ผู้จัดการรายวัน - กกต.เบี้ยวประชุมพิจารณาผลสอบยุบ ทรท. ขณะที่ “ไทกร” เดินหน้าลากไส้ ทรท.จ้างพรรคเล็กอีก ระบุเลือกตั้งรอบ 3 หญิงสาวคนสนิท เบอร์ 2 ทรท.หิ้วเงินสดซื้อพรรคเล็ก ส่วน “ยี้ห้อย” สั่งผู้การฯชัยภูมิ เพื่อนสนิทแอบถ่ายวีซีดี หวังนำไปเป็นหลักฐานหักล้างการซื้อพรรคเล็ก ท้าสาบานวัดพระแก้ว พร้อมเปิดแผลเก่า “จตุพร” ติดคดีขืนใจสาว ปชป.อัดซ้ำ พัวพันอมเงินบริจาคพฤษภาทมิฬ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (16 พ.ค.) พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ได้นัด กกต.ที่เหลืออีก 2 คน คือ นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ เข้าประชุมพิพิจารณาผลการสอบสวนกรณี พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งมี นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานฯ ได้สรุปผลการสอบสวนเสร็จแล้ว โดยระบุว่ามีหลักฐานเชื่อว่าแกนนำพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กจริง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค จึงเสนอให้ กกต.แจ้งข้อกล่าวหาแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงเวลา 10.00 น.ตามที่นัดหมาย ปรากฎว่ามีเพียง พล.ต.อ.วาสนา คนเดียวที่เข้ามายังสำนักงาน กกต. ทำให้ไม่มีการพิจารณากรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวีระชัย และนายปริญญา ได้เดินทางเข้าสำนักงาน กกต.ช่วงเวลา 11.50 น. ซึ่งก็ยังไม่มีการประชุม จนช่วงเวลา 14.00 น. จึงมีการประชุม กกต.โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้าร่วมประชุมด้วย แต่ไม่มีการพิจารณาเกี่ยวกับกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง
วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ทีมงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ นำโดยนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ พร้อมด้วยทีมงาน ประกอบด้วย นายเศวต ทินกูล นายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ์ และนายชุมพล สังข์ทอง ทนายความของนายไทกร แถลงถึงเบื้องหลังการคุดคุ้ยหาหลักฐานพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง
นายไทกร แถลงว่า หลังจากที่กลุ่มอีสานกู้ชาติได้ออกมาเปิดโปง ขบวนจ้างพรรคเล็กของพรรคไทยรักไทย ได้มีความพยายามขัดขวาง ข่มขู่ และพยายามทำให้กลุ่มแตกกระสานซ่านเซ็น โดยเมื่อคืนวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มนักเลงย่านฝั่งธนบุรี ได้ติดตามข่มขู่ ทีมงานจากโรงแรมโซฟิเทลฯ จนมาถึง โรงแรมมารวยการ์เด็น ย่าน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนถึงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 16 พ.ค.จนทีมงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน ดังนั้นหากตนเสียชีวิตก็แสดงว่า เป็นฝีมือของพรรคไทยรักไทย เพราะไม่เคยมีศัตรู ไม่เคยมีกิ๊ก ไม่เคยมีเมียน้อย เมียหลวง ไม่เคยทำธุรกิจประมูลใหญ่โต นอกจากธุรกิจหอพักให้นักศึกษาเช่า
“ผมขอท้าพรรคไทยรักไทยใครก็ได้ให้ไปสาบานที่วัดพระแก้ว หากผมพูดเท็จขอให้มีอันเป็นไป ชีวิตวิบัติ และหากเป็นความจริงขอให้คนใน พรรคไทยรักไทยต้องมีอันเป็นไป จึงอยากถามว่าพรรคไทยรักไทยกล้าพอหรือไม่ และขอเดินหน้าเปิดเผยการจ่ายเงินให้ผู้สมัครจากพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในรอบที่ 3 ซึ่งมีการติดต่อกันที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยมีผู้หญิงที่เป็นคนสนิทของผู้นำหมายเลขสองของพรรคไทยรักไทย เป็นผู้เอาเงินสดไปจ่ายให้ผู้สมัครจากพรรคเล็ก 3 พรรค คนละ 5 แสนบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามหารูปถ่ายของผู้หญิงคนดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารระชนต่อไป”
นายไทกร กล่าวว่าการแอบบันทึกวีซีดีของตนระหว่างการสนทนากับ นายวรรณวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า เบื้องหลังคือ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ คำดี ผบก.จ.ชัยภูมิ ได้รับการสั่งการจาก นายเนวิน ชิดชอบ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้แอบบันทึกภาพ เพื่อนำหลักฐานส่งให้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.เพื่อหักล้างผลสอบของคณะอนุกรรมาการฯที่กกต.ตั้งขึ้น ซึ่งขณะนี้ กลุ่มอีสานกู้ชาติ อยู่ในระหว่างทำเรื่องตรวจสอบการแจ้งความย้อนหลังการถูกข่มขู่ คุกขามของ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า เพราะประเด็นขณะนี้ พรรคไทยรักไทยกำลังมีการเชื่อมโยงว่า มีบุคคลต่างๆ จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ใครรูจักกับใครไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อยู่ที่ว่าพรรคไทยรักไทยได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นายไทกร กล่างด้วยว่า ที่นายจตุพร พรมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวหาว่าตนเป็นคนชั่ว มีคดีเช็คเด้ง 2 ใบในปี 2541 นั้น ขอยอมรับว่ามีเช็ดเด้งจริง เนื่องจากในปี 2540 เกิดวิกฤติ ซึ่งตนเขียนเช็คในนามพรรคประชาชนไทยเพื่อปิดคดี หากต่อไปนี้เกิดมีคดีเช็คเด้งอีก แสดงว่าพรรคไทยรักไทยเป็นคนสร้างหลักฐานเท็จ การที่นายจตุพรกล่าวหาว่าตนชั่ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ก็ชั่ว เพราะเคยโกหกว่าไม่เคยเซ็นชื่อในเช็คเด้งเช่นกัน แต่ในอดีตศาลเคยตัดสินคดีว่า เป็นลายเซ็นของพ.ต.ท.ทักษิณ จริง
“คุณจตุพรอยู่กับคนชั่วมาโดยตลอด รับใช้คนชั่ว และพร้อมที่จะตายแทนคนชั่ว คนชั่วใช้คนชั่วมาทำงาน และคนชั่วยังมาปกป้องคนชั่ว การออกมาตอบโต้ของ พรรคไทยรักไทยไม่มีคนที่ดีกว่าคุณจตุพรอีกแล้วหรือ เพราะผมไม่อยากตอบโต้อีก เรื่องของคุณจตุพรเองนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2539 มีนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.หัวหมาก ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งฉายา “ตู่ศรัทธรรม” กระทำการข่มขืนใจ จนเป็นคดีในชั้นศาล จึงไม่อยากพูดประวัติมาก แต่ไปถามได้เลยว่าใครคือ ตู่ศรัทธาธรรม”
ด้านเศวต กล่าวว่า ตนเป็นทีมงานติดตามในทางลับขบวนการจ้างพรรคเล็ก ลงสมัครรับเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 23 เม.ย.2549 พบว่ามีการไปเปิดห้อง 391 โรงแรมรัตนโกสินทร์ ให้หัวหน้าพรรคเล็กที่จะลงสมัครเข้าไปมั่วสูมเตรียมการ ปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งตนและทีมงานได้เข้าไปพักในโรงแรมเดียวกันห้อง 392 จึงได้รู้ว่ามีใครเข้าไปบ้าง โดยหนึ่งในนั้นมี นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธิ์ หัวหน้าพัฒนาชาติไทย โดยได้ดำเนินระหว่างวันที่ 11-14 เม.ย.2549 โดยมี อดีตอาจารย์ใหญ่ ที่ตนเคารพที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จ.นครพนม ชื่อ นายกว้าง รอบคอบเข้าไปในห้อง 391 ด้วย จึงอยากถามว่าเข้าไปทำอะไร นอกจากเป็นการ เตรียมหลักฐาน ปลอมแปลงคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วันของพรรคเล็ก เพื่อซักค้านในชั้นศาล เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิกถอนสิทธิ์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
นายเศวต กล่าวว่า กระบวนกากระผิดกฎหมายเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ดังนั้นนายไทกร จึงเข้าไปดำเนินการโน้มน้าวใจให้หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า บอกว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่กลับถูกบันทึกวิซีดี ซึ่งเป็นการ อุปโลก สร้างหลักฐานเท็จของพรรคไทยรักไทย เพื่อส่งให ้พล.ต.อ.วาสนา จึงเห็นว่า พล.ต.อ.วาสนาสมคบพรรคไทยรักไทย หากแน่จริงตนขอท้า พล.อ.ต.วาสนาให้เปิดหลักฐานสมัครเป็นสมาชิกของนายบุญทวีศักดิ์ และการหาสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไปตัดแปะบัตรประจำตัวประชาชนของคนอื่นเพื่อขอเงินสนับสนุน พรรคการเมืองที่จ.นครพนม จึงอยากถามว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจริงหรือไม่
ส่วนนายชุมพล กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบกระบวนการแอบบันทึกวีซีดี เริ่มต้นจากมีการแอบอ้างว่ามีการข่มขู่พยานที่จ.นครราชสีมา ซึ่งแทนที่จะไปแจ้งความ ในพื้นที่รับผิดชอบของ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แต่กลับมีการข้างไปแจ้งความ ที่จ.ชัยภูมิ โดยอ้างถึงความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบก.จ. ชัยภูมิ จนมีการตั้งทีมขึ้นมา สอบสวน และมอบหมายให้ สภ.ต.บ้านค่าย อ.เมือง .จ ชัยภูมิ ดำเนินการ
ซึ่งจากการตรวจประวัดิของนายตำรวจที่แอบถ่ายวีซีดี จากเวปไซด์ของ นายตำรวจผู้นี้พบว่า เคยรับราชการเป็นรอง ผบก.จ.บุรีรัมย์ ในพื้นที่ของนักการเมืองใหญ่พรรคไทยรักไทย เคยถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัด และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนสวนกุหลาบกับนักการเมืองคนดังกล่าว การรีบดำเนินการ ดังกล่าวเพราะเกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย ถึงขั้นยุบพรรค จึงทำให้นายตำรวจคนนี้ขยัน มีเครื่องมือที่ไฮเทคทันสมัยมากในการติดตาม ซื่อถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะต้องมีการพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งกล่าวว่า วันนี้ (17 พ.ค.) เป็นวัน ครบรอบ 14 ปีของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จึงอยากเรียกร้องให้ นายจตุพร ตอบคำถามเพราะเป็นคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทในเหตุการณ์ดังกล่าว วิญญาณของวีรชนพฤษภาทมิฬ กำลังถามหาเรื่องเงินบริจาคในเหตุการณ์ดังกล่าวว่าหายไปไหน คิดว่าคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีคือ นายจตุพร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (16 พ.ค.) พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ได้นัด กกต.ที่เหลืออีก 2 คน คือ นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ เข้าประชุมพิพิจารณาผลการสอบสวนกรณี พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งมี นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานฯ ได้สรุปผลการสอบสวนเสร็จแล้ว โดยระบุว่ามีหลักฐานเชื่อว่าแกนนำพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กจริง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค จึงเสนอให้ กกต.แจ้งข้อกล่าวหาแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงเวลา 10.00 น.ตามที่นัดหมาย ปรากฎว่ามีเพียง พล.ต.อ.วาสนา คนเดียวที่เข้ามายังสำนักงาน กกต. ทำให้ไม่มีการพิจารณากรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวีระชัย และนายปริญญา ได้เดินทางเข้าสำนักงาน กกต.ช่วงเวลา 11.50 น. ซึ่งก็ยังไม่มีการประชุม จนช่วงเวลา 14.00 น. จึงมีการประชุม กกต.โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้าร่วมประชุมด้วย แต่ไม่มีการพิจารณาเกี่ยวกับกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง
วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ทีมงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ นำโดยนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ พร้อมด้วยทีมงาน ประกอบด้วย นายเศวต ทินกูล นายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ์ และนายชุมพล สังข์ทอง ทนายความของนายไทกร แถลงถึงเบื้องหลังการคุดคุ้ยหาหลักฐานพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง
นายไทกร แถลงว่า หลังจากที่กลุ่มอีสานกู้ชาติได้ออกมาเปิดโปง ขบวนจ้างพรรคเล็กของพรรคไทยรักไทย ได้มีความพยายามขัดขวาง ข่มขู่ และพยายามทำให้กลุ่มแตกกระสานซ่านเซ็น โดยเมื่อคืนวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มนักเลงย่านฝั่งธนบุรี ได้ติดตามข่มขู่ ทีมงานจากโรงแรมโซฟิเทลฯ จนมาถึง โรงแรมมารวยการ์เด็น ย่าน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนถึงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 16 พ.ค.จนทีมงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน ดังนั้นหากตนเสียชีวิตก็แสดงว่า เป็นฝีมือของพรรคไทยรักไทย เพราะไม่เคยมีศัตรู ไม่เคยมีกิ๊ก ไม่เคยมีเมียน้อย เมียหลวง ไม่เคยทำธุรกิจประมูลใหญ่โต นอกจากธุรกิจหอพักให้นักศึกษาเช่า
“ผมขอท้าพรรคไทยรักไทยใครก็ได้ให้ไปสาบานที่วัดพระแก้ว หากผมพูดเท็จขอให้มีอันเป็นไป ชีวิตวิบัติ และหากเป็นความจริงขอให้คนใน พรรคไทยรักไทยต้องมีอันเป็นไป จึงอยากถามว่าพรรคไทยรักไทยกล้าพอหรือไม่ และขอเดินหน้าเปิดเผยการจ่ายเงินให้ผู้สมัครจากพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในรอบที่ 3 ซึ่งมีการติดต่อกันที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยมีผู้หญิงที่เป็นคนสนิทของผู้นำหมายเลขสองของพรรคไทยรักไทย เป็นผู้เอาเงินสดไปจ่ายให้ผู้สมัครจากพรรคเล็ก 3 พรรค คนละ 5 แสนบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามหารูปถ่ายของผู้หญิงคนดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารระชนต่อไป”
นายไทกร กล่าวว่าการแอบบันทึกวีซีดีของตนระหว่างการสนทนากับ นายวรรณวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า เบื้องหลังคือ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ คำดี ผบก.จ.ชัยภูมิ ได้รับการสั่งการจาก นายเนวิน ชิดชอบ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้แอบบันทึกภาพ เพื่อนำหลักฐานส่งให้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.เพื่อหักล้างผลสอบของคณะอนุกรรมาการฯที่กกต.ตั้งขึ้น ซึ่งขณะนี้ กลุ่มอีสานกู้ชาติ อยู่ในระหว่างทำเรื่องตรวจสอบการแจ้งความย้อนหลังการถูกข่มขู่ คุกขามของ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า เพราะประเด็นขณะนี้ พรรคไทยรักไทยกำลังมีการเชื่อมโยงว่า มีบุคคลต่างๆ จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ใครรูจักกับใครไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อยู่ที่ว่าพรรคไทยรักไทยได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นายไทกร กล่างด้วยว่า ที่นายจตุพร พรมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวหาว่าตนเป็นคนชั่ว มีคดีเช็คเด้ง 2 ใบในปี 2541 นั้น ขอยอมรับว่ามีเช็ดเด้งจริง เนื่องจากในปี 2540 เกิดวิกฤติ ซึ่งตนเขียนเช็คในนามพรรคประชาชนไทยเพื่อปิดคดี หากต่อไปนี้เกิดมีคดีเช็คเด้งอีก แสดงว่าพรรคไทยรักไทยเป็นคนสร้างหลักฐานเท็จ การที่นายจตุพรกล่าวหาว่าตนชั่ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ก็ชั่ว เพราะเคยโกหกว่าไม่เคยเซ็นชื่อในเช็คเด้งเช่นกัน แต่ในอดีตศาลเคยตัดสินคดีว่า เป็นลายเซ็นของพ.ต.ท.ทักษิณ จริง
“คุณจตุพรอยู่กับคนชั่วมาโดยตลอด รับใช้คนชั่ว และพร้อมที่จะตายแทนคนชั่ว คนชั่วใช้คนชั่วมาทำงาน และคนชั่วยังมาปกป้องคนชั่ว การออกมาตอบโต้ของ พรรคไทยรักไทยไม่มีคนที่ดีกว่าคุณจตุพรอีกแล้วหรือ เพราะผมไม่อยากตอบโต้อีก เรื่องของคุณจตุพรเองนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2539 มีนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.หัวหมาก ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งฉายา “ตู่ศรัทธรรม” กระทำการข่มขืนใจ จนเป็นคดีในชั้นศาล จึงไม่อยากพูดประวัติมาก แต่ไปถามได้เลยว่าใครคือ ตู่ศรัทธาธรรม”
ด้านเศวต กล่าวว่า ตนเป็นทีมงานติดตามในทางลับขบวนการจ้างพรรคเล็ก ลงสมัครรับเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 23 เม.ย.2549 พบว่ามีการไปเปิดห้อง 391 โรงแรมรัตนโกสินทร์ ให้หัวหน้าพรรคเล็กที่จะลงสมัครเข้าไปมั่วสูมเตรียมการ ปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งตนและทีมงานได้เข้าไปพักในโรงแรมเดียวกันห้อง 392 จึงได้รู้ว่ามีใครเข้าไปบ้าง โดยหนึ่งในนั้นมี นายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธิ์ หัวหน้าพัฒนาชาติไทย โดยได้ดำเนินระหว่างวันที่ 11-14 เม.ย.2549 โดยมี อดีตอาจารย์ใหญ่ ที่ตนเคารพที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จ.นครพนม ชื่อ นายกว้าง รอบคอบเข้าไปในห้อง 391 ด้วย จึงอยากถามว่าเข้าไปทำอะไร นอกจากเป็นการ เตรียมหลักฐาน ปลอมแปลงคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วันของพรรคเล็ก เพื่อซักค้านในชั้นศาล เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิกถอนสิทธิ์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
นายเศวต กล่าวว่า กระบวนกากระผิดกฎหมายเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ดังนั้นนายไทกร จึงเข้าไปดำเนินการโน้มน้าวใจให้หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า บอกว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่กลับถูกบันทึกวิซีดี ซึ่งเป็นการ อุปโลก สร้างหลักฐานเท็จของพรรคไทยรักไทย เพื่อส่งให ้พล.ต.อ.วาสนา จึงเห็นว่า พล.ต.อ.วาสนาสมคบพรรคไทยรักไทย หากแน่จริงตนขอท้า พล.อ.ต.วาสนาให้เปิดหลักฐานสมัครเป็นสมาชิกของนายบุญทวีศักดิ์ และการหาสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไปตัดแปะบัตรประจำตัวประชาชนของคนอื่นเพื่อขอเงินสนับสนุน พรรคการเมืองที่จ.นครพนม จึงอยากถามว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจริงหรือไม่
ส่วนนายชุมพล กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบกระบวนการแอบบันทึกวีซีดี เริ่มต้นจากมีการแอบอ้างว่ามีการข่มขู่พยานที่จ.นครราชสีมา ซึ่งแทนที่จะไปแจ้งความ ในพื้นที่รับผิดชอบของ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แต่กลับมีการข้างไปแจ้งความ ที่จ.ชัยภูมิ โดยอ้างถึงความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบก.จ. ชัยภูมิ จนมีการตั้งทีมขึ้นมา สอบสวน และมอบหมายให้ สภ.ต.บ้านค่าย อ.เมือง .จ ชัยภูมิ ดำเนินการ
ซึ่งจากการตรวจประวัดิของนายตำรวจที่แอบถ่ายวีซีดี จากเวปไซด์ของ นายตำรวจผู้นี้พบว่า เคยรับราชการเป็นรอง ผบก.จ.บุรีรัมย์ ในพื้นที่ของนักการเมืองใหญ่พรรคไทยรักไทย เคยถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัด และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนสวนกุหลาบกับนักการเมืองคนดังกล่าว การรีบดำเนินการ ดังกล่าวเพราะเกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย ถึงขั้นยุบพรรค จึงทำให้นายตำรวจคนนี้ขยัน มีเครื่องมือที่ไฮเทคทันสมัยมากในการติดตาม ซื่อถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะต้องมีการพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งกล่าวว่า วันนี้ (17 พ.ค.) เป็นวัน ครบรอบ 14 ปีของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จึงอยากเรียกร้องให้ นายจตุพร ตอบคำถามเพราะเป็นคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทในเหตุการณ์ดังกล่าว วิญญาณของวีรชนพฤษภาทมิฬ กำลังถามหาเรื่องเงินบริจาคในเหตุการณ์ดังกล่าวว่าหายไปไหน คิดว่าคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีคือ นายจตุพร