาร์บอมบ์แค่ป่าหี่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ทั้งวัน ท่ามกลาการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ส่วนเมื่อวานนี้ (27ส.ค.)ผู้สื่อข่าวทุกสำนักได้มาดักรอสัมภาษณ์ และติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บ้านพักตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น. รถนำขบวนและรถติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีความเคลื่อนไหวขับออกจากบ้านพักจันทร์ส่องหล้า โดยผู้สื่อข่าวทุกสำนักเตรียมพร้อมที่จะติดตามขบวน แต่ปรากฏว่า รถติดตามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กระจายกันออกคนละทิศละทาง เพื่อหลอกล่อผู้สื่อข่าวให้ติดตามได้ยาก จนในที่สุดก็ไม่มีผู้สื่อข่าวสำนักใดติดตามได้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้เช็คและตระเวนดูตามสนามกอล์ฟ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยไปออกรอบเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น สนามกอล์ฟเลกวู๊ด บางนา สนามกอล์ฟ ไพร์เฮิร์สท รังสิต และสนามอัลไพน์ รวมทั้งสนามไดร์ฟกอล์ฟ ย่านอาร์ซีเอ พระราม 9 ก็ไม่มีวี่แวว พ.ต.ท.ทักษิณ

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากสายทหาร เปิดเผยว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถามผบ.ทร.ว่ามีสนามกอล์ฟ ลับๆที่ไหนบ้าง ที่ผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดตามไปได้ โดยทาง ผบ.ทร. ได้แจ้งว่า มีสนามกอล์ฟที่ ภูตาหลวง จ.ระยอง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็พอใจ เพราะสถานที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่บังเอิญในช่วงสุดสัปดาห์นี้ สนามกอล์ฟภูตาหลวง มีการแข่งขันกอล์ฟเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง กองทัพเรือ - บริษัทปตท.จำกัดมหาชน จึงไม่สะดวกที่จะไปตีกอล์ฟสนามดังกล่าว

แต่ในที่สุดผู้สื่อข่าวก็สามารถตรวจสอบได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปตีกอล์ฟ ที่ สนามกอล์ฟ อมตะสปริง คันทรีคลับ ภายในนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งสนามดังกล่าวเป็นของ นายวิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจเจ้าของนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร ซึ่งเป็นการไปตีกอล์ฟที่สนามนี้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ ได้มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรค และนายประยุทธ มหากิจศิริ รองหัวหน้าพรรค ได้ร่วมออกรอบ ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีนายทหารรุ่น 10 ไปร่วมตีกอล์ฟ ที่สนามดังกล่าวในวันเดียวกันนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจในพื้นที่ได้รับแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาตีกอล์ฟที่นี่ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่โดยรอบ ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.30 น. เพื่อรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ภายในบริเวณสนามกอล์ฟก็ได้มีการตรวจสอบบุคคล และรถทุกคันที่เข้า-ออกอย่างละเอียด ทั้งตรวจคน ท้องรถ ฝากระโปรงรถ ทั้งๆที่สนามกอล์ฟดังกล่าวจะเข้าได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น แต่ก็ยังต้องตรวจเข้มเพื่อความรอบคอบ

ก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะลงสนามออกรอบในเวลา 12.30 น. พล.ต.อ.จงรักษ์ จุฑานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เดินทางมาเข้าพบด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อหน่วยรักษาความปลอดภัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ทราบว่ามีผู้สื่อข่าวตามมา ก็แสดงอาการฉุนเฉียว ไม่พอใจ และสั่งให้ผู้สื่อข่าวหยุดตามทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เดิมที พ.ต.ท.ทักษิณ มีกำหนดการในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่ จ.น่าน และจังหวัดทางภาคเหนือ แต่ได้ยกเลิกกำหนดการดังกล่าว แล้วใช้เวลาไปออกรอบตีกอล์ฟแทน ขณะที่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยก็ได้แต่เฝ้ารอความช่วยเหลือจากภาครัฐ

"อชิรวิทย์"วอนหยุดวิจารณ์จัดฉาก

ส่วนความคืบหน้าด้านคดีลอบสังหาร เวลา 14.00 น.วานนี้ ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผช.ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสตช.เดินทางมารับฟังสรุปรายงานความคืบหน้าของพนักงานสอบสวนคดีที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารช่วยราชการ กอ.รอ.มน. ตกเป็นผู้ต้องหามีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง พร้อมเปิดเผยว่าขอให้อดใจรออีกนิด เชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากข่าวสารเพิ่มเติม ขณะนี้อยากให้ทุกฝ่ายรอผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อน

อย่างไรก็ตามวันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม คือผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานและทำการสอบสวน คิดว่าไม่นานคงได้ข้อยุติที่เหมาะสม ขอว่าตอนนี้อย่าได้พาดพิงถึงใคร และการวิพากษ์วิจารณ์ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาวิจารณ์ โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไร

ทั้งนี้ คดีนี้ความผิดของคดีอยู่ในขั้นตระเตรียมการ ซึ่งกฎหมายยังถือว่าไม่มีความผิด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งเพียงข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ดังนั้นพนักงานสอบสวนก็ต้องสอบสวนไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนการสืบสวนจะเชื่อมโยงใครหรือไม่นั้นก็ว่ากันไป ดังนั้นขอความกรุณาให้ทุกฝ่ายรอคอยกระบวนการยุติธรรม โดยเชื่อว่าในที่สุดจะมีข้อยุติที่ถูกต้อง และเหมาะสม

"ตอนนี้สิ่งสำคัญคือผู้ต้องหาควรจะได้รับการเยี่ยมเยียนจากญาติอย่างเต็มที่ เป็นไปตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญกำหนด และหากญาติจะส่งทนายไปยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาก็เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเจ้าหน้าที่จะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ขึ้นกับพนักงานสอบสวน” โฆษกสตช.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 14.30 น.นางสังวรณ์ กลิ่นชะนะ ภรรยา ร.ท.ธวัชชัย พร้อมลูกสาว และญาติๆได้เดินทางของเข้าเยี่ยมสามี ที่กองปราบปราม

พี่ชายไม่เชื่อน้องคิดสังหารแม้ว

ก่อนหน้านั้น ที่กองปราบปราม เวลา 10.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ส.อ.อิทธิพล กลิ่นชะนะ ทหารสังกัดจังหวัดทหารบก ราชบุรี พี่ชาย ร.ท.ธวัชชัย เดินทางเข้าเยี่ยม ร.ท.ธวัชชัย ที่ห้องคุมขังกองปราบปราม โดยใช้เวลาเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาเพียง 5 นาที โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่ใช่เวลาอนุญาตให้เข้าเยี่ยมผู้ต้องหา แต่ได้อะลุ้มอะล่วยให้เป็นกรณีพิเศษ

ภายหลังเข้าเยี่ยม จ.ส.อ.อิทธิพล กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าน้องชายทำจริง เพราะน้องชายเป็นคนดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีเวลาระบายความในใจ หรือพูดคุยอะไรให้ตนฟังได้มากนัก เพราะถูกจำกัดเวลาเข้าเยี่ยมและได้แค่ยืนคุยกันห่างๆ โดยเจ้าหน้าที่เข้มงวดมากแม้กระทั่งอาหารการกิน โดยตนซื้อข้าวมันไก่มาให้น้องชายก็ยังถูกห้ามเยี่ยม โดยให้ทานอาหารเฉพาะที่กองปราบปรามจัดให้เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หารือกับทนายความเกี่ยวกับการหาพยานหลักฐานที่จะใช้ต่อสู้คดีแล้วหรือไม่ จ.ส.อ.อิทธิพล กล่าวว่า ตนเชื่อว่าที่น้องชายพูดไปนั้นเป็นความจริง 90% ที่ว่าเพื่อนจ้างวานให้ไปเอารถแดวูคันดังกล่าว แต่พอขึ้นรถก็ถูกตำรวจจับโดยยังไม่ทันได้ขับออกไป โดยน้องชายตนไม่รู้เรื่องว่ามีวัตถุระเบิดซุกซ่อนไว้ในรถ อย่างไรก็ตาม สำหรับเพื่อนที่น้องชายอ้างชื่อ "นายจุ้ย"ที่วานให้มาเอารถนั้น จะต้องนำมาเป็นพยานด้วย ขณะนี้ยังไม่มีเวลาได้พูดกับน้องชาย เพราะเวลาเข้าเยี่ยมน้อยมาก

"ความจริงอยากให้ย้ายน้องไปอยู่ในความควบคุมของทหาร เพราะเชื่อมั่นในความเป็นกลางมากกว่า และโดยปกติน้องชายเป็นคนชื่นชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างมาก ไม่น่าจะก่อเหตุลอบสังหารนายกฯ ตามที่ถูกกล่าวหา" จ.ส.อ.อิทธพล กล่าว

โพลชี้"คาร์บอมบ์"แค่ปาหี่

ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นเรื่อง"ประชาชนคิดอย่างไรกับเรื่องคาร์บอม"ระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค.ที่ผ่านมา จากประชาชนใน กทม.และปริมณฑล จำนวน 1,174 คน ปรากฏว่า มีเพียงร้อยละ 20.5 ที่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการมุ่งปองร้ายต่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จริง ขณะที่ร้อยละ 49.8 เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ (โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 60.6 เชื่อว่ากระทำโดยฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 20.3 เชื่อว่ากระทำโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และ ร้อยละ 19.1 เชื่อว่ากระทำโดยฝ่ายอื่น หรือมือที่สาม) ร้อยละ 29.6 ไม่แน่ใจ

สำหรับผู้ที่ประชาชนเห็นว่า น่าเห็นใจที่สุดจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้แก่ พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี (ร้อยละ 22.7) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร (ร้อยละ 20.3)ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ (ร้อยละ 12.1) ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ (ร้อยละ 11.8) ไม่มีใครน่าเห็นใจเลย (ร้อยละ 33.1)

จี้"แม้ว"จับ 4 นายทหารถ้ามีจริง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงเรียกร้องจากพรรคไทยรักไทย ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี หาเสียงผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกลเพื่อความปลอดภัยว่า ขณะนี้อย่าเพิ่งไปไกลถึงขนาดนั้น ไม่อยากให้พูดไปพูดมา หรือนำเรื่องระเบิดที่ค้นพบไปโยงกับเรื่องการเมือง ปัญหาสังคมหรือภาพลักษณ์ของประเทศ แต่อยากให้พูดถึงเรื่องข้อเท็จจริงเสียก่อน อย่างเช่นที่มีการระบุว่า รัศมีของระเบิดจะทำอันตรายได้ถึง 1 กม.ทั้งที่ถ้าเทียบกับการก่อเหตุในต่างประเทศในรูปแบบลักษณะเดียวกัน กลับมีรัศมีทำการไม่กี่เมตร ซึ่งการออกมาให้ข้อมูลเช่นนี้ ทำให้ประชาชนหวั่นไหว อีกทั้งตอนกู้ระเบิดก็ไม่มีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ เพื่อให้พ้นรัศมีของระเบิดตามที่มีการกล่าวอ้าง

"ขณะนี้ในสังคมมีความแตกแยกเพิ่มมากขึ้น เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งทำหน้าที่เพื่อหาข้อเท็จจริง โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามาชี้นำ ขอให้ยึดหลักความจริงให้ปรากฏออกมา เหมือนเมื่อตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ รับตำแหน่งนายกฯใหม่ๆ ก็มีข่าวว่ามีการลอบวางระเบิดเครื่องบินของการบินไทยที่นายกฯจะโดยสาร แต่เมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเป็นการระเบิดจากความขัดข้องของระบบภายในเครื่องบินเอง แต่ก็ไม่เคยมีการทำให้ความจริงปรากฏต่อสังคม ดังนั้นจึงอยากให้สังคมมีสติ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า มีทหารอีก 4 นาย ร่วมอยู่ในแผนการครั้งนี้ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องมีการจับกุมทันที อย่างไรก็ดีที่จริงแล้วตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกล่าวหาใคร หรือตัดสินว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ แต่อยากให้ทุกคนมองเหตุการณ์ในพื้นฐานของความเป็นจริง

ชี้แม้วใช้อำจาจเกินรธน.กำหนด

ในวันเดียวกันนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดงานเสวนา เรื่อง"สังคมไทยจะยุติความรุนแรงโดยสันติวิธีได้อย่างไร" โดยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพี่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับในกทม.หรือส่วนอื่นๆ ของประเทศแล้ว ความรุนแรงในภาคใต้ เป็นความรุนแรงที่เห็นประจักษ์ แต่ความรุนแรงในกทม. เป็นเพียงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น ยังไม่เห็นประจักษ์ ดังนั้นจึงต้องแก้ต่างกัน ความรุนแรงในกทม.เงื่อนไขความรุนแรงอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บิดเบือนโครงสร้างประชาธิปไตย เห็นประชาธิปไตยเป็นเพียงการเลือกตั้ง เป็นกระบวนการเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ฐานตำรวจสร้างอำนาจให้ตัวเอง เข้าไปจัดองค์กรอิสระ แต่ยังเหลืออำนาจตุลาการอย่างเดียวเท่านั้นที่เข้าไปไม่ถึง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังใช้ฐานอำนาจประชาชน 16 ล้านเสียง เข้าไปทำร้ายและแทรกแซงภาคธุรกิจ มีการใช้กระบวนการของกรมสรรพากร และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปจัดการ

"ถ้าจะยุติความรุนแรงในสังคมไทย วิธีที่นุ่มนวลที่สุดคือ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ ต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากการเมือง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใครจะมาใช้อำนาจแทน พ.ต.ท.ทักษิณ เวลานี้ต้องจัดการตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ก่อน ถ้าทำให้เขาออกไม่ได้ การทำให้ประชาธิปไตยกลับมาสู่ดุลเดิม คือต้องแก้รัฐธรรมนูญ 2540 และต้องทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจน้อยลง ไม่เฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น นักการเมืองคนอื่นๆ ถ้าทำผิดกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็ต้องเข้าไปจัดการ สิ่งที่หมิ่นเหม่กฎหมายทั้งคดีอาญาของรัฐ และคดีที่กระทบต่อตัวบุคคลและสาธารณะ เพื่อให้เป็นตุลาการภิวัตน์อย่างแท้จริง ทั้งนี้อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือรัฐบาลนำแนวทางสมานฉันท์ของ กอส.9 ประการ ที่จะใช้ในการแก้ปัญหาภาคใต้ มาใช้ในการป้องกันความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในกทม."

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า สังคมไทยไม่ระมัดระวังความรุนแรง เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรง ก็เชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะลงมาแก้ปัญหา เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และพฤษภาทมิฬ นี่คือจุดอ่อนของสังคมที่ไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยมากพอ แต่เชื่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเข้ามาแทรกแซงและแก้ไขความรุนแรงทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อนของสังคมไทย จุดแข็งคือเชื่อว่าในหลวงจะลงมาแก้ปัญหาให้ได้ และจุดอ่อนคือไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย

ใช้ประชานิยมไต่ขึ้นสู่อำนาจนิยม

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร กล่าวว่า ปัญหาในสังคมไทยคือ ปัญหาอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ที่มีอำนาจใหม่ๆเข้ามาแย่งชิงอำนาจเก่า เหมือนในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นการแย่งอำนาจระหว่างฝ่ายการเมือง กับรัฐ และเคยมีการลอบสังหาร จอมพล ป. ถือ 3 ครั้ง มีการจับกุมผู้ต้องหา 77 คน ประหารชีวิต 15 คน และมีถูกจำคุกอีกจำนวนมาก รวมทั้งมีการลี้ภัยไปต่างประเทศ

ส่วนเหตุการณ์ 3-4 ครั้งที่เพิ่งผ่านมา เป็นเรื่องน่าเศร้าของสังคมไทย ที่เคลื่อนตัวไปสู่ความรุนแรง ถึงขั้นมีการนำอาวุธหนักออกมาแล้ว คนที่สามารถนำอาวุธเหล่านี้ออกมาได้ ต้องเป็นคนที่มีอำนาจ ซึ่งอาจเป็นการก่อการร้ายสากล รัฐไม่ควรสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน โดยการโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อ แต่ควรให้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ซึ่งอาจเป็นพลเรือน ที่ไม่ใช่ตำรวจ หรือทหารมีส่วนร่วมให้ข้อมูลกับประชาชน เพราะในต่างประเทศ เช่น อิรัก การวางระเบิดครั้งใหญ่ ๆ เป็นฝีมือของพลเรือนทั้งนั้น

นายปณิธาน กล่าวว่า ประชานิยมทำให้เกิดการเติบใหญ่ของอำนาจนิยม กลายเป็นอภิรัฐมนตรี มีการรวมศูนย์อำนาจ ดังนั้นต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ มิเช่นนั้นอำนาจการเมืองและอำนาจรัฐรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นระบอบทักษิณ อำนาจแกว่งไปทางเดียว ขณะที่กลไกใหม่เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่สามารถจะคาน หรือถ่วงดุลได้ทันจนทำให้เสียดุล

"สังคมไทยกำลังก้าวไปสู่ความเชื่อที่ว่า เชื่อผู้นำแล้วชาติพ้นภัย ผู้นำกลายเป็นเจ้าลัทธิ เจ้านิกาย ที่ประชาชนหลงเชื่อ ยอมตายเพื่อผู้นำ ลักษณะแบบนี้จะทำให้เกิดวิกฤต ทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้นตามมา แม้แต่คนในรัฐบาลเองก็ยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากการแย่งชิงอำนาจรัฐจากฝ่ายต่างๆ และจากอำนาจฝ่ายการเมือง" นายปณิธาน กล่าว

คนตุลาฯตัดขาด"มิ้ง-เกรียงกมล"

ในวันเดียวกันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรุงเทพฯ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)และวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต จัดเสวนา เรื่อง"บทเรียนคนเดือนตุลา...กับความรุนแรงในสังคมไทย"โดยมีวิทยากรเขาร่วมประกอบด้วย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายอมร อมรรัตนานนท์ เลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2519 นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ นายกองค์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปี 2519 ร่วมเสวนา

นายพิเชียรกล่าวว่าตนไม่ยอมรับคนเดือนตุลาที่อยู่ในรัฐบาล เพราะไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อชนชั้นปกครอง ทำเพื่อเผด็จการนายทุนผูกขาด ไม่ได้ทำเพื่อประชาธิปไตย และความดีงามของสังคม ดังนั้นคนที่กล่าวอ้างว่าเป็นคนตุลา ถามว่ายังมีจิตสำนึกหรือเปล่า ถ้ามีจิตสำนึกเขาจะต้องลาออกแล้ว จะอยู่ตรงนั้นทำไม

"เพื่อนผมหลายคน ที่เป็นคนเดือนตุลาเหมือนกัน ได้ฟัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แล้วหลายคนโทรมาคุยบอกตรงๆนะครับ เพื่อนบอกว่าเจอหน้าหมอมิ้ง เกรียง (เกรียงกมล เลาหะไพโรจน์)เมื่อไหร่ จะต่อยหน้าทันทีเลย เพราะเห็นว่าเพื่อนตายมากมายในอดีต แล้วคุณมาพูดแบบนี้ได้อย่างไร ผมว่าทั้งสองคนไม่ไช่คนเดือนตุลา จึงไม่มีคุณค่าที่จะไปตอบโต้ หากคุณมีหัวใจคุณต้องออกมา ไม่ใช่ปล่อยอันธพาลมาทำลาย คนแก่ ผู้หญิง แน่จริงไปที่สวนลุมฯ ลูกผู้ชายต้องเจอกันซึ่งหน้า"นายพิเชียร กล่าว

นายกฯอมธ.ปี 2519 กล่าวอีกว่า อย่ามาอ้างว่าเป็นคนเดือนตุลามันแปดเปื้อน เพื่อนๆไม่ยอมรับแล้ว ถ้าไม่ออกมาก็ขอให้จมไปกับรัฐบาลทักษิณเลย

"รีบถอยห่างออกมา แล้วมาสร้างสรรค์คจรรโลงประชาธิปไตยที่ดีกว่า ไม่ใช่นั้นประวัติศาสตร์จะจารึกว่า คุณเป็นแค่สมุนทรราช หรือทาสรับใช้ ดังนั้นอย่าทำตัวเป็นเหมือนดังกลอนบทหนึ่ง ที่บอกว่า "อย่าทำตัวเป็นเจ้าซื่อต่อคนคด ทรยศต่อคนไทย เพียงแบงก์ไม่กี่ใบ เพียงหมวกไม่กี่ใบ ก็ขายตัวเป็นทรชน" ดังนั้นงานครบรอบ 30 ปี 6 ตุลา 19 ที่จะจัดที่ม.ธรรมศาสตร์ พวกคุณอย่าไป เราไม่ต้อนรับคุณ"

นายพิเชียรกล่าวอีกว่า เหตุการณ์บ้านเมืองได้สะท้อนว่ารัฐบาลบ้าอำนาจ ใช้อำนาจที่เป็นอธรรมครอบงำสื่อสาร บิดเบือนข้อเท็จจริง อ้างการเลือกตั้งคือทางออก ที่เขาอ้างเพราะมั่นใจว่าตัวเองได้จัดตั้งในจังหวัดภาคอีสาน เหนือ เพราะแน่ใจว่าตัวเองต้องชนะ แต่มันคือการเลือกตั้งที่เป็นธรรมหรือไม่ เอาการเลือกตั้งมาฟอกตัวเองให้สะอาด เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ขายหุ้นเจ็ดหมื่นกว่าล้าน แต่ไม่ยอมเสียภาษีสักบาทเดียว ใครจะยอมรับ ห้าปีที่ผ่านมาคนที่เป็นวิญญูชนมองแป๊บเดียวก็รู้ว่า คนนี้ทำเพื่อบ้านเมืองหรือไม่

"แม้กระทั่งจะซื้อเสียงก็ยังใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินตัวเองก็ไม่ยอมออก ผมไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนที่เขาทำใคร จะมาเปลี่ยนดำเป็นขาว เอาใบบัวมาปิดช้างตายทั้งตัว ในสังคมไทยอย่าหวังว่าจะทำได้ หากจะทำแบบนี้ต้องไปอยู่มาเลเชีย สิงคโปร์ เพราะไทยไม่ยอม คนไทยเป็นเสรีชน"นายพิเชียรกล่าว

อ้างเป็นคนตุลาแต่ไปมั่วกับสมัคร
 
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่เคยเกิดขึ้นจากประชาชน แต่เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐ เช่นเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ โดยใช้กระบวนการอำนาจรัฐ มาเป็นเครื่องมือในการจัดการกับประชาชน และปัจจุบันมันสะดุดไม่มีประชาธิปไตย มีการใช้ความรุนแรงเช่นที่พารากอน หรือ เซ็นทรัล เวิลด์ มีการใช้ตำรวจและพวกอันธพาลไปทำร้ายคนผู้หญิง คนแก่ ซึ่งเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดปัญหา ซึ่งหลักฐานที่ปรากฎมันหน้าเกลียดมาก

"คนเป็นนักเลงเขาทำไม่ลงหรอก พวกนี้ขี้ขลาดตาขาว สร้างสถานการณ์ เพื่อให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน นี้เป็นการกระทำของพวกที่อ้างตัวเองเป็นหัวก้าวหน้ามาในรัฐบาลทำเป็นซ้าย ต่อสู้กับทุนศักดินา ทั้งที่มันก็คือทุนโบราณ แต่มาจากการเลือกตั้ง ที่มาจากเจตจำนงจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมา มันไม่ยุติธรรม เป็นการอ้างการเลือกตั้งมาฟอกตัวเอง"แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่าตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกลัว จึงถอยไม่ได้ เพราะหากถอยก็กลัวว่าจะถูกติดคุกหรือเนรเทศ ทำได้แค่การซื้อเวลา เพราะเงินทำอะไรก็ได้ สถานการณ์แบบนี้เขาเข้าไปสู่มุมที่ข้างถนน ลงเหวหมดแล้ว ดังนั้นเขามีอยู่รูเดียวคือ สืบทอดอำนาจ เพื่อทำให้ข้อกล่าวหา ข้อสงสัยทั้งหลายจากหนักกลายเป็นเบา ดังนั้นฝ่ายประชาชนจะต้องมีสติ ประสานและยึดส่วนรวมให้ชัด และแกะแผลต่างๆออกมาอย่าเปลี่ยนเรื่อง นอกจากนี้ ตนยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคนตุลา จึงเข้ามาเกี่ยวข้องร่วมกับนายสมัคร สุนทรเวช ทั้งที่เหตุการณ์ที่ผ่าน ถือว่าเป็นศัตรูกัน

จับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ขณะที่นายอมร กล่าวว่า บทเรียนความรุนแรงในอดีตที่เกิดจากผู้ปกครองที่กุมผลประโยชน์ของตัวเองและกลัวว่าหากประชาชนตื่นตัวขึ้นมา ผลประโยชน์ของตัวเองจะถูกทำลาย และคนกลุ่มนี้ยังเห็นว่าหากมีการปล่อยให้ขยายวงต่อไป โอกาสที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะเข้ามามีส่วนบทบาทในสังคม และผลกระทบก็คงเกิดขึ้นวันหนึ่ง ดังนั้นการพยายามทำลายกระบวนการก็ไม่ต่างอะไรกับระบอบทักษิณที่ใช้อยู่ ไม่ต่างกับยุทธศาสตร์ที่จะฆ่าคน 3 พันคน ในอดีต โดยการจัดตั้งกลุ่มกระทิงแดง นวพล หรือลูกเสือชาวบ้าน ที่เข้ามาทำลายกลุ่มนิสิตนักศึกษา ซึ่งถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการจงใจที่จะทำให้เกิด

"ผมเชื่อว่าอีกไม่นานนักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภาคประชาชนจะได้เก็บเกี่ยวอะไรกับประวัติศาสตร์ เพราะสภาพการปกครองในระบอบทักษิณ คนตุลาที่อยู่ในรัฐบาล และอ้างว่าเป็นกลุ่มก้าวหน้า เขากำลังเผยแพร่ทฤษฎีฉวยโอกาสเอียงซ้าย กำลังเปลี่ยนแปลงสังคม กำลังนำพาให้เป็นสังคมทุนนิยม เศรษฐกิจในระบอบทักษิณมีการขยายตัวอย่างสลับซับซ้อนมากขึ้น เศรษฐกิจแบบศักดินาหมดไป ไม่หลงเหลือ กลายเป็นทุนนิยมหมดแล้ว และเขากำลังความเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชนเข้ามาเป็นทัพหลังของพรรคไทยรักไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กำลังการแพร่พิษร้าย ในทฤษฎีที่สามานย์ หลอกลวงสหายกันเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น