ผู้จัดการรายวัน-ซูบารุเถื่อนไม่ยอม ได้คืบเอาศอกขอผ่อนผันจับกุมอีก 6 เดือนระหว่างจัดเส้นทางไม่เสร็จ ขู่ปิดถนนประท้วง ต่อรองขอวิ่งเส้นทางเดิม ชี้เส้นทางที่ได้ใหม่ไม่เหมาะสม “คมนาคม” ลั่นต้องทำตามกฎหมายช่วยเหลือไม่ได้ เร่งจัดเส้นทางให้เรียบร้อยในสัปดาห์หน้า ด้านรถร่วมฯขสมก.เดินหน้าแจ้งตำรวจจับแน่ ย้ำให้เวลามานานแล้ว
วานนี้ (9 พ.ค.) ตั้งแต่เวลา 03.00 น. กลุ่มผู้ประกอบการรถสี่ล้อเล็ก (ซุบารุ) กว่า 2,000 คัน ได้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เรียกร้องขอผ่อนผันการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาวิ่งทับเส้นทางสัมปทานรถของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการฯ ขสมก.ในช่วงที่กำลังจัดระเบียบเส้นทางสัมปทานรถ 4 ล้อเล็กของกรมการขนส่งทางบก
นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก, ขสมก.,รถร่วมฯขสมก.และผู้ประกอบการซูบารุ ว่า การวิ่งบริการของรถซูบารุในขณะนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการต้องยอมรับ และคงไม่สามารถผ่อนผันในประเด็นที่ผิดกฎหมายได้ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเร่งจัดเส้นทางวิ่งให้รถซูบารุแต่ละราย และให้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งแนวทางการจัดเส้นทางให้นั้น จะมีทั้งรถที่ได้วิ่งในเส้นทางเดิมต่อและได้วิ่งในเส้นทางใหม่ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งรถซูบารุต้องยอมรับข้อสรุปที่จัดเส้นทางให้เป็นระบบถูกต้องเช่นนั้นก็จะต้องถูกจับกุม ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้ เพราะรถ 4 ล้อเล็กทำผิดกฎหมาย
นางมณีวรรณ ทรัพย์รุ่งเรือง ประธานสหกรณ์ชัยโยสี่ล้อเล็ก กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการให้กระทรวงคมนาคมจัดระเบียบให้วิ่งในเส้นทางเดิมต่อไป เนื่องจากเห็นว่าเส้นทางที่จะจัดให้ใหม่นั้นไม่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังต้องการให้ยุติการจับกุมผู้ประกอบการไว้ก่อน แม้จะลดค่าปรับลงจาก 1,000 บาท เหลือ 500 บาทก็ตาม เพราะที่ผ่านมารถ สี่ล้อเล็กกว่า 6,000 คัน ได้รับผลกระทบจากการจับกุมมาโดยตลอด ซึ่งทางผู้ประกอบการต้องการให้รถร่วมฯ ขสมก.เลื่อนการแจ้งจับกุมออกไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเส้นทางสัมปทานรถสี่ล้อเล็กได้
“ยอมรับว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาได้กระทำผิดกฎหมายมาโดยตลอด เมื่อมีโอกาสในการได้รับสัมปทานเส้นทางที่ถูกต้องก็อยากขอความช่วยเหลือจากรถร่วมบริการ ขสมก. ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานให้โอกาสวิ่งรับส่งผู้โดยสารอีกต่อไป 6 เดือน เพื่อให้มีรายได้และหาเส้นทางควบคู่ไปด้วยกัน และหากยังไม่มีแนวทางให้ความช่วยเหลือทางผู้ประกอบการก็จะยืนยันที่จะปักหลักประท้วงต่อไป โดยอาจจะมีการกดดันด้วยการปิดถนนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล หรือเส้นทางด้านฝั่งธนบุรีต่อไป” นางมณีวรรณ กล่าว
ด้านนายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ขณะนี้การจัดระเบียบเส้นทางรถสี่ล้อเล็กมีปัญหาในกลุ่มที่เป็นเส้นทางสัมปทานของรถ ขสมก.และรถร่วมฯ ขสมก. ที่วิ่งให้บริการอยู่ ซึ่งหากต้องการจะวิ่งจะต้องเจรจากับผู้เป็นเจ้าของเส้นทาง แต่เท่าที่ได้ตรวจสอบรถร่วมฯ ขสมก.ไม่ยอมที่จะให้วิ่งในเส้นทางด้วย ดังนั้น รถสี่ล้อเล็กก็จำเป็นที่จะต้องหาเส้นทางวิ่งใหม่ ซึ่งกรมฯได้นัดประชุมร่วมกับขสมก. และรถสี่ล้อเล็กในวันที่ 15 พ.ค.นี้เพื่อกำหนดเส้นทางใหม่ ซึ่งหากผู้ประกอบการมีเส้นทางพร้อมที่จะวิ่งให้บริการ กรมฯก็พร้อมจะอนุมัติให้ทันที
“ที่ผ่านมากรมฯได้ให้เวลากับผู้ประกอบการรถสี่ล้อเล็กมาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร โดยเส้นทางจำนวน 107 เส้นทาง มีเพียง 3 สหกรณ์ที่มาแจ้งความจำนง และเท่าที่ทราบเหตุผลที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่มาแจ้งความจำนง เพราะมีกระแสข่าวว่าจะมีการผ่อนผันให้รถสี่ล้อเล็กวิ่งในเส้นทางเดิมได้ ซึ่งก็ขอยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายและถ้ายังวิ่งต่อไปก็จะต้องถูกแจ้งจับกุมทุกครั้ง”รองอธิบดีกรมขนส่งกล่าว
วานนี้ (9 พ.ค.) ตั้งแต่เวลา 03.00 น. กลุ่มผู้ประกอบการรถสี่ล้อเล็ก (ซุบารุ) กว่า 2,000 คัน ได้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เรียกร้องขอผ่อนผันการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาวิ่งทับเส้นทางสัมปทานรถของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการฯ ขสมก.ในช่วงที่กำลังจัดระเบียบเส้นทางสัมปทานรถ 4 ล้อเล็กของกรมการขนส่งทางบก
นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก, ขสมก.,รถร่วมฯขสมก.และผู้ประกอบการซูบารุ ว่า การวิ่งบริการของรถซูบารุในขณะนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการต้องยอมรับ และคงไม่สามารถผ่อนผันในประเด็นที่ผิดกฎหมายได้ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเร่งจัดเส้นทางวิ่งให้รถซูบารุแต่ละราย และให้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งแนวทางการจัดเส้นทางให้นั้น จะมีทั้งรถที่ได้วิ่งในเส้นทางเดิมต่อและได้วิ่งในเส้นทางใหม่ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งรถซูบารุต้องยอมรับข้อสรุปที่จัดเส้นทางให้เป็นระบบถูกต้องเช่นนั้นก็จะต้องถูกจับกุม ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้ เพราะรถ 4 ล้อเล็กทำผิดกฎหมาย
นางมณีวรรณ ทรัพย์รุ่งเรือง ประธานสหกรณ์ชัยโยสี่ล้อเล็ก กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการให้กระทรวงคมนาคมจัดระเบียบให้วิ่งในเส้นทางเดิมต่อไป เนื่องจากเห็นว่าเส้นทางที่จะจัดให้ใหม่นั้นไม่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังต้องการให้ยุติการจับกุมผู้ประกอบการไว้ก่อน แม้จะลดค่าปรับลงจาก 1,000 บาท เหลือ 500 บาทก็ตาม เพราะที่ผ่านมารถ สี่ล้อเล็กกว่า 6,000 คัน ได้รับผลกระทบจากการจับกุมมาโดยตลอด ซึ่งทางผู้ประกอบการต้องการให้รถร่วมฯ ขสมก.เลื่อนการแจ้งจับกุมออกไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเส้นทางสัมปทานรถสี่ล้อเล็กได้
“ยอมรับว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาได้กระทำผิดกฎหมายมาโดยตลอด เมื่อมีโอกาสในการได้รับสัมปทานเส้นทางที่ถูกต้องก็อยากขอความช่วยเหลือจากรถร่วมบริการ ขสมก. ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานให้โอกาสวิ่งรับส่งผู้โดยสารอีกต่อไป 6 เดือน เพื่อให้มีรายได้และหาเส้นทางควบคู่ไปด้วยกัน และหากยังไม่มีแนวทางให้ความช่วยเหลือทางผู้ประกอบการก็จะยืนยันที่จะปักหลักประท้วงต่อไป โดยอาจจะมีการกดดันด้วยการปิดถนนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล หรือเส้นทางด้านฝั่งธนบุรีต่อไป” นางมณีวรรณ กล่าว
ด้านนายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ขณะนี้การจัดระเบียบเส้นทางรถสี่ล้อเล็กมีปัญหาในกลุ่มที่เป็นเส้นทางสัมปทานของรถ ขสมก.และรถร่วมฯ ขสมก. ที่วิ่งให้บริการอยู่ ซึ่งหากต้องการจะวิ่งจะต้องเจรจากับผู้เป็นเจ้าของเส้นทาง แต่เท่าที่ได้ตรวจสอบรถร่วมฯ ขสมก.ไม่ยอมที่จะให้วิ่งในเส้นทางด้วย ดังนั้น รถสี่ล้อเล็กก็จำเป็นที่จะต้องหาเส้นทางวิ่งใหม่ ซึ่งกรมฯได้นัดประชุมร่วมกับขสมก. และรถสี่ล้อเล็กในวันที่ 15 พ.ค.นี้เพื่อกำหนดเส้นทางใหม่ ซึ่งหากผู้ประกอบการมีเส้นทางพร้อมที่จะวิ่งให้บริการ กรมฯก็พร้อมจะอนุมัติให้ทันที
“ที่ผ่านมากรมฯได้ให้เวลากับผู้ประกอบการรถสี่ล้อเล็กมาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร โดยเส้นทางจำนวน 107 เส้นทาง มีเพียง 3 สหกรณ์ที่มาแจ้งความจำนง และเท่าที่ทราบเหตุผลที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่มาแจ้งความจำนง เพราะมีกระแสข่าวว่าจะมีการผ่อนผันให้รถสี่ล้อเล็กวิ่งในเส้นทางเดิมได้ ซึ่งก็ขอยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายและถ้ายังวิ่งต่อไปก็จะต้องถูกแจ้งจับกุมทุกครั้ง”รองอธิบดีกรมขนส่งกล่าว