กทม.ดาหน้าอัดกลับ"ศิธา" ลั่นอย่ามั่วเรื่องรถดับเพลิง แนะอยากรู้อะไรดีๆให้ไปถามได้ที่"โภคิน" เหตุเป็นคนส่งหนังสือเร่งรัดให้กทม.เร่งเปิดแอลซี ด้านคณะกรรมการบริหารสัญญาจะลงมติว่าจะตรวจรับหรือไม่วันนี้
นายจักรพันธ์ พรนิมิตร รองโฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวชี้แจงกรณีที่น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย(ทรท.)ออกมาระบุว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กำลังโยนความผิดกรณีการเซ็นสัญญาจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่ากว่า 6,600 ล้านบาทให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ลงนามในวันสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งว่า ทางกทม.ได้ยืนยันไปหลายครั้งแล้ว หากโฆษกพรรคไทยรักไทยไม่เข้าใจ และสงสัยมากๆ ขอให้กลับไปถามนายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย เพราะอดีต รมว.มหาดไทยคนนี้ ได้ส่งหนังสือเร่งรัดให้ กทม.รีบดำเนินการเปิดแอลซีจำนวนหลายฉบับด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการสอบสวนที่ไม่มีการระบุว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิด เนื่องจากการสอบ ศ.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานการตรวจสอบนั้น มีกรอบในการตรวจสอบอย่างชัดเจน โดยเน้นเรื่องการตรวจสอบทุกขั้นตอนของขบวนการจัดซื้อ ไม่ได้เน้นที่ว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดบ้าง เพราะคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบตรงนั้น
นายจักรพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ามีการล็อบบี้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่มี ศ.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานการตรวจสอบนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการกทม.คนใดไปล็อบบี้ผลการสอบแต่อย่างใด ส่วนที่จะให้มีการหารือร่วมกันกับหลายๆ ฝ่ายคงจะไม่ได้เพราะกทม.เป็นหน่วยงานราชการต้องมีกรอบในการทำงาน
สำหรับการขอหารือกับ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย นั้นที่โฆษก ทรท.ออกมาระบุว่าท่านไม่ว่างนั้น จากที่ได้ติดตามข่าวพล.อ.อ.คงศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมที่จะให้กทม.เข้าพบ และพิจารณาผลสอบข้อเท็จจริงที่ได้ส่งไปให้ ทั้งนี้ เชื่อว่าหากได้เข้าพบและหารือกับรมว.มหาดไทยแล้วจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนกรณีผลการตรวจสอบฮั้วประมูล 16 โครงการ ที่มีการระบุว่าข้าราชการกทม.กระทำผิดจำนวน 3 รายนั้น นายจักรพันธ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการชุด พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว. กทม.เป็นประธานการตรวจสอบนั้น นายอภิรักษ์ ได้จัดส่งผลการตรวจสอบต่อมายังคณะกรรมการชุดนายประพนธ์ วงศ์วิเชียร หัวหน้าผู้ตรวจข้าราชการกทม. เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ขรก.กทม.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งก็ได้ผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย ส่วนเหตุที่ไม่มีการระบุว่าข้าราชการการเมืองของกทม.คนใดกระทำผิดนั้น เนื่องจาก กก.ชุดนายประพนธ์ เป็นชุดที่ตรวจสอบความผิดทางวินัยกับข้าราชการประจำเท่านั้น ที่เหลือจะเป็นหน้าที่ป.ป.ช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)สอบสวนต่อ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อผ่านกระบวนการการตรวจสอบตรงนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นจากการตรวจสอบตรงนี้ได้
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าฯกทม. ก็กกล่าวในทำนองเดียวกันว่า อยากฝากให้โฆษกพรรคไทยรักไทย ติดตามเรื่องนี้ให้ดีว่าบทสรุปในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร หรือถ้าจะให้ดีขอแนะนำให้สอบถามนายโภคิน เพราะอดีตรมว.มหาดไทยคนนี้ ทราบเรื่องดีทุกอย่าง
ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวว่า การโฆษกพรรคไทยรักไทยแนะนำให้ตนไปหารือ และขอคำแนะนำกับนายสมัคร สุนทรเวช นายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย รวมทั้งที่ให้เชิญทั้ง น.ต.ศิธา และ นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เข้าร่วมหารือให้พร้อมกันทั้งหมดนั้น คงจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องจะไปกันใหญ่แล้ว เพราะขณะนี้ กทม.มีแนวทางในการดำเนินงาน โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า ได้ส่งหนังสือเพื่อขอหารือหลังจากที่ได้ผลสรุปจากการสอบสวนจากคณะกรรมการชุดของ นายบุญเสริม เหมือนที่ส่งให้กับป.ป.ช. และ สตง. ไปยัง พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการ รมว.มหาดไทย คนปัจจุบันไปเรียบร้อยแล้ววานนี้ (5 มิ.ย.)
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันนี้ (6 มิ.ย.)คณะกรรมการบริหารสัญญาชุดที่มี นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม.เป็นประธาน จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าที่ประชุมจะมีมติตรวจรับสินค้าจากทาง บ.สไตเออร์ เดม เลอร์ พุค จากประเทศออสเตรีย หรือไม่ เนื่องจากสินค้าได้จัดส่งมาถึง กทม.เป็นระยะเวลานานมากแล้ว หรือหากไม่ตรวจรับจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายจักรพันธ์ พรนิมิตร รองโฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวชี้แจงกรณีที่น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย(ทรท.)ออกมาระบุว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กำลังโยนความผิดกรณีการเซ็นสัญญาจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่ากว่า 6,600 ล้านบาทให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ลงนามในวันสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งว่า ทางกทม.ได้ยืนยันไปหลายครั้งแล้ว หากโฆษกพรรคไทยรักไทยไม่เข้าใจ และสงสัยมากๆ ขอให้กลับไปถามนายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย เพราะอดีต รมว.มหาดไทยคนนี้ ได้ส่งหนังสือเร่งรัดให้ กทม.รีบดำเนินการเปิดแอลซีจำนวนหลายฉบับด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการสอบสวนที่ไม่มีการระบุว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิด เนื่องจากการสอบ ศ.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานการตรวจสอบนั้น มีกรอบในการตรวจสอบอย่างชัดเจน โดยเน้นเรื่องการตรวจสอบทุกขั้นตอนของขบวนการจัดซื้อ ไม่ได้เน้นที่ว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดบ้าง เพราะคณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบตรงนั้น
นายจักรพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ามีการล็อบบี้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่มี ศ.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานการตรวจสอบนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการกทม.คนใดไปล็อบบี้ผลการสอบแต่อย่างใด ส่วนที่จะให้มีการหารือร่วมกันกับหลายๆ ฝ่ายคงจะไม่ได้เพราะกทม.เป็นหน่วยงานราชการต้องมีกรอบในการทำงาน
สำหรับการขอหารือกับ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย นั้นที่โฆษก ทรท.ออกมาระบุว่าท่านไม่ว่างนั้น จากที่ได้ติดตามข่าวพล.อ.อ.คงศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมที่จะให้กทม.เข้าพบ และพิจารณาผลสอบข้อเท็จจริงที่ได้ส่งไปให้ ทั้งนี้ เชื่อว่าหากได้เข้าพบและหารือกับรมว.มหาดไทยแล้วจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนกรณีผลการตรวจสอบฮั้วประมูล 16 โครงการ ที่มีการระบุว่าข้าราชการกทม.กระทำผิดจำนวน 3 รายนั้น นายจักรพันธ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการชุด พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว. กทม.เป็นประธานการตรวจสอบนั้น นายอภิรักษ์ ได้จัดส่งผลการตรวจสอบต่อมายังคณะกรรมการชุดนายประพนธ์ วงศ์วิเชียร หัวหน้าผู้ตรวจข้าราชการกทม. เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ขรก.กทม.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งก็ได้ผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย ส่วนเหตุที่ไม่มีการระบุว่าข้าราชการการเมืองของกทม.คนใดกระทำผิดนั้น เนื่องจาก กก.ชุดนายประพนธ์ เป็นชุดที่ตรวจสอบความผิดทางวินัยกับข้าราชการประจำเท่านั้น ที่เหลือจะเป็นหน้าที่ป.ป.ช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)สอบสวนต่อ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อผ่านกระบวนการการตรวจสอบตรงนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นจากการตรวจสอบตรงนี้ได้
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าฯกทม. ก็กกล่าวในทำนองเดียวกันว่า อยากฝากให้โฆษกพรรคไทยรักไทย ติดตามเรื่องนี้ให้ดีว่าบทสรุปในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร หรือถ้าจะให้ดีขอแนะนำให้สอบถามนายโภคิน เพราะอดีตรมว.มหาดไทยคนนี้ ทราบเรื่องดีทุกอย่าง
ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวว่า การโฆษกพรรคไทยรักไทยแนะนำให้ตนไปหารือ และขอคำแนะนำกับนายสมัคร สุนทรเวช นายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย รวมทั้งที่ให้เชิญทั้ง น.ต.ศิธา และ นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เข้าร่วมหารือให้พร้อมกันทั้งหมดนั้น คงจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องจะไปกันใหญ่แล้ว เพราะขณะนี้ กทม.มีแนวทางในการดำเนินงาน โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า ได้ส่งหนังสือเพื่อขอหารือหลังจากที่ได้ผลสรุปจากการสอบสวนจากคณะกรรมการชุดของ นายบุญเสริม เหมือนที่ส่งให้กับป.ป.ช. และ สตง. ไปยัง พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการ รมว.มหาดไทย คนปัจจุบันไปเรียบร้อยแล้ววานนี้ (5 มิ.ย.)
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันนี้ (6 มิ.ย.)คณะกรรมการบริหารสัญญาชุดที่มี นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม.เป็นประธาน จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าที่ประชุมจะมีมติตรวจรับสินค้าจากทาง บ.สไตเออร์ เดม เลอร์ พุค จากประเทศออสเตรีย หรือไม่ เนื่องจากสินค้าได้จัดส่งมาถึง กทม.เป็นระยะเวลานานมากแล้ว หรือหากไม่ตรวจรับจะดำเนินการอย่างไรต่อไป