ช่อง 7 เล็งขยายฐานกลุ่มผู้ชม หันจับกลุ่มเด็กมากขึ้น อายุช่วง 4-14 ปี เตรียมปรับรายการเกี่ยวกับเด็ก และรายการข่าว สิงหาคมนี้ประเดิมปรับนำร่องก่อนลุยหนักปีหน้า มั่นใจช่อง 7 ยังเป็นตัวเลือกแรกในการลงโฆษณาของเจ้าของสินค้าและเอเจนซี คาดปีนี้รายได้เติบโต 10% มากกว่าตลาดรวมที่โต 6%
นายสมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ช่อง 7 สามารถรักษาเรตติ้งอันดับที่ 1 ได้ในสัดส่วนตลาด 48% โดยความนิยมในการซื้อสื่อโฆษณาของวสินคาและบริการนนมีอัตราส่วนประมาณ 60-70% ซึ่งบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากกรณีที่ได้ปรับอัตราค่าโฆษณาใหม่ 15% เพราะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วน 15% เช่นกัน
ในปีหน้าช่อง 7 มีแผนที่จะปรับรูปแบบรายการใหม่โดยจะหันมาให้ความสำคัญกับรายการเกี่ยวกับเด็กมากยิ่งขึ้น เพื่อต้องการจะเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยเด็กอายุระหว่าง 4-14 ปีมากขึ้นกว่าเดิม ที่ฐานผู้ชมช่อง 7 ส่วนใหญ่จะเป็นคนอายุ 24-35 ปี เพื่อสร้างฐานผู้ชมให้กว้างขึ้น แต่คอนเซ็ปท์สัดส่วนรายการยังคงเป็น บันเทิง 70% ข่าวสาร สาระ ความรู้ รายการสำหรับเด็กประมาณ 30% ที่ช่อง 7 เน้นเสมอว่าอย่างน้อยที่สุดจะต้องมีรายการเด็กทุกวันนาน 1-1.30 ชั่วโมงในช่วงเย็น
ทั้งนี้บริษัทฯจะเริ่มทดลองปรับรายการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ คือ การปรับรายการข่าวในช่วงเช้าเวลา 05.30 น. และรายการสำหรับเด็กช่วงเวลา 17.00-17.30 น. ให้มีความเข้มข้นและคุณภาพมากขึ้น
โดยปีหน้าคาดว่าจะมีรายการใหม่ๆเพิ่มขึ้นมากจากทั้งผู้จัดและของบริษัทฯผลิตเอง เช่น รายการของบริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือช่อง 7 จะมีออกอากาศอีกหลยายการช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.
ขณะเดียวกันช่อง 7 ยังได้เตรียมความพร้อมในการผลิตบุคลากรทางด้าน ผู้ประกาศ ใหม่ๆเข้ามา ซึ่งขณะนี้ได้ปั้นผู้ประกาศใหม่จำนวน 5 คน เพื่อทดแทนคนเก่าที่น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
นายสมพงษ์กล่าวต่อถึงสถานการณ์และภาพรวมของธุรกิจสื่อว่า การแข่งขันจะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางด้านราคา โดยใช้กลยุทธ์ ลดแลกแจกแถมกันอย่างมาก เช่น ซื้อ 1 แถม 5 อย่าง ที่ขณะมีบางช่องใช้วิธีนี้อยู่
ส่วนในปีหน้านั้นคาดว่า ภาวะการณ์ตลาดจะยิ่งแข่งกันเข้มข้นกว่านี้อีก เพราะว่ายังมีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการชะลอหรือไม่ก็ตัดงบประมาณโฆษณาลงไป แต่ยังมีความเชื่อมั่นว่า สื่อทีวี จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก เพราะเป็นสื่อในวงกว้างและเป็นแมส ขณะที่ช่อง 7 เองก็มั่นใจว่า เอเจนซีและสินค้าจะเลือกลงโฆษณาที่ช่อง 7 มากที่สุดอันดับแรก เพราะช่อง 7 ได้รับความนิยมอันดับ 1 โดยคาดว่าในปีนี้รายได้รวมของช่อง 7 จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-10% ทั้งๆที่ตลาดรวมจะเติบโตเพียงแค่ 6% เท่านั้นเอง
นายสมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ช่อง 7 สามารถรักษาเรตติ้งอันดับที่ 1 ได้ในสัดส่วนตลาด 48% โดยความนิยมในการซื้อสื่อโฆษณาของวสินคาและบริการนนมีอัตราส่วนประมาณ 60-70% ซึ่งบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากกรณีที่ได้ปรับอัตราค่าโฆษณาใหม่ 15% เพราะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วน 15% เช่นกัน
ในปีหน้าช่อง 7 มีแผนที่จะปรับรูปแบบรายการใหม่โดยจะหันมาให้ความสำคัญกับรายการเกี่ยวกับเด็กมากยิ่งขึ้น เพื่อต้องการจะเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยเด็กอายุระหว่าง 4-14 ปีมากขึ้นกว่าเดิม ที่ฐานผู้ชมช่อง 7 ส่วนใหญ่จะเป็นคนอายุ 24-35 ปี เพื่อสร้างฐานผู้ชมให้กว้างขึ้น แต่คอนเซ็ปท์สัดส่วนรายการยังคงเป็น บันเทิง 70% ข่าวสาร สาระ ความรู้ รายการสำหรับเด็กประมาณ 30% ที่ช่อง 7 เน้นเสมอว่าอย่างน้อยที่สุดจะต้องมีรายการเด็กทุกวันนาน 1-1.30 ชั่วโมงในช่วงเย็น
ทั้งนี้บริษัทฯจะเริ่มทดลองปรับรายการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ คือ การปรับรายการข่าวในช่วงเช้าเวลา 05.30 น. และรายการสำหรับเด็กช่วงเวลา 17.00-17.30 น. ให้มีความเข้มข้นและคุณภาพมากขึ้น
โดยปีหน้าคาดว่าจะมีรายการใหม่ๆเพิ่มขึ้นมากจากทั้งผู้จัดและของบริษัทฯผลิตเอง เช่น รายการของบริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือช่อง 7 จะมีออกอากาศอีกหลยายการช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.
ขณะเดียวกันช่อง 7 ยังได้เตรียมความพร้อมในการผลิตบุคลากรทางด้าน ผู้ประกาศ ใหม่ๆเข้ามา ซึ่งขณะนี้ได้ปั้นผู้ประกาศใหม่จำนวน 5 คน เพื่อทดแทนคนเก่าที่น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
นายสมพงษ์กล่าวต่อถึงสถานการณ์และภาพรวมของธุรกิจสื่อว่า การแข่งขันจะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางด้านราคา โดยใช้กลยุทธ์ ลดแลกแจกแถมกันอย่างมาก เช่น ซื้อ 1 แถม 5 อย่าง ที่ขณะมีบางช่องใช้วิธีนี้อยู่
ส่วนในปีหน้านั้นคาดว่า ภาวะการณ์ตลาดจะยิ่งแข่งกันเข้มข้นกว่านี้อีก เพราะว่ายังมีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการชะลอหรือไม่ก็ตัดงบประมาณโฆษณาลงไป แต่ยังมีความเชื่อมั่นว่า สื่อทีวี จะไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก เพราะเป็นสื่อในวงกว้างและเป็นแมส ขณะที่ช่อง 7 เองก็มั่นใจว่า เอเจนซีและสินค้าจะเลือกลงโฆษณาที่ช่อง 7 มากที่สุดอันดับแรก เพราะช่อง 7 ได้รับความนิยมอันดับ 1 โดยคาดว่าในปีนี้รายได้รวมของช่อง 7 จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-10% ทั้งๆที่ตลาดรวมจะเติบโตเพียงแค่ 6% เท่านั้นเอง