xs
xsm
sm
md
lg

"ป๋าเปรม"ย้ำชาติ-ในหลวงเจ้าของทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ป๋าเปรม"พูดชัดเจ้าของทหารคือ"ในหลวง"และชาติ ย้ำต้องไม่เกี่ยวกับการเมือง เปรียบรัฐบาลเป็นแค่จ๊อกกี้ มีหน้าที่แค่ออกนโยบายเท่านั้น พร้อมสอนรุ่นน้องยึดแบบอย่างนายทหารอาชีพ ขณะเดียวกัน ยังคงปฏิเสธให้ความเห็นกรณี "ผู้มีบารมี"ส่วนรัฐบาลนี้ดี ชั่วอย่างไร ให้สื่อดูเอาเอง ด้านขบวนการใต้ดินยังไม่หยุดจาบจ้วงป๋า ทำตัวเป็นฤาษีแปลงสารแอบอ้างคำสั่งของเบื้องสูง เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตย เสนอยุบทิ้ง"คณะองคมนตรี"อ้างขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ

เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.)พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวบรรยายพิเศษให้กับ นักเรียนนายร้อยฯ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รร.จปร.)ชั้นปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 4 จำนวนประมาณ 950 คน ที่หอประชุม รร.จปร. อ.เขาชะโงก จ.นครนายก ทั้งนี้ การบรรยายดังกล่าว ทาง รร.จปร.จะจัดวิทยากร ที่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชามาบรรยายและเล่าประสบการณ์ในอดีตให้นักเรียนได้รับฟังเป็นประจำ

พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนมีความสำนึกอยู่เสมอ มีหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนบุญคุณสถาบันหลายๆ สถาบันที่เกี่ยวข้องกับชีวิต และการทำหน้าที่ราชการ รร.จปร.เป็นสถาบันหนึ่งที่มีบุญคุณกับตนที่ไม่อาจลืมได้ เพราะได้ให้อนาคตที่ดี สอนให้รู้จักความรู้รักสามัคคี สอนให้รู้จักคำว่า"เพื่อนตาย"และ สอนให้รู้จักว่า"เกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน"

ที่ผ่านมากองทัพบก ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนมา เป็นที่พึ่งของประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งส่วนหนึ่งของกองทัพบกก็คือมาจาก รร.นายร้อยฯ ที่เติบโตออกไปเป็นนายทหาร และไปทำหน้าที่ต่างๆให้กับชาติบ้านเมือง จึงอยากให้สายเลือดใหม่ๆที่จะเติบโตขึ้นไปดูแลกองทัพบก และทำตัวให้เป็นความหวังของชาติบ้านเมือง ทำกองทัพบกของเราให้เป็นเสาหลักในการรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติเราให้ได้

พล.อ.เปรม กล่าวว่า วิทยาการสมัยใหม่นั้นมีความเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ตามไม่ค่อยทัน แต่อยากบอกว่า สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ทั้งกาย วาจา ใจของเราก็คือ "ความเป็นลูกพ่อเดียวกัน" รัชกาลที่ 5 ได้กำเนิดพวกเรามา ทุกคนเป็นลูกของท่าน เพราะฉะนั้นเราคือคนที่มีพ่อคนเดียวกัน ชื่อนี้ต้องไม่เปลี่ยนแปลง และต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เราได้ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 เราได้ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล ประโยคเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจะเป็น"เพื่อนตาย"ด้วยกัน ทำหน้าที่ของเราเพราะเราเป็นลูกของรัชกาลที่ 5 ด้วยกัน

**ย้ำทหารเป็นของชาติและในหลวง

"เราเกิดมาในแผ่นดินนี้ หน้าที่เรามีหลายอย่าง หน้าที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ การตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ถ้าเราเปิดรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทยฉบับที่ใช้ในปัจจุบันนี้ จะกำหนดหน้าที่ของคนไทยไว้ แต่ไม่มีคำนี้หรอก ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน แต่เราต้องมี ถึงไม่มีรัฐธรรมนูญแต่เราต้องทำ เราจะต้องรู้ว่า เราเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตอบแทนอย่างไรเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย แต่ก็จะพูดสรุปได้ว่า เราต้องเป็นคนดี คนดีถึงจะคิดเรื่องดี พูดเรื่องดี ทำเรื่องดี การตอบแทนบุญคุณแผ่นดินนั้น คนดีเท่านั้นถึงจะทำ ถ้าคนไม่ดี เขาไม่คิดถึงหรอก ถ้าจะถามว่าคนดีคืออย่างไรอีก ก็ยากที่จะตอบอีกว่า คนดีมีคุณสมบัติอย่างไร แต่ว่าโดยสามัญสำนึกถ้าเราบอกว่า ผบ.รร.จปร.เป็นคนดี เราก็พอจะนึกออกมาคนดี กับคนไม่ดีแตกต่างกันอย่างไร มีเรื่องสำคัญเรื่องนี้ที่อยากให้พวกเราได้ยิน และเข้าใจว่าเราเป็น"ทหาร" ก็ต้องพูดต่อว่า เป็นทหารของชาติ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวที่ไปพูดที่อื่นก็พูดทำนองนี้ ว่าเราเป็นทหารของชาติ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็มีคนเถียงว่า ถ้าอย่างนั้นรัฐบาลก็สั่งทหารไม่ได้ คนที่เถียงนั้นเขาอาจจะไม่เข้าใจเรื่องทหารเลย หรือเขาไม่ชอบหน้าพวกเราก็ได้"

**เปรียบรัฐบาลแค่จ๊อกกี้

พล.อ.เปรม ได้กล่าว ในเชิงเปรียบเทียบว่าทำไมต้องเป็นทหารของชาติ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเปรียบกับม้าแข่ง ที่จะต้องมีเจ้าของคอกม้า มีม้าแข่ง และมีจ๊อกกี้ คือ เด็กขี่ม้า ที่รับจ้างขี่ม้า พอเสร็จจากการขี่ม้าเขาก็อาจกลับไปทำงานอย่างอื่น วันนี้ขี่ม้าคอกนี้ วันพรุ่งนี้เขาก็ไปขี่ม้าอีกคอกหนึ่ง จ๊อกกี้ ไม่ได้เป็นเจ้าของม้า

"รัฐบาลก็เหมือนกับจ๊อกกี้ คือเข้ามาดูแลทหาร ไม่ใช่เจ้าของทหาร เจ้าของทหารคือ ชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลเข้ามาดูแล แต่กำหนดใช้พวกเราตามที่ประกาศนโยบายไว้ต่อรัฐสภา เด็กขี่ม้าบางคนก็ขี่ดี ขี่เก่ง บางคนก็ขี่ไม่ดี ขี่ไม่เก่ง รัฐบาลก็เหมือนกัน บางรัฐบาลก็ทำงานดี ทำงานเก่ง บางรัฐบาลทำงานไม่ดี ไม่เก่ง นี่เป็นเรื่องจริง ที่พูดนี่เพื่อให้เข้าใจว่า เราเป็นทหารของชาติ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่รัฐบาลเข้ามาดูแลในเรื่องอื่นๆ ของพวกเรา"

ดังนั้น จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ว่า ทหารอยู่ตรงไหน รัฐบาลอยู่ตรงไหน เจ้าของทหารอยู่ตรงไหน ซึ่งที่พูดนี้ไม่ได้ต้องการให้เข้าใจไขว้เขว้ หรือรู้สึกไม่ดีต่อรัฐบาล เพียงแต่อยากให้เข้าใจ และแยกแยะให้ออกว่า เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะเป็นไปอย่างนั้นตลอดชีวิต

**ยกตัวอย่างแม่แบบทหารอาชีพ

พล.อ.เปรม ยังกล่าวด้วยว่านักเรียนนายร้อยจะต้องวางแผนว่า เมื่อจบจาก รร.จปร.แล้วจะไปที่ไหน จะไปให้ถึงไหน จะไปเส้นทางไหน สิ่งเหล่านี้จะต้องมีอยู่ในใจ และนอกจากคิดเองแล้ว ก็จะต้องดูตัวอย่างที่มีในกองทัพ ซึ่งวันนี้ก็มีตัวอย่างมาให้ดู เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ , พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ , พล.อ.อู้ด เบื้องบน ,พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป ซึ่งเป็นตัวอย่างที่เราปฏิบัติตามได้

"เราต้องภูมิใจในเครื่องแบบของเรา นร.จปร.จะต้องเป็นคนดี ต้องไม่ยอมเป็นคนเลวเป็นอันขาด คนที่เป็นคนเลว คนไม่ดี ก็เพราะมีกิเลส ถ้าตราบใดเรามีกิเลส ก็จะเป็นคนไม่ดี ถ้าตราบใดเราละกิเลสได้ เราก็จะเป็นคนดี นร.จปร.จะต้องเป็นคนบริสุทธิ์ เหมือนแก้วไม่มีด้างพร้อย ต้องสง่างาม นร.จปร.ต้องกล้าหาญ ทั้งกาย และใจ กล้าจะเผชิญ กล้ายอมรับความจริง และไม่หวั่นกลัว ในสิ่งที่จะทำความดี ตั้งแต่เรามีทูลกระหม่อมอาจารย์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้มาดูแล รร.จปร.นับว่าเป็นบุญมหาศาลของพวกเรา เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่สมเด็จพระเทพฯ มาดูแลพวกเรา ทำให้พวกได้รับความรู้ ได้ใกล้ชิด เบื้องพระบาท ได้รับการยกย่องจากสังคม เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าเจ้านายอย่างสมเด็จพระเทพฯ จะมีพระเมตตาต่อ รร.จปร.ของเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเราจะจดจำไม่ลืม และจะต้องตอบแทบบุญคุณ" พล.อ.เปรม กล่าว

**รัฐบาลดีหรือชั่วให้สื่อดูเอาเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาที่โรงเรียนนายร้อยจปร.ครั้งนี้ พล.ท.กมล แสนอิสระ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ได้มีกลุ่มลูกป๋า มาให้การต้อนรับด้วย นำโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.อู้ด เบื้องบน อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป อดีตเสธ.ทบ

เมื่อ พล.อ.เปรม เดินทางมาถึงโรงเรียนนายร้อย จปร.ได้ไปวางพานพุ่มสักการะอนุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) บริเวณอาคารหน้าโรงเรียน เดินเข้าห้องประชุมเพื่อบรรยายพิเศษ

หลังจากบรรยายพิเศษ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม เปรียบรัฐบาลเป็นเหมือนจ๊อกกี้ว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นจ๊อกกี้ที่ดีหรือไม่ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า"พวกคุณตอบสิ" ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยยิ้มมุมปาก และยกนิ้วชี้ขึ้นมาไว้ที่ปาก แล้วยืนนิ่งๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่ถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ พล.อ.เปรม ไม่ตอบพร้อมหัวเราะก่อนจะเดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้ทหารควรจะวางตัวอย่างไร เพราะสถานการณ์การเมืองอึมครึม พล.อ.เปรม ยืนนิ่งๆและปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวพยายามจะถามต่อว่า พล.อ.เปรม รู้สึกอย่างไร อึดอัดหรือไม่ พล.อ.เปรม ยิ้มแล้วเดินขึ้นรถที่มารับทันที

มีรายงานว่า ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ โรงเรียนนายเรือ กองทัพเรือ ได้ทำหนังสือเชิญพล.อ.เปรม ให้มาบรรยายพิเศษเช่นกัน

**แฉเว็บไซต์จาบจ้วงป๋าเปรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ "เว็บไซต์ผู้จัดการ"ได้เปิดโปงขบวนการใต้ดิน แนวรบพรรคไทยรักไทยด้านเว็บไซต์ไปแล้ว แต่ขบวนการที่ว่ายังไม่หยุด เพราะได้กระทำการบังอาจที่หมิ่นเหม่ จาบจ้วง โดยเมื่อวานนี้ เว็บไซต์ ชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้ขึ้นบทความในหน้าแรกว่า

ความจริงที่ทุกคนรู้กันอยู่ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ก็คือ คนที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ก็คือ ป๋า ม.8 นั่นเอง เป็นหัวหน้าพรรคราชการขนานแท้ ที่ทำตัวเป็นพวกคุณธรรมสูง และเป็นพวก"ฤาษีแปลงสาร"ที่แอบอ้างคำสั่งของเบื้องสูง และเที่ยวไปสั่งบรรดาข้าราชการตุลาการชั้นผู้ใหญ่ ให้มีการกระทำและการวินิจฉัยที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กล้ากระทำการทุกอย่างเพื่อบั่นทอน ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

เว็บไซต์ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ป๋าใหญ่คับเมือง ต้องมีคนเข้าไปพบ เข้าไปปรึกษา ทั้งๆที่ตัวท่านไม่ได้มีอำนาจหน้าที่อะไร เพราะเป็นแค่ที่ปรึกษาฯ ซึ่งห้ามฝักใฝ่ทางการเมืองโดยเด็ดขาด เทียบได้กับปุโรหิต หรือ ขันที เท่านั้นเอง แต่นายกฯนั้น เป็นประมุขฝ่ายบริหารที่มาจากการเสนอของสภาผู้แทนราษฎร มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว เทียบได้กับมหาเสนาบดี ที่ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินต่างเนตรพระกรรณ คนที่เป็นถึงนายกฯ จะเตือนคนที่ทำตัวฝ่าฝืนกฎหมาย และจะเตือนข้าราชการให้ยึดมั่นทำตามหน้าที่ ไม่ได้หรือ อย่าลืมว่า ป๋าไม่ใช่กษัตริย์ และไม่ได้เป็นตัวแทนกษัตริย์ แต่มีพฤติกรรมที่นำความเสื่อมเสียมาสู่ระบบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บรรดาลูกป๋า และตัวป๋า ไม่เคยปกป้องสถาบันฯ

ทั้งๆ ที่พวกนายสนธิกระทำการจาบจ้วง เอ่ยอ้างมาตลอด บรรดาลูกป๋าดีแต่ออกมาปกป้องป๋าเท่านั้น แต่ไม่เคยปกป้องเบื้องสูงเลย คนพวกนี้ไม่สมควรจะอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป ทั้งป๋าและลูกป๋า นั่นแหละ

ต่อมามีผู้โพสในความที่ 3 ใช้ชื่อ "ชูชีพ" ซึ่งก็คือ นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ประธานชมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เจ้าของเว็บไซต์แห่งนั้นเอง ได้ยกบทความของ"ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาสนับสนุนความคิดแรก ซึ่ง บทความโดยสรุปนั้นบอกว่า เกรียงศักดิ์ ซึ่ง"ดัน"เปรม ขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากแม่ทัพภาคมาเป็น ผช.ทบ.แล้วเป็น ผบ.ทบ.โดย"เด้ง" เสริม ณ นคร ไปเป็น ผบ.สูงสุด แต่ในระหว่างเกิดวิกฤตทางการเมืองต้นปี 23 เปรม ก็หันไปร่วมมือกับ"ยังเติร์ก"บีบเกรียงศักดิ์ ลาออกกลางสภา ไม่กี่เดือนหลังเป็นนายกฯ เปรม อายุครบ 60 ก็มีหน้าม้าออกมาทำการรณรงค์ ขอให้ต่ออายุราชการเปรม ทำให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวาง ...สรุปว่า เปรมได้ต่ออายุราชการ หลังจากนั้น ตลอดเวลา 8 ปี ที่เปรมเป็นนายกฯ แต่"ระบอบเปรม"เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และถูกโจมตีจากวงการเมืองทั้งในและนอกรัฐบาล ที่สำคัญคือ รัฐประหารที่ไม่สำเร็จ 2 ครั้ง ในช่วงท้ายๆ ของ"ระบอบเปรม"เรียกได้ว่า แทบไม่มีใครอยากเอาเปรมเป็นผู้นำอีก

เว็บไซต์ดังกล่าวยังระบุว่า ระบบ"องคมนตรี" ขัดกับหลักการกฎหมายของประชาธิปไตยสากล เพราะในระบอบประชาธิปไตย ผู้ที่ทำหน้าที่"ที่ปรึกษา"ของกษัตริย์ คือ คณะรัฐมนตรีนั่นเอง กษัตริย์ไม่มีความจำเป็นต้องมี"คณะที่ปรึกษา"หรือมี"กลไก"การทำงานแยกต่างหาก
กำลังโหลดความคิดเห็น