คาดโผทหารลงตัว 21 ก.ค.นี้ เตรียมทหารรุ่น 10 ดัน"พรชัย"ขึ้นเบียด"สนธิ"ในตำแหน่งผบ.ทบ.ก่อนที่ทักษิณจะหมดอำนาจ "บุญสร้าง"ถึงเวลาขึ้น ผบ.สส. "บรรณวิทย์"ต้องขับเคี่ยวกับ"เลิศรัตน์" สายตรงจากแมเว ชิงเก้าอี้ปลัดกลาโหม ด้านพงษ์เทพ"ยอมรับยุคนี้ทหารถูกแทรกแซงมาก การที่ป๋าเปรม พูดที่โรงเรียนนายร้อยจปร.จึงเป็นการย้ำเตือนให้ทหารรู้จักหน้าที่ของตนเอง
มีรายงานว่า พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส.จะนัดหารือกับ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ผบ.ทบ.,พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่เหล่าทัพจัดทำบัญชีรายชื่อเสร็จสิ้นในวันที่ 21 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ พล.อ.เรืองโรจน์ จะดำเนินการตามนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่สัมภาษณ์ว่าจะให้ บก.สส. เหล่าทัพ จัดทำบัญชีรายชื่อทั้งหมดเอง โดยหมุนเวียนกันเองตามระบบบ โดยจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
แหล่งข่าว ระบุว่า เป็นความต้องการของ ผบ.สส.และ ผบ.เหล่าทัพ เช่นกันที่ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่เสนอไป เพราะเห็นว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ยังคงมีปัญหา และทางกองทัพพร้อมสนองตอบประเทศชาติในการคัดเลือกผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งต่างๆให้เหมาะสม โดยผู้บังคับบัญชาแต่ละเหล่าทัพต่างทราบดีว่า หน่วยไหนควรจะเลือกใคร โดยจะชี้แจงเหตุผลในการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ต่อ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรมว.กลาโหมต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วน กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ได้จัดทำไปกว่า 70 % แล้ว เนื่องจาก กองทัพเรือมีนายทหารระดับสูงที่เกษียณน้อยมาก และนายทหารที่อยู่ในตำแหน่งหลัก 5 เสือ และระดับ พลโท ในตำแหน่งส่วนใหญ่ จะเกษียณในปี 50 จึงทำให้การปรับย้ายในส่วนกองทัพเรือไม่น่าจะมีปัญหา เช่นเดียวกับกองทัพอากาศ ที่ ตำแหน่งหลักใน 7 เสืออากาศยังไม่เกษียณ ส่วนใหญ่จะเกษียณในปี50-51 ดังนั้นทำให้มีเพียงปรับเล็กน้อย และคาดว่าจะส่งถึงมือให้ ผบ.สส.ทันในวันที่ 21 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้น การจัด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ได้ตัดสินใจปรับ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย ประธานที่ปรึกษา ทบ.(ตท.6) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.สนธิ และเป็นอดีตนายทหารคนสนิท(ทส.)พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็น รองผบ.ทบ. แทนที่พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองผบ.ทบ.ที่จะเกษียณ ทั้งนี้จะโยก พล.อ.โสภณ ศีลพัฒน์ เสนาธิการทหารบก(ตท.6)ขึ้นเป็น ประธานที่ปรึกษาทบ. และคาดว่าคงจะดันพล.ท.ม.ล.กิตติมาศ สุขสวัสดิ์ รองเสธ.ทบ.(ตท.5) ขึ้นเป็น เสธ.ทบ.
ในขณะที่ เตรียมทหารรุ่น 10(ตท.10)ยังต้องการดัน พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ.ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และผลักดันให้ พล.อ.สนธิ ไปดำรงตำแหน่ง ผบ.สส. เพราะหาก พล.อ.สนธิ ยังอยู่ในตำแหน่ง พล.อ.พรชัย อาจได้ขยับขึ้นเป็น รองผบ.ทบ.เท่านั้น ทั้งนี้ ต.ท.10 วิเคราะห์ว่า ยังไม่มีความแน่นอนว่าเมื่อ พล.อ.สนธิ เกษียณอายุราชการในปี 50 แล้วพล.อ.พรชัย จะได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.หรือไม่ จึงควรจะดัน พล.อ.พรชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในปีนี้เลย เพราะอำนาจทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในอนาคตยังไม่แน่นอน
ในส่วนกองบัญชาการทหารสุงสุด พล.อ.เรืองโรจน์ ที่จะเกษียณ ได้เสนอชื่อ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รอง ผบ.สส.ซึ่งมีความอาวุโสมาก และเป็นนายทหารที่ได้รับการยอมรับจากคนในกองทัพ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชื่นชอบในความสามารถ ทั้งเคยได้ปรับให้ลงตำแหน่ง ผบ.สส.เมื่อครั้งโยกย้ายปี 48 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากการต่อสู้เมื่อปีที่แล้วในการโยกย้ายรุนแรง เพราะพิษการเมืองมาล้วงลูกค่อนข้างชัดเจนจึงให้ พล.อ.บุญสร้าง รอไปก่อน ซึ่งในปีนี้ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นพ้องต้องกันกับ พล.อ.เรืองโรจน์ ที่จะให้ พล.อ.บุญสร้าง ขึ้นเป็น ผบ.สส. จึงไม่น่าจะมีปัญหา คงจะมีแรงเบียดเดียวจาก พล.อ.สนธิ เท่านั้น
ในส่วนสำนักงานปลัดฯกลาโหม พล.อ.สิริชัย ธัญสิริ ปลัดฯกลาโหม(ตท.4)ที่จะเกษียณไปพร้อมกับ พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ รองปลัดฯกลาโหม(ตท.4) และ พล.อ.มนตรี ศุภาพร จเรทหารทั่วไป(ตท.5) โดย พล.อ.สิริชัย ได้เสนอชื่อ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดฯกลาโหม(1) ที่มีความอาวุโสที่สุดในกองทัพไทย ขึ้นเป็น ปลัดฯกลาโหม เพราะเมื่อปีที่แล้วพล.อ.สิริชัย ก็ข้ามมาเบียด พล.ร.อ.บรรณวิทย์ไป จึงมีสัญญาว่าจะเป็นผู้เสนอชื่อด้วยตัวเอง ในขณะที่ มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะส่งพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร(ตท.7) ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เข้ามาเบียด
ส่วนตำแหน่งรองปลัดฯกลาโหมที่ว่าง พล.อ.สิริชัย ได้เสนอชื่อขึ้นไปคือ พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ ผอ.องค์การสงเคราะห์(ผอ.อผศ)ตท.7 อดีตฝ่ายเสธ.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกฯที่ติดพลเอกมาแล้ว 5 ปีเข้าสู่ในตำแหน่งรองปลัดฯกลาโหมต่อไป โดยมี พล.อ.อภิชัย ไวรักษ์สัตว เจ้ากรมเสมียรตรา(ตท.4) ขึ้นเป็น จเรทหารทั่วไป
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ รองเสนาธิการทหาร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับย้ายนายทหารที่มีการมองว่านายทหารเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับการพิจารณาปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินการ โดยผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้พิจารณา ตนเป็นเพียงข้าราชการทหาร
ส่วนมีความลำบากใจหรือไม่ที่เตรียมทหารรุ่น 10 ถูกสังคมมองว่าเข้าไปเกี่ยวพันกับการเมือง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ลำบากใจ ทุกคนทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และทราบว่า ทุกคนทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ เพื่อแผ่นดิน
"นิ่งแล้วทำงานตามหน้าที่ ทหารทุกคนทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ภายในรุ่นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพราะทำงานตามปกติ สถานการณ์ขณะนี้ไม่เห็นมีอะไร ผมยังไม่เห็นว่า มีใครมองรุ่น 10 เข้าใจสับสนกันไปเองหรือเปล่า" พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว
ด้าน พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ บรรยายพิเศษให้กับนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (รร.จปร.)เพื่อปลูกจิตสำนึกในการรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า พล.อ.เปรม พูดถึงทหาร และ ข้าราชการของชาติ และของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนี้ถือว่าทหารต่างก็ทำงานอาชีพ โดยมีทั้งความเสี่ยง และ ตรากตรำ ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองหากเราเสียความมั่นคง ก็อาจจะทำให้เสียเอกราชได้ ท่านได้ยกตัวให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน
เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.เปรม ออกมาเตือนกำลังพลให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง แสดงว่ามีทหารบ้างส่วนเกิดความแตกแยก พล.อ.พงษ์เทพ กล่าวว่า ยุคนี้ทหารถูกแทรกแซงไปเยอะ โดยเฉพาะเรื่องรุ่นเตรียมทหาร ทหารไม่ว่ารุ่นไหนจะต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ต้องผนึกกำลังปฏิบัติโดยชอบ ไม่ใช่บอกว่าทหารรุ่นนั้นรุ่นนี้เก่งอยู่รุ่นเดียวถือว่าผิดวัตถุประสงค์ จะเก่งรุ่นเดียวเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่า การที่ พล.อ.เปรม ออกมาเตือนครั้งนี้ เพราะเห็นว่าสังคมไทยเกิดความแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายทหาร กับ ฝ่ายการเมือง พล.อ.พงษ์เทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเป็นคนละประเด็น หากใครคิดแบบนั้นจะยิ่งทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาขึ้นมาอีก ใครคิดแบบนั้นคงจะเข้าข้างตัวเอง หรือเพียงแค่หวังผลประโยชน์เสียมากกว่า ดังนั้นอยากให้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
" รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานไว้ว่า กิจการของราชการและ ของชาติบ้านเมืองจะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนกิจการอื่นจะต้องมาเป็นอันที่สอง จะต้องทำเพื่อส่วนร่วม อย่าไปนึกถึงผลประโยชน์เพราะจะทำให้ผิดวัตถุประสงค์ พล.อ.เปรม เป็นตัวอย่างที่ดี และทำถูกต้องมาโดยตลอดโดยมีบารมีโดยชอบธรรม ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงใคร "พล.อ.พงษ์เทพ กล่าว
มีรายงานว่า พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส.จะนัดหารือกับ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ผบ.ทบ.,พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่เหล่าทัพจัดทำบัญชีรายชื่อเสร็จสิ้นในวันที่ 21 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ พล.อ.เรืองโรจน์ จะดำเนินการตามนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่สัมภาษณ์ว่าจะให้ บก.สส. เหล่าทัพ จัดทำบัญชีรายชื่อทั้งหมดเอง โดยหมุนเวียนกันเองตามระบบบ โดยจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
แหล่งข่าว ระบุว่า เป็นความต้องการของ ผบ.สส.และ ผบ.เหล่าทัพ เช่นกันที่ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่เสนอไป เพราะเห็นว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ยังคงมีปัญหา และทางกองทัพพร้อมสนองตอบประเทศชาติในการคัดเลือกผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งต่างๆให้เหมาะสม โดยผู้บังคับบัญชาแต่ละเหล่าทัพต่างทราบดีว่า หน่วยไหนควรจะเลือกใคร โดยจะชี้แจงเหตุผลในการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ต่อ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรมว.กลาโหมต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วน กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ได้จัดทำไปกว่า 70 % แล้ว เนื่องจาก กองทัพเรือมีนายทหารระดับสูงที่เกษียณน้อยมาก และนายทหารที่อยู่ในตำแหน่งหลัก 5 เสือ และระดับ พลโท ในตำแหน่งส่วนใหญ่ จะเกษียณในปี 50 จึงทำให้การปรับย้ายในส่วนกองทัพเรือไม่น่าจะมีปัญหา เช่นเดียวกับกองทัพอากาศ ที่ ตำแหน่งหลักใน 7 เสืออากาศยังไม่เกษียณ ส่วนใหญ่จะเกษียณในปี50-51 ดังนั้นทำให้มีเพียงปรับเล็กน้อย และคาดว่าจะส่งถึงมือให้ ผบ.สส.ทันในวันที่ 21 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้น การจัด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ได้ตัดสินใจปรับ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย ประธานที่ปรึกษา ทบ.(ตท.6) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.สนธิ และเป็นอดีตนายทหารคนสนิท(ทส.)พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็น รองผบ.ทบ. แทนที่พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองผบ.ทบ.ที่จะเกษียณ ทั้งนี้จะโยก พล.อ.โสภณ ศีลพัฒน์ เสนาธิการทหารบก(ตท.6)ขึ้นเป็น ประธานที่ปรึกษาทบ. และคาดว่าคงจะดันพล.ท.ม.ล.กิตติมาศ สุขสวัสดิ์ รองเสธ.ทบ.(ตท.5) ขึ้นเป็น เสธ.ทบ.
ในขณะที่ เตรียมทหารรุ่น 10(ตท.10)ยังต้องการดัน พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ.ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และผลักดันให้ พล.อ.สนธิ ไปดำรงตำแหน่ง ผบ.สส. เพราะหาก พล.อ.สนธิ ยังอยู่ในตำแหน่ง พล.อ.พรชัย อาจได้ขยับขึ้นเป็น รองผบ.ทบ.เท่านั้น ทั้งนี้ ต.ท.10 วิเคราะห์ว่า ยังไม่มีความแน่นอนว่าเมื่อ พล.อ.สนธิ เกษียณอายุราชการในปี 50 แล้วพล.อ.พรชัย จะได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.หรือไม่ จึงควรจะดัน พล.อ.พรชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในปีนี้เลย เพราะอำนาจทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในอนาคตยังไม่แน่นอน
ในส่วนกองบัญชาการทหารสุงสุด พล.อ.เรืองโรจน์ ที่จะเกษียณ ได้เสนอชื่อ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ รอง ผบ.สส.ซึ่งมีความอาวุโสมาก และเป็นนายทหารที่ได้รับการยอมรับจากคนในกองทัพ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชื่นชอบในความสามารถ ทั้งเคยได้ปรับให้ลงตำแหน่ง ผบ.สส.เมื่อครั้งโยกย้ายปี 48 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากการต่อสู้เมื่อปีที่แล้วในการโยกย้ายรุนแรง เพราะพิษการเมืองมาล้วงลูกค่อนข้างชัดเจนจึงให้ พล.อ.บุญสร้าง รอไปก่อน ซึ่งในปีนี้ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นพ้องต้องกันกับ พล.อ.เรืองโรจน์ ที่จะให้ พล.อ.บุญสร้าง ขึ้นเป็น ผบ.สส. จึงไม่น่าจะมีปัญหา คงจะมีแรงเบียดเดียวจาก พล.อ.สนธิ เท่านั้น
ในส่วนสำนักงานปลัดฯกลาโหม พล.อ.สิริชัย ธัญสิริ ปลัดฯกลาโหม(ตท.4)ที่จะเกษียณไปพร้อมกับ พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ รองปลัดฯกลาโหม(ตท.4) และ พล.อ.มนตรี ศุภาพร จเรทหารทั่วไป(ตท.5) โดย พล.อ.สิริชัย ได้เสนอชื่อ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดฯกลาโหม(1) ที่มีความอาวุโสที่สุดในกองทัพไทย ขึ้นเป็น ปลัดฯกลาโหม เพราะเมื่อปีที่แล้วพล.อ.สิริชัย ก็ข้ามมาเบียด พล.ร.อ.บรรณวิทย์ไป จึงมีสัญญาว่าจะเป็นผู้เสนอชื่อด้วยตัวเอง ในขณะที่ มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะส่งพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร(ตท.7) ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เข้ามาเบียด
ส่วนตำแหน่งรองปลัดฯกลาโหมที่ว่าง พล.อ.สิริชัย ได้เสนอชื่อขึ้นไปคือ พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ ผอ.องค์การสงเคราะห์(ผอ.อผศ)ตท.7 อดีตฝ่ายเสธ.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกฯที่ติดพลเอกมาแล้ว 5 ปีเข้าสู่ในตำแหน่งรองปลัดฯกลาโหมต่อไป โดยมี พล.อ.อภิชัย ไวรักษ์สัตว เจ้ากรมเสมียรตรา(ตท.4) ขึ้นเป็น จเรทหารทั่วไป
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ รองเสนาธิการทหาร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับย้ายนายทหารที่มีการมองว่านายทหารเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับการพิจารณาปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินการ โดยผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้พิจารณา ตนเป็นเพียงข้าราชการทหาร
ส่วนมีความลำบากใจหรือไม่ที่เตรียมทหารรุ่น 10 ถูกสังคมมองว่าเข้าไปเกี่ยวพันกับการเมือง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ลำบากใจ ทุกคนทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และทราบว่า ทุกคนทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ เพื่อแผ่นดิน
"นิ่งแล้วทำงานตามหน้าที่ ทหารทุกคนทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ภายในรุ่นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพราะทำงานตามปกติ สถานการณ์ขณะนี้ไม่เห็นมีอะไร ผมยังไม่เห็นว่า มีใครมองรุ่น 10 เข้าใจสับสนกันไปเองหรือเปล่า" พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว
ด้าน พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ บรรยายพิเศษให้กับนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (รร.จปร.)เพื่อปลูกจิตสำนึกในการรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า พล.อ.เปรม พูดถึงทหาร และ ข้าราชการของชาติ และของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนี้ถือว่าทหารต่างก็ทำงานอาชีพ โดยมีทั้งความเสี่ยง และ ตรากตรำ ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองหากเราเสียความมั่นคง ก็อาจจะทำให้เสียเอกราชได้ ท่านได้ยกตัวให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน
เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.เปรม ออกมาเตือนกำลังพลให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง แสดงว่ามีทหารบ้างส่วนเกิดความแตกแยก พล.อ.พงษ์เทพ กล่าวว่า ยุคนี้ทหารถูกแทรกแซงไปเยอะ โดยเฉพาะเรื่องรุ่นเตรียมทหาร ทหารไม่ว่ารุ่นไหนจะต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ต้องผนึกกำลังปฏิบัติโดยชอบ ไม่ใช่บอกว่าทหารรุ่นนั้นรุ่นนี้เก่งอยู่รุ่นเดียวถือว่าผิดวัตถุประสงค์ จะเก่งรุ่นเดียวเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่า การที่ พล.อ.เปรม ออกมาเตือนครั้งนี้ เพราะเห็นว่าสังคมไทยเกิดความแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายทหาร กับ ฝ่ายการเมือง พล.อ.พงษ์เทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเป็นคนละประเด็น หากใครคิดแบบนั้นจะยิ่งทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาขึ้นมาอีก ใครคิดแบบนั้นคงจะเข้าข้างตัวเอง หรือเพียงแค่หวังผลประโยชน์เสียมากกว่า ดังนั้นอยากให้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
" รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานไว้ว่า กิจการของราชการและ ของชาติบ้านเมืองจะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนกิจการอื่นจะต้องมาเป็นอันที่สอง จะต้องทำเพื่อส่วนร่วม อย่าไปนึกถึงผลประโยชน์เพราะจะทำให้ผิดวัตถุประสงค์ พล.อ.เปรม เป็นตัวอย่างที่ดี และทำถูกต้องมาโดยตลอดโดยมีบารมีโดยชอบธรรม ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงใคร "พล.อ.พงษ์เทพ กล่าว