ผู้จัดการรายวัน – ไพโอเนียร์ แหยงพิษเศรษฐกิจเล่นงาน ทุ่มเม็ดเงินกว่า 120 ล้านบาท ทำตลาดกระตุ้นยอด ล่าสุดเตรียมปล่อยหมัดเด็ด ลอนช์สินค้าครบทุกไลน์ ดูดเงินกลุ่มกระเป๋าหนัก พร้อมงัดกลยุทธ์เซเลเบรตี้ มาร์เก็ตติ้ง และ ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง หวังดันยอดครึ่งปีหลัง คาดโกยรายได้ใกล้เคียงปีที่ผ่านกว่า 2,000 ล้านบาท
นายซาโตรุ คุโรซากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในเวลานี้ เชื่อว่าหลายๆธุรกิจก็ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งหมด เช่นเดียวกับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไพโอเนียร์ก็เช่นเดียวกัน แต่มองว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจมากนักกับเรื่องดังกล่าว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เรื่องของการแข่งขันทางด้านราคาในเวลานี้มากกว่า เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สินค้าของไพโอเนียร์จะมีราคาที่สูงกว่ารายอื่นๆ
“จะเห็นได้ว่าปัญหาใหญ่ในสภาพเศรษฐกิจเวลานี้คือ เรื่องของการแข่งขันลดราคาสินค้านั้นเอง ยกตัวอย่าง เช่น จอโทรทัศน์แอลซีดี ที่มีราคาถูกลงเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะไม่เน้นการแข่งขันด้านราคาอย่างแน่นอน แต่จะเน้นทำตลาดในกลุ่มไฮเอนด์มากยิ่งขึ้น เพราะมองว่าตลาดนี้ยังมีความต้องการที่สูงอยู่”
โดยบริษัทฯได้วางแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งใช้งบการตลาดโดยรวมของทั้งปีกว่า 120 ล้านบาทมาใช้ กับการนำเอากลยุทธ์ เซเลเบรตี้มาร์เก็ตติ้ง หรือการใช้พรีเซนเตอร์ คือ จ๋า-ญาสุมินทร์ มาทำตลาดในกลุ่มเครื่องเสียงติดรถยนต์เช่นเดิม และจะนำเอา ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง มาใช้กับกลุ่มเครื่องเสียงภายในบ้านอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น จะมีการลอนช์อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องเสียงต่างๆ ที่สามารถใช้คอนเน็กทิวิตี้กับเครื่องเล่นเพลงในแบรนด์อื่นๆได้ เช่น เอ็มพีสาม หรือไอพอด
นอกจากนี้ในช่วงเดือน ส.ค. –พ.ย.ที่จะถึงนั้น บริษัทฯจะมีการลอนช์สินค้าใหม่ๆหลายกลุ่ม เช่น ชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดีเรคคอดเดอร์ และพลาสม่าทีวี เชื่อว่าการทำการตลาดครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯยังคงมีรายได้รวมใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากสินค้า 2 กลุ่มใหญ่คือ เครื่องเสียงติดรถยนต์ 50% และเครื่องเสียงภายในบ้าน(รวมพลาสม่าทีวี) 50% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน
นายซาโตรุ คุโรซากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในเวลานี้ เชื่อว่าหลายๆธุรกิจก็ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งหมด เช่นเดียวกับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไพโอเนียร์ก็เช่นเดียวกัน แต่มองว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจมากนักกับเรื่องดังกล่าว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เรื่องของการแข่งขันทางด้านราคาในเวลานี้มากกว่า เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สินค้าของไพโอเนียร์จะมีราคาที่สูงกว่ารายอื่นๆ
“จะเห็นได้ว่าปัญหาใหญ่ในสภาพเศรษฐกิจเวลานี้คือ เรื่องของการแข่งขันลดราคาสินค้านั้นเอง ยกตัวอย่าง เช่น จอโทรทัศน์แอลซีดี ที่มีราคาถูกลงเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะไม่เน้นการแข่งขันด้านราคาอย่างแน่นอน แต่จะเน้นทำตลาดในกลุ่มไฮเอนด์มากยิ่งขึ้น เพราะมองว่าตลาดนี้ยังมีความต้องการที่สูงอยู่”
โดยบริษัทฯได้วางแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งใช้งบการตลาดโดยรวมของทั้งปีกว่า 120 ล้านบาทมาใช้ กับการนำเอากลยุทธ์ เซเลเบรตี้มาร์เก็ตติ้ง หรือการใช้พรีเซนเตอร์ คือ จ๋า-ญาสุมินทร์ มาทำตลาดในกลุ่มเครื่องเสียงติดรถยนต์เช่นเดิม และจะนำเอา ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง มาใช้กับกลุ่มเครื่องเสียงภายในบ้านอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น จะมีการลอนช์อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องเสียงต่างๆ ที่สามารถใช้คอนเน็กทิวิตี้กับเครื่องเล่นเพลงในแบรนด์อื่นๆได้ เช่น เอ็มพีสาม หรือไอพอด
นอกจากนี้ในช่วงเดือน ส.ค. –พ.ย.ที่จะถึงนั้น บริษัทฯจะมีการลอนช์สินค้าใหม่ๆหลายกลุ่ม เช่น ชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดีเรคคอดเดอร์ และพลาสม่าทีวี เชื่อว่าการทำการตลาดครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯยังคงมีรายได้รวมใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากสินค้า 2 กลุ่มใหญ่คือ เครื่องเสียงติดรถยนต์ 50% และเครื่องเสียงภายในบ้าน(รวมพลาสม่าทีวี) 50% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน