เฟรชมาร์ท เผยยอดแฟรนไชส์หล่นฮวบ 20% คาดปีนี้พลาดเป้าเปิดไม่ถึง 100 แห่ง เตรียมปรับกลยุทธ์สู้เศรษฐกิจซบ ดันธุรกิจ อสังหา สปาแก้ทาง
นางสาวนรินทร์ จิยารมณ์ ประธานกรรมการ บริษัท เฟรชมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ ‘เฟรชมาร์ท’ เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในยุคน้ำมันแพงรวมถึงปัญหาการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั้งประเทศเกิดชะลอตัวเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการรายย่อยต่างก็ได้รับผลกระทบ บางรายถึงขั้นต้องปิดกิจการลงไป ในแง่ของผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้ภาพรวมการแข่งขันในตลาดเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทฯเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยปัจจุบันจำนวนสาขาทั้งหมดของเฟรชมาร์ทมี 400 สาขา โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกทม. 30% และ ต่างจังหวัด 70% ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในรูปแบบของแฟรนไชส์ทั้งสิ้น และที่ผ่านมานั้นพบว่ากลุ่มนักลงทุนต่างให้การตอบรับได้เป็นอย่างดี แต่ในช่วงเศรษฐกิจขณะนี้และส่งผลถึงครึ่งปีหลังนี้ กลุ่มนักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงจึงทำให้ยอดการเติบโตของเฟรชมาร์ทหายไปถึง 20%
อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินของบริษัทฯนั้นจะพยายามจัดระบบการจัดการให้ดีขึ้น มีการปรับปรุงรูปแบบของการปรับเปลี่ยนสินค้าให้มีความทันสมัยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด อีกทั้งในแง่ของการขยายสาขานั้นบริษัทฯตั้งเป้าขยายสาขาต่อปีไว้เป็นจำนวน 100 สาขา แต่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวการขยายสาขาจึงทำได้เพียง 50 สาขาเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าภายในระยะเวลา 4-5 เดือนจากนี้จะพยายามขยายสาขาให้ใกล้เคียงกับเป้าที่วางไว้ประมาณ 80 สาขา เพื่อรักษายอดการเติบโตของบริษัทฯเอาไว้
บริษัทฯคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ธุรกิจเฟรชมาร์ทจะมีผลประกอบการรวมประมาณ 56 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายน้อยกว่าปี 48 ซึ่งทำได้ 60 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมแผนรองรับธุรกิจเฟรชมาร์ทที่ยอดการเติบโตด้านการขยายสาขาอีกทั้งยอดขยายแฟรนไชส์ที่หายไปถึง 20% นั้น และถึงแม้ว่าการเติบโตในการขยายสาขานั้นจะลดลงไป แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อบริษัทฯมากนัก เพราะธุรกิจของบริษัทฯมีรวม 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย เฟรชมาร์ท(ร้านสะดวกซื้อ )2.พร๊อพเพอร์ตี้ (อสังหาริมทรัพย์)3.เฟรช แอนด์ สลิม (ธุรกิจสปา) เบื้องต้นบริษัทฯได้วางกลยุทธ์อีก 2 ธุรกิจเพื่อรุกต่อไป โดยธุรกิจสปา จะลดต้นทุนในการขยายแฟรนไชส์ เฟรช แอนด์ ลีเลกซ์ (สปานวดเท้า) เหลือเพียง 3 แสน 9 หมื่นบาทจากเดิม แต่ทั้งนี้พื้นที่ก็มีการปรับลดลงไปด้วย อีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยประคองธุรกิจไว้ได้นั่นคือ อสังหา ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ 3 โครงการ ประกอบด้วย นวมินทร์ 2 โครงการและรามอินทรา 1 โครงการ
ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย เพื่อเปิดให้บริการรับทำ พรบ.และการประกันภัยรูปแบบต่างๆอย่างครบวงจร ซึ่งจะเป็นการให้บริการภายในร้านสะดวกซื้อที่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิ์ภาพในการดูแลกลุ่มลูกค้าด้วยรูปแบบการให้บริการใหม่อย่างต่อเนื่อง และจะทำให้เกิดการส่งเสริมการขายได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนั้นมองว่าการร่วมเป็นพันธมิตรกับมิตรแท้ประกันภัยนั้นจะเป็นอีกทางที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของเฟรชมาร์ทได้
นางสาวนรินทร์ จิยารมณ์ ประธานกรรมการ บริษัท เฟรชมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ ‘เฟรชมาร์ท’ เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในยุคน้ำมันแพงรวมถึงปัญหาการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั้งประเทศเกิดชะลอตัวเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการรายย่อยต่างก็ได้รับผลกระทบ บางรายถึงขั้นต้องปิดกิจการลงไป ในแง่ของผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นก็จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้ภาพรวมการแข่งขันในตลาดเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทฯเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยปัจจุบันจำนวนสาขาทั้งหมดของเฟรชมาร์ทมี 400 สาขา โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกทม. 30% และ ต่างจังหวัด 70% ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในรูปแบบของแฟรนไชส์ทั้งสิ้น และที่ผ่านมานั้นพบว่ากลุ่มนักลงทุนต่างให้การตอบรับได้เป็นอย่างดี แต่ในช่วงเศรษฐกิจขณะนี้และส่งผลถึงครึ่งปีหลังนี้ กลุ่มนักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงจึงทำให้ยอดการเติบโตของเฟรชมาร์ทหายไปถึง 20%
อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินของบริษัทฯนั้นจะพยายามจัดระบบการจัดการให้ดีขึ้น มีการปรับปรุงรูปแบบของการปรับเปลี่ยนสินค้าให้มีความทันสมัยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด อีกทั้งในแง่ของการขยายสาขานั้นบริษัทฯตั้งเป้าขยายสาขาต่อปีไว้เป็นจำนวน 100 สาขา แต่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวการขยายสาขาจึงทำได้เพียง 50 สาขาเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าภายในระยะเวลา 4-5 เดือนจากนี้จะพยายามขยายสาขาให้ใกล้เคียงกับเป้าที่วางไว้ประมาณ 80 สาขา เพื่อรักษายอดการเติบโตของบริษัทฯเอาไว้
บริษัทฯคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ธุรกิจเฟรชมาร์ทจะมีผลประกอบการรวมประมาณ 56 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายน้อยกว่าปี 48 ซึ่งทำได้ 60 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมแผนรองรับธุรกิจเฟรชมาร์ทที่ยอดการเติบโตด้านการขยายสาขาอีกทั้งยอดขยายแฟรนไชส์ที่หายไปถึง 20% นั้น และถึงแม้ว่าการเติบโตในการขยายสาขานั้นจะลดลงไป แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อบริษัทฯมากนัก เพราะธุรกิจของบริษัทฯมีรวม 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย เฟรชมาร์ท(ร้านสะดวกซื้อ )2.พร๊อพเพอร์ตี้ (อสังหาริมทรัพย์)3.เฟรช แอนด์ สลิม (ธุรกิจสปา) เบื้องต้นบริษัทฯได้วางกลยุทธ์อีก 2 ธุรกิจเพื่อรุกต่อไป โดยธุรกิจสปา จะลดต้นทุนในการขยายแฟรนไชส์ เฟรช แอนด์ ลีเลกซ์ (สปานวดเท้า) เหลือเพียง 3 แสน 9 หมื่นบาทจากเดิม แต่ทั้งนี้พื้นที่ก็มีการปรับลดลงไปด้วย อีกหนึ่งธุรกิจที่จะช่วยประคองธุรกิจไว้ได้นั่นคือ อสังหา ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ 3 โครงการ ประกอบด้วย นวมินทร์ 2 โครงการและรามอินทรา 1 โครงการ
ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย เพื่อเปิดให้บริการรับทำ พรบ.และการประกันภัยรูปแบบต่างๆอย่างครบวงจร ซึ่งจะเป็นการให้บริการภายในร้านสะดวกซื้อที่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิ์ภาพในการดูแลกลุ่มลูกค้าด้วยรูปแบบการให้บริการใหม่อย่างต่อเนื่อง และจะทำให้เกิดการส่งเสริมการขายได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนั้นมองว่าการร่วมเป็นพันธมิตรกับมิตรแท้ประกันภัยนั้นจะเป็นอีกทางที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของเฟรชมาร์ทได้