ซีเอ็มจีบุกหนักสินค้าในเครือหรือเฮาส์แบรนด์ในตลาดต่างประเทศ หวังลดเสี่ยงทางธุรกิจ เล็งตลาดใหม่อย่างตะวันออกกลาง-อินเดีย ชู 3 แบรนด์หลักทำตลาด พร้อมปีนี้จะขยายชอปเพิ่มอีก คาดรายได้ต่างประเทศกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้
นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เกตติ้ง กรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองมากขึ้นและมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย เพื่อเป็นการสร้างโอกาสและลดต้นทุนในการผลิตสินค้าแฟชั่นด้วย เพราะเมื่อตลาดกว้างขึ้น ความต้องการมากขึ้น การผลิตก็จะมากขึ้นทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้กำหนดมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ยังเป็นการลดความเสี่ยงกรณีที่บริษัทฯ รับจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์อื่นให้กับเจ้าของสินค้านอกเครือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งของตัวเองแล้วก็จะเป็นการสร้างทางเลือกและสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯ มีแบรนด์สินค้าที่ทำตลาดและจัดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 60 แบรนด์ โดยแบ่งเป็นสินค้าในเครือหรือเฮาส์แบรนด์ประมาณ 15 แบรนด์ และสินค้าที่รับจัดจำหน่ายของต่างประเทศประมาณ 45 แบรนด์ ทั้งนี้สินค้าของบริษัทฯที่ได้เริ่มทำตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วประมาณ 3 แบรนด์หลักคือ แบรนด์เอสแฟร์ (S'Fair), เสื้อผ้าแบรนด์แคชชวลลิสต์ (Casualist), และเสื้อผ้าแบรนด์เอฟโวลูชั่น (Evolution) ซึ่งได้ทำการส่งออกไปจำหน่ายแล้วในต่างประเทศมากกว่า 7 ประเทศเช่น พม่า บรูไน อินโดนีเชีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ดูไบ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีเสื้อผ้าแบรนด์ พัพเพ็ต (Puppet) ที่ได้ทำการส่งออกไปต่างประเทศมานานแล้วกว่า 10 ปี ไปที่สิงคโปร์เป็นตลาดหลัก โดยการทำตลาดต่างประเทศนั้นจะมีทั้งการส่งออกไปจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่าย หรือการที่มีกลุ่มนักธุรกิจมาซื้อแล้วไปขายต่อ และมีรูปแบบการลงทุนเปิดรีเทลชอปด้วยการเปิดชอปขึ้นมาจำหน่ายด้วย
แผนการขยายตลาดต่างประเทศในปีนี้ มีเป้าหมายที่จะลงทุนเปิดชอปของแต่ละแบรนด์อีก 3 ร้านรวมกัน ในเมืองดูไบ หลังจากที่มีเปิดบริการแล้ว 3 ชอป ส่วนที่บาห์เรนจะเปิดปลายปี โดยลักษณะจะเป็นการลงทุนของคู่ค้าที่เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และบริษัทฯจะเป็นผู้สนับสนุนทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ เมอร์ชันไดส์ การสร้างทีมงาน ระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ โดยช่องทางจำหน่ายรวมในต่างประเทศของบริษัทฯมีปรมาณ 30 จุดใน 8 ประเทศแล้ว ทั้งรูปแบบชอปและคอร์เนอร์ในห้าง ส่วนตลาดใหม่ๆที่น่าสนใจเช่น ตลาดประเทศตะวันออกกลาง ตลาดประเทศอินเดีย เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีกำลังซื้อมากด้วย
"ตลาดในต่างประเทศเวลานี้มีการเติบโตที่ดีมาก เพราะสินค้าได้รับการตอบรับและความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราเองก็มีการพัฒนารูปแบบของสนค้าตลอดเวลา เพื่อให้เข้ากับรสนิยมและความต้องการของแต่ละตลาด โดยมีทีมงานดีไซน์ที่เป็นคนไทยเองรวม 15 คน"
สำหรับยอดรายได้จากตลาดต่างประเทศจากแบรนด์ของบริษัทฯเองมี 30 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และตั้งเป้าหมายปีนี้มีรายได้จากต่างประเทศ 100 ล้านบาท และคาดหวังอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10-20% ทุกปี
ส่วนนโยบายการทำตลาดสินค้าในไทย บริษัทฯจะพิจารณาสินค้าที่เป็นแบรนด์ติดอันดับ 1 ใน 5 มาทำตลาด และจะมีการรีวิวและทบทวนแผนการตลาดของสินค้าทุกแบรนด์ทุก 6 เดือน เพื่อประเมินและวิเคราะห์ถึงแนวโน้มตลาดสินค้าแต่ละประเภทว่าเป็นอย่างไร หากมีแนวโน้มที่ไม่ดีก็จะทยอยเลิกจัดจำหน่าย เช่น อุปกรณ์กอล์ฟบางตัวเลิกทำตลาดไปแล้ว รวมทั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องบางอย่างก็ได้เลิกทำตลาดไปแล้วเช่น ขาตั้งกล้อง
ล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อรับสิทธิ์จัดจำหน่ายสินค้าอีกอย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันลงทุนทางด้านการผลิตด้วย ส่วนแบรนด์ล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวในเดือนหน้าที่เซ็นทรัลเวิลด์ คือ "ISSUE"
นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เกตติ้ง กรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองมากขึ้นและมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย เพื่อเป็นการสร้างโอกาสและลดต้นทุนในการผลิตสินค้าแฟชั่นด้วย เพราะเมื่อตลาดกว้างขึ้น ความต้องการมากขึ้น การผลิตก็จะมากขึ้นทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้กำหนดมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ยังเป็นการลดความเสี่ยงกรณีที่บริษัทฯ รับจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์อื่นให้กับเจ้าของสินค้านอกเครือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งของตัวเองแล้วก็จะเป็นการสร้างทางเลือกและสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯ มีแบรนด์สินค้าที่ทำตลาดและจัดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 60 แบรนด์ โดยแบ่งเป็นสินค้าในเครือหรือเฮาส์แบรนด์ประมาณ 15 แบรนด์ และสินค้าที่รับจัดจำหน่ายของต่างประเทศประมาณ 45 แบรนด์ ทั้งนี้สินค้าของบริษัทฯที่ได้เริ่มทำตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วประมาณ 3 แบรนด์หลักคือ แบรนด์เอสแฟร์ (S'Fair), เสื้อผ้าแบรนด์แคชชวลลิสต์ (Casualist), และเสื้อผ้าแบรนด์เอฟโวลูชั่น (Evolution) ซึ่งได้ทำการส่งออกไปจำหน่ายแล้วในต่างประเทศมากกว่า 7 ประเทศเช่น พม่า บรูไน อินโดนีเชีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ดูไบ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีเสื้อผ้าแบรนด์ พัพเพ็ต (Puppet) ที่ได้ทำการส่งออกไปต่างประเทศมานานแล้วกว่า 10 ปี ไปที่สิงคโปร์เป็นตลาดหลัก โดยการทำตลาดต่างประเทศนั้นจะมีทั้งการส่งออกไปจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่าย หรือการที่มีกลุ่มนักธุรกิจมาซื้อแล้วไปขายต่อ และมีรูปแบบการลงทุนเปิดรีเทลชอปด้วยการเปิดชอปขึ้นมาจำหน่ายด้วย
แผนการขยายตลาดต่างประเทศในปีนี้ มีเป้าหมายที่จะลงทุนเปิดชอปของแต่ละแบรนด์อีก 3 ร้านรวมกัน ในเมืองดูไบ หลังจากที่มีเปิดบริการแล้ว 3 ชอป ส่วนที่บาห์เรนจะเปิดปลายปี โดยลักษณะจะเป็นการลงทุนของคู่ค้าที่เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และบริษัทฯจะเป็นผู้สนับสนุนทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ เมอร์ชันไดส์ การสร้างทีมงาน ระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ โดยช่องทางจำหน่ายรวมในต่างประเทศของบริษัทฯมีปรมาณ 30 จุดใน 8 ประเทศแล้ว ทั้งรูปแบบชอปและคอร์เนอร์ในห้าง ส่วนตลาดใหม่ๆที่น่าสนใจเช่น ตลาดประเทศตะวันออกกลาง ตลาดประเทศอินเดีย เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีกำลังซื้อมากด้วย
"ตลาดในต่างประเทศเวลานี้มีการเติบโตที่ดีมาก เพราะสินค้าได้รับการตอบรับและความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราเองก็มีการพัฒนารูปแบบของสนค้าตลอดเวลา เพื่อให้เข้ากับรสนิยมและความต้องการของแต่ละตลาด โดยมีทีมงานดีไซน์ที่เป็นคนไทยเองรวม 15 คน"
สำหรับยอดรายได้จากตลาดต่างประเทศจากแบรนด์ของบริษัทฯเองมี 30 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และตั้งเป้าหมายปีนี้มีรายได้จากต่างประเทศ 100 ล้านบาท และคาดหวังอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10-20% ทุกปี
ส่วนนโยบายการทำตลาดสินค้าในไทย บริษัทฯจะพิจารณาสินค้าที่เป็นแบรนด์ติดอันดับ 1 ใน 5 มาทำตลาด และจะมีการรีวิวและทบทวนแผนการตลาดของสินค้าทุกแบรนด์ทุก 6 เดือน เพื่อประเมินและวิเคราะห์ถึงแนวโน้มตลาดสินค้าแต่ละประเภทว่าเป็นอย่างไร หากมีแนวโน้มที่ไม่ดีก็จะทยอยเลิกจัดจำหน่าย เช่น อุปกรณ์กอล์ฟบางตัวเลิกทำตลาดไปแล้ว รวมทั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องบางอย่างก็ได้เลิกทำตลาดไปแล้วเช่น ขาตั้งกล้อง
ล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อรับสิทธิ์จัดจำหน่ายสินค้าอีกอย่างน้อย 2-3 แบรนด์ ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันลงทุนทางด้านการผลิตด้วย ส่วนแบรนด์ล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวในเดือนหน้าที่เซ็นทรัลเวิลด์ คือ "ISSUE"