xs
xsm
sm
md
lg

เผยศพนิรนามไม่เคยเช็คDNA "ชิดชัย"สั่งเคลียร์ด่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุกสำรวจสุสานนิรนามพบอยู่ในป่าช้าจีน ปัตตานี ประธานมูลนิธิฯ เผยไม่เคยเก็บ DNA ศพ ยอมรับมีบางศพ จนท.นำมามอบให้แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นของศาสนาใด หนุนสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้ว่าฯปัตตานียอมรับมีศพนิรนามจริงกว่า 400 ราย แต่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว และศพลอยน้ำมา ยันไม่เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบ 3 จชต. "ชิดชัย"เร่งเคลียร์ข้อสงสัย ตั้งกรรมการตรวจสอบศพนิรนามแล้ว

วานนี้ (31 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบสุสานฝังศพนิรนาม ที่บริเวณมูลนิธิร่วมบำเพ็ญการกุศลท่งเต็กเซี่ยงตึ้ง จ.ปัตตานี ตั้งอยู่ที่ถนนยะรัง ซอย 5 ม.5 ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี โดยขณะนี้ได้มีสื่อมวลชนหลายแขนงเดินทางเข้าไปสังเกตการณ์และบันทึกภาพ โดยบริเวณสุสานฝังศพนิรนามจำนวน 435 ศพ อยู่ในป่าช้าจีน มีการก่อซีเมนต์ขึ้นมาเป็นแถวยาว 3 แถว มีหลุมฝังนับร้อยหลุมนำศพไปใส่แล้วใช้ดินกลบ

ขณะเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ เข้าไปติดต่อขอข้อมูลจากมูลนิธิฯ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการชี้แจงทำความเข้าใจต่อสาธารณชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง เผยว่า มีความหนักใจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบศพนิรนามดังกล่าว

***ปธ.มูลนิธิฯมีศพนิรนามจริง

นายสุรศิษฐ์ ศิริอนันต์ ประธานมูลนิธิร่วมบำเพ็ญการกุศล ท่งเต็กเซี่ยงตึ๊งฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางมูลนิธิฯ ไม่เคยรับศพที่เป็นคนนับถือศาสนาอิสลาม เนื่องจากทางมูลนิธิฯรับศพเฉพาะที่ทางตำรวจ และโรงพยาบาลแจ้งมาเท่านั้น ถ้าศพเป็นมุสลิมไม่มีญาติ ทางคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี จะนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

จนกระทั่งเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามาขอข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนศพไร้ญาติ และล่าสุดแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้เดินทางมาที่มูลนิธิฯ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับศพไร้ญาติ ทางมูลนิธิฯจึงให้ข้อมูลไปตามข้อเท็จจริง และทางมูลนิธิฯ ยินดีที่จะให้สถาบันนิติฯ เข้ามาพิสูจน์ศพไร้ญาติว่าตรงกับบุคคลที่ทางมูลนิธิฯ รับไปฝังหรือไม่

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ตกลงกับแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ว่า ทางสถาบันต้องมีการประสานกับทางจังหวัดปัตตานี โรงพัก และเทศบาลเมืองจังหวัดปัตตานีก่อน โดยเฉพาะในส่วนของงบประมาณทางสถาบันนิติฯ เป็นผู้รับผิดชอบ จนกระทั่งทุกวันนี้ทางมูลนิธิฯ ยังไม่ได้รับหนังสือตอบยืนยันจากสถาบันนิติฯ ซึ่งทางมูลนิธิฯยอมรับว่าทุกครั้งที่ได้มีการประสานจากเจ้าหน้าที่ให้นำศพไปฝังนั้น มูลนิธิฯได้รับหนังสือพร้อมกับศพทุกครั้ง

"แต่ทางมูลนิธิฯ ไม่ได้มีการตรวจพิสูจน์ ดีเอ็นเอ.ว่า ศพที่รับมานั้นตรงกับชื่อที่แจ้งหรือเปล่า เพราะเป็นข้อจำกัดของมูลนิธิฯ ดังนั้น เพื่อความชัดเจน โปร่งใส และสามารถคลี่คลายปัญหาข้อสงสัยให้กับสังคม ทางมูลนิธิฯไม่ขัดข้อง และยินดีให้ความร่วมมือกับทางสถาบันนิติฯ ในการพิสูจน์ แต่ขอยืนยันว่าศพที่ทางมูลนิธิฯได้รับอนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่เพื่อนำไปฝังนั้นจะเป็นศพลูกเรือ สัญชาติพม่า เขมร เป็นส่วนใหญ่ และมีบางรายที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นศพมุสลิมหรือศาสนาอื่น"

***ผู้ว่าฯปัตตานีรับมีกว่า 400 ศพ

ด้านนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ชี้แจงถึงกระแสข่าวพบหลุมฝังศพนิรนามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากข้อมูลของมูลนิธิร่วมบำเพ็ญการกุศลท่งเต็กเซี่ยงตึ้ง จ.ปัตตานี ซึ่งมีนายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นากเทศมนตรีเทศบาลเมืองปัตตานีเป็นรองประธานมูลนิธิฯแจ้งว่า ศพนิรนามหรือศพไร้ญาติใน จ.ปัตตานีนั้น ถูกพบตอนล้างป่าช้าเมื่อปี 2544 มีทั้งหมด 435 ศพ เป็นลูกเรือประมงแรงงานต่างด้าว 333 ศพ และบางศพไม่สามารถระบุสัญชาติ อาชีพและสาเหตุการตายได้ เช่น ศพที่ลอยมาจากทะเลมีประมาณ 100 ศพ และมีศพที่มีอาชีพเป็นลูกเรือและเป็นมุสลิมประมาณ 10 ศพ ซึ่งได้แยกให้ทางผู้นำศาสนานำไปฝังที่กุโบร์ (สุสานมุสลิม)

"ศพเหล่านี้เรามีฝ่ายตรวจสอบ ทั้งฝ่ายตำรวจ และสัปเหร่อที่ทำงานให้กับมูลนิธิคอยดูแลตรวจสอบ เวลานี้ทั้งหมดอยู่ที่สุสานตะลุโบะ ซึ่งยืนยันได้ว่าศพไร้ญาติเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบ แต่เป็นลักษณะเดียวกันกับทั่วประเทศในการจัดการศพไร้ญาติเหล่านี้ ซึ่งมีมูลนิธิของคนไทยเชื้อสายจีนดูแลในทั่วประเทศ เรียนว่าศพเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับเหตุความไม่สงบ เราพร้อมในการตรวจสอบศพนิรนามเหล่านี้ มีการจัดเก็บ แยกหลุม แยกกลุ่ม บอกที่มาที่ไประบุข้อมูลว่าพบศพที่ไหนเมื่อไหร่ ลักษณะรูปพรรณของศพ สีผิว สูงต่ำ และบางศพก็มีรูปถ่ายหน้าตาของผู้ตายเก็บไว้ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลรอให้ญาติมาตรวจสอบ" ผู้ว่าฯปัตตานี ระบุ

พร้อมกล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าในการดำเนินการของฝ่ายราชการ เราดูแลศพนิรนนามเหล่านี้อย่างดี ซึ่งชาวปัตตานีก็คงเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ดี เช่นการพบศพลอยน้ำมา มีการฆ่ากันตาย มีการตายจากโรคร้าย โรคเอดส์ ซึ่งได้มีการคัดแยกในการจัดการ

**กู้ภัยนราฯเผยมีศพไร้ญาติร่ 50 ราย

นายพลับ ประพันธ์วงศ์ นายกสมาคมกู้ภัยนราธิวาส ตั้งอยู่ที่วัดประชาภิรมย์ ถนนประชาภิรมย์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีการเปิดสมาคมกู้ภัยมาส่วนใหญ่ทำหน้าที่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุมีคนตายทุกประเภท โดยสมาคมจะริบผิดชอบทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สมาคมไม่เคยได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือประชาชน ที่บอกว่ามีหลุมศพ หรือให้ไปรับคนตายประมาณ 300-400 ศพ ตามที่เป็นข่าว

แต่ยอมรับว่า 4-5 ปี ที่ผ่านมามีศพผู้เสียชีวิตไม่มีญาติประมาณ 50 ราย และได้รับการพิสูจน์ศพแล้ว เป็นชาว เขมร พม่า ซึ่งเป็นลูกเรือตังเกเป็นส่วนใหญ่ ในการเก็บศพจะมีการแยกตามศาสนาหากนับถืออิสลามไม่มีญาติจะส่งให้กรรมการมัสยิดกลางนราธิวาสรับผิดชอบทำพิธีฝังตามหลักศาสนาอิสลาม ในส่วนของศาสนาพุทธก็จะบำเพ็ญกุศลและเผาที่วัดประชาภิรมย์ ยืนยันว่าเท่าที่รู้ยังไม่เคยเจอหลุมศพ ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด หากมีหลักฐานทางสมาคมก็พร้อมที่จะร่วมพิสูจน์ด้วย

**"ชิดชัย"ตั้งกก.สอบศพนิรนาม

พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ได้สอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วพบว่ามีการล้างป่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง มีข้อมูลตั้งแต่ปี 2544 และ 2547 ใน จ.ปัตตานี มีหลักฐานลงทะเบียนเรียบร้อย และตัวเลขก็ตรงกันในจำนวน 400 ศพ มีญาติมารับไปทำพิธีแล้ว 252 ศพ และมีความชัดเจนว่า บางส่วนป่วยเป็นโรค และบางส่วนเกิดจากอุบัติเหตุ

"มีเพียง 141 ศพเท่านั้นที่เป็นศพไร้ญาติ และเสียชีวิตผิดธรรมชาติอยู่ใน จ.ปัตตานี ซึ่งในส่วนนี้ ผมจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุด และกระทรวงยุติธรรม ไปตรวจสอบ ขอยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะยอมรับความจริงว่าใครทำอะไร อย่างไร และเรื่องนี้จะไม่ปกปิดเด็ดขาด หากมีผลรายงานมาก็จะแจ้งให้ทราบทันที" พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าว

**ครูใต้ขอกำลังเสริมพื้นที่สีแดง

นายไพรัช แสงทอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 1 เปิดเผยระหว่างเยี่ยมอาการ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ที่ รพ.สงขลานครินทร์ว่า โรงเรียนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทุกแห่งเริ่มเปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา มีครูไปสอนตามปกติ มีเพียงโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะแห่งเดียวที่ยังปิดอยู่ โดยวันนี้ ตนได้นัดผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และผู้ใหญ่บ้าน เพื่อร่วมกันหาแนวทางให้สามารถเปิดเรียนได้ภายในวันจันทร์ที่ 3 มิ.ย.ขณะเดียวกันได้เตรียมครูในพื้นที่ที่จบปริญญาตรีมาสอนแทนครูที่ย้ายออก ซึ่งขณะนี้มีผู้มาสมัครแล้ว 6 คน

นายไพรัช กล่าวว่า ในส่วนของครูที่ขอย้ายออกจากพื้นที่นั้นเป็นเพียงการขยับจากพื้นที่สีแดงมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หรือจากตำบลมาอยู่ใกล้อำเภอ ซึ่งมีครูแจ้งความประสงค์มาแล้วประมาณ 100 คน และอีกกรณีเป็นการย้ายสับเปลี่ยนกันของครูที่เมื่อก่อนโรงเรียนที่สอนอยู่คนละอำเภอกับบ้านพัก ก็ให้ย้ายกลับไปสอนในพื้นที่ใกล้บ้านเพื่อความปลอดภัยไม่ต้องเดินทางสวนกันไปมา

"กรณีนี้หากตามหลักเกณฑ์แล้วทำไม่ได้ต้อง 2 ปีถึงจะย้ายได้ แต่ก็ได้มีการผ่อนผันหลักเกณฑ์แม้ว่า 1 เดือนหรือ 1 ปีก็ให้ย้ายกลับได้ อย่างไรก็ตามอัตรากำลังครูใน จ.นราธิวาส นั้นไม่ขาดแคลนทุกโรงเรียนมีครูตามเกณฑ์ทุกแห่งพอดีและยังมีตำแหน่งครูอัตราจ้างสำรองไว้ หากครูคนไหนอยู่ไม่ได้ก็จะถอนออกมาและเอาครูอัตราจ้างเข้าไปสอนแทน" นายไพรัช กล่าวและว่า

สำหรับการจัดส่งกำลังดูแลความปลอดภัยครูนั้น หากดูจากผลการปฏิบัติในวันเปิดเรียนถือว่าดีมากและเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ครูมีกำลังใจดีขึ้น แต่ขอให้ทำตามแผนอย่างเข้มงวดต่อไปอย่าให้เกิดช่องว่าง โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง ที่ระบุว่ามีถึง 100 หมู่บ้านจะต้องมีทหาร หรือชุด ชรบ.หรือ อรบ.เข้าประจำอยู่ตามโรงเรียนแต่ละแห่งอย่างน้อย 5-6 คนด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น