หนองคาย- จังหวัดหนองคาย และ จ.ห่าติ๋ง ประเทศเวียดนาม เห็นชอบลงทุนธุรกิจการท่องเที่ยวและเหมืองแร่ พร้อมส่งเสริมการศึกษาภาษาระหว่างกันเป็นฐานการทำธุรกิจ ไทยเสนอเปิดเส้นทางเดินรถในเวียดนามกว้างขึ้น ขยายความสะดวกด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทย - ลาว - เวียดนาม
ที่ห้องประชุมอนันต์ โรงแรมแม่โขงรอยัล หนองคาย ได้มีการประชุมพบปะหารือ ระหว่างจังหวัดหนองคาย และจังหวัดห่าติ๋ง ประเทศเวียดนาม ฝ่ายหนองคายนำโดยนายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนักธุรกิจในจังหวัด ส่วนฝ่าย จ.ห่าติ๋ง มีนายเหงียน แทน บินห์ ประธานสภาประชาชน จ.ห่าติ๋ง นำคณะ 12 คน เข้าร่วมหารือและทัศนศึกษาตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งสถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และตลาดสินค้าอินโดจีน
นายสุพจน์ กล่าวว่า ประชาชนชาวหนองคายและชาวห่าติ๋ง มีความต้องการให้ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา การกีฬา การฝึกอบรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและภาษา แลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกันและกันให้มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งวางแผนการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ร่วมกัน
ทั้งนี้ จ.หนองคาย มีชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอยู่อาศัยเกือบ 20,000 คน ในอดีตเคยเป็นเส้นทางที่โฮจิมินห์ เคยมาพำนักเป็นครั้งคราว จึงน่าจะมีการร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามเส้นทางที่โฮจิมินห์เดินทางระหว่างเวียดนาม - ลาว - ไทย ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจมาท่องเที่ยว ตามที่บุคคลสำคัญของประเทศเวียดนามเคยมาเยือน โดยศึกษาความต้องการด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน ว่าต้องการท่องเที่ยวลักษณะใดเพื่อนำมาวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยว
นายเหงียน แทน บินห์ ประธานสภาประชาชน จ.ห่าติ๋ง กล่าวว่า จ.ห่าติ๋ง มีเนื้อที่ 6,055 ตร.กม. ประชากร 1.3 ล้านคน เขตการปกครอง 11 อำเภอ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าว มีสนามบิน มีสิ่งแวดล้อมสวยงามทั้งภูเขา ทะเล ชายหาด มีท่าเรือน้ำลึก ขนาด 14-20 เมตร ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม เรือขนาด 10,000 - 20,000 ตันสามารถเดินเรือได้สะดวก ซึ่งทางการได้วางแผนจะสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 2 ขึ้นในเร็ววันนี้
นอกจากนี้ จ.ห่าติ๋งยังเป็นแหล่งเหมืองแร่ขนาดใหญ่ มีทั้งแร่เหล็ก แร่ทองคำ ตะกั่ว และถ่านหิน ที่รอให้นักธุรกิจ นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ไปลงทุนทำเหมืองแร่อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการลงทุนด้านการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ซึ่ง จ.ห่าติ๋งยังมีน้อยและยังไม่ดีเท่าที่ควร รัฐบาลเวียดนามเปิดกว้างให้นักลงทุนทำธุรกิจได้โดยมีกฎหมายพิเศษในการทำธุรกิจรองรับ ขณะนี้พบว่ามีนักธุรกิจหลายประเทศต้องการมาลงทุนทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
นายประเสริฐ วิทยาภัทร์ ประธานหอการค้า จ.หนองคาย กล่าวว่า หากมีการพัฒนาเส้นทางหมายเลข 8 และผลักดันให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างไทย - ลาว - เวียดนาม จะทำให้ธุรกิจ การค้าการลงทุนระหว่าง 3 ประเทศสะดวกสบายขึ้น จึงเสนอว่าควรมีการเชิญผู้ประกอบการใน 3 ประเทศ ร่วมหารือพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวในเส้นทางหมายเลข 8 จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงิน ที่จะหมุนเวียนได้มากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศที่ร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับความต้องการแลกเปลี่ยน ความร่วมมือระหว่าง จ.หนองคายกับจ.ห่าติ๋ง ประกอบด้วย ด้านการศึกษา ทั้งสองฝ่ายต้องการให้จัดการศึกษาภาษาเวียดนามและภาษาไทย เป็นภาษาเสริม ควรมีการจัดตั้งโรงเรียนสอนภาษาในแต่ละจังหวัด เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำธุรกิจร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาให้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน
ขณะนี้โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคารซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดหนองคายได้จัดสอนภาษาเวียดนามในระดับ ม.ต้นและ ม.ปลาย ลักษณะชุมนุม เน้นทักษะการพูดและเขียนก่อนที่จะขยายการเรียนรู้ให้มากขึ้น
ด้านการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันในการนำสินค้าที่ดีของแต่ละฝ่ายมาจำหน่ายเพิ่มมูลค่าจะทำให้ได้รับผลประโยชน์กันทุกฝ่าย เนื่องจาก จ.หนองคายมีชาวเวียดนามอยู่มากน่าจะเป็นที่ถูกใจหากมีการนำสินค้าจากเวียดนามโดยตรงมาจำหน่ายด้วย
สำหรับชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่อยู่ในไทย ส่วนใหญ่หากเป็นรุ่นลูก รุ่นหลานจะได้รับสัญชาติไทยแล้ว รุ่นพ่อแม่หรือบรรพบุรุษยังไม่ได้สัญชาติแต่รัฐบาลไทยก็มีหนังสือคนต่างด้าวให้ สามารถทำหนังสือเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่เวียดนามได้ และยังได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล เช่นเดียวกับคนไทยทุกประการ
อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการ จ.หนองคาย ได้เสนอให้รัฐบาลลาวพิจารณาอนุญาตให้คนไทย สามารถนำรถเข้าไปในพื้นที่ตอนในของเวียดนามได้อย่างสะดวกขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสในด้านการขนส่ง คมนาคม การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทย - ลาว - เวียดนาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการเดินทาง ซึ่งประธานสภาประชาชน จ.ห่าติ๋งรับเรื่องไว้และยืนยันว่าจะนำเสนอรัฐบาลเวียดนามพิจารณา และผลักดันให้ประเด็นดังกล่าวสัมฤทธิผลโดยเร็ว
ที่ห้องประชุมอนันต์ โรงแรมแม่โขงรอยัล หนองคาย ได้มีการประชุมพบปะหารือ ระหว่างจังหวัดหนองคาย และจังหวัดห่าติ๋ง ประเทศเวียดนาม ฝ่ายหนองคายนำโดยนายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนักธุรกิจในจังหวัด ส่วนฝ่าย จ.ห่าติ๋ง มีนายเหงียน แทน บินห์ ประธานสภาประชาชน จ.ห่าติ๋ง นำคณะ 12 คน เข้าร่วมหารือและทัศนศึกษาตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งสถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และตลาดสินค้าอินโดจีน
นายสุพจน์ กล่าวว่า ประชาชนชาวหนองคายและชาวห่าติ๋ง มีความต้องการให้ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา การกีฬา การฝึกอบรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและภาษา แลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกันและกันให้มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งวางแผนการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ร่วมกัน
ทั้งนี้ จ.หนองคาย มีชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอยู่อาศัยเกือบ 20,000 คน ในอดีตเคยเป็นเส้นทางที่โฮจิมินห์ เคยมาพำนักเป็นครั้งคราว จึงน่าจะมีการร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามเส้นทางที่โฮจิมินห์เดินทางระหว่างเวียดนาม - ลาว - ไทย ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจมาท่องเที่ยว ตามที่บุคคลสำคัญของประเทศเวียดนามเคยมาเยือน โดยศึกษาความต้องการด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน ว่าต้องการท่องเที่ยวลักษณะใดเพื่อนำมาวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยว
นายเหงียน แทน บินห์ ประธานสภาประชาชน จ.ห่าติ๋ง กล่าวว่า จ.ห่าติ๋ง มีเนื้อที่ 6,055 ตร.กม. ประชากร 1.3 ล้านคน เขตการปกครอง 11 อำเภอ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าว มีสนามบิน มีสิ่งแวดล้อมสวยงามทั้งภูเขา ทะเล ชายหาด มีท่าเรือน้ำลึก ขนาด 14-20 เมตร ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม เรือขนาด 10,000 - 20,000 ตันสามารถเดินเรือได้สะดวก ซึ่งทางการได้วางแผนจะสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งที่ 2 ขึ้นในเร็ววันนี้
นอกจากนี้ จ.ห่าติ๋งยังเป็นแหล่งเหมืองแร่ขนาดใหญ่ มีทั้งแร่เหล็ก แร่ทองคำ ตะกั่ว และถ่านหิน ที่รอให้นักธุรกิจ นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ไปลงทุนทำเหมืองแร่อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการลงทุนด้านการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ซึ่ง จ.ห่าติ๋งยังมีน้อยและยังไม่ดีเท่าที่ควร รัฐบาลเวียดนามเปิดกว้างให้นักลงทุนทำธุรกิจได้โดยมีกฎหมายพิเศษในการทำธุรกิจรองรับ ขณะนี้พบว่ามีนักธุรกิจหลายประเทศต้องการมาลงทุนทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
นายประเสริฐ วิทยาภัทร์ ประธานหอการค้า จ.หนองคาย กล่าวว่า หากมีการพัฒนาเส้นทางหมายเลข 8 และผลักดันให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างไทย - ลาว - เวียดนาม จะทำให้ธุรกิจ การค้าการลงทุนระหว่าง 3 ประเทศสะดวกสบายขึ้น จึงเสนอว่าควรมีการเชิญผู้ประกอบการใน 3 ประเทศ ร่วมหารือพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวในเส้นทางหมายเลข 8 จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงิน ที่จะหมุนเวียนได้มากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศที่ร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับความต้องการแลกเปลี่ยน ความร่วมมือระหว่าง จ.หนองคายกับจ.ห่าติ๋ง ประกอบด้วย ด้านการศึกษา ทั้งสองฝ่ายต้องการให้จัดการศึกษาภาษาเวียดนามและภาษาไทย เป็นภาษาเสริม ควรมีการจัดตั้งโรงเรียนสอนภาษาในแต่ละจังหวัด เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำธุรกิจร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาให้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน
ขณะนี้โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคารซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดหนองคายได้จัดสอนภาษาเวียดนามในระดับ ม.ต้นและ ม.ปลาย ลักษณะชุมนุม เน้นทักษะการพูดและเขียนก่อนที่จะขยายการเรียนรู้ให้มากขึ้น
ด้านการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันในการนำสินค้าที่ดีของแต่ละฝ่ายมาจำหน่ายเพิ่มมูลค่าจะทำให้ได้รับผลประโยชน์กันทุกฝ่าย เนื่องจาก จ.หนองคายมีชาวเวียดนามอยู่มากน่าจะเป็นที่ถูกใจหากมีการนำสินค้าจากเวียดนามโดยตรงมาจำหน่ายด้วย
สำหรับชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่อยู่ในไทย ส่วนใหญ่หากเป็นรุ่นลูก รุ่นหลานจะได้รับสัญชาติไทยแล้ว รุ่นพ่อแม่หรือบรรพบุรุษยังไม่ได้สัญชาติแต่รัฐบาลไทยก็มีหนังสือคนต่างด้าวให้ สามารถทำหนังสือเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่เวียดนามได้ และยังได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล เช่นเดียวกับคนไทยทุกประการ
อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการ จ.หนองคาย ได้เสนอให้รัฐบาลลาวพิจารณาอนุญาตให้คนไทย สามารถนำรถเข้าไปในพื้นที่ตอนในของเวียดนามได้อย่างสะดวกขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสในด้านการขนส่ง คมนาคม การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทย - ลาว - เวียดนาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการเดินทาง ซึ่งประธานสภาประชาชน จ.ห่าติ๋งรับเรื่องไว้และยืนยันว่าจะนำเสนอรัฐบาลเวียดนามพิจารณา และผลักดันให้ประเด็นดังกล่าวสัมฤทธิผลโดยเร็ว