xs
xsm
sm
md
lg

สั่งอุทธรณ์คดีแอร์สาวค้านโทษให้รอจำคุกซี 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - อัยการเตรียมยื่นอุทธรณ์คดีข้าราชการซี 8 ประธานบริษัทสาหร่ายสไปรูลิน่า อนาจารพนักงานต้อนรับสายการบินไทย ในประเด็นรอจำคุก ระบุเป็นถึงข้าราชการระดันสูง และเคยรับเครื่องราชฯ ควรยับยั้งชั่งใจได้มากกว่าบุคคลทั่วไป

วานนี้ (4 พ.ค.) นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษาในคดี ที่นายชาญชัย พิจิตรภักดีกุล อดีตข้าราชการระดับ 8 กรมทางหลวง และประธานบริษัท แอดวานซ์ สไปรูลินา ไบโอเทคโนโลยี จำกัด จำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารกับผู้หญิงอายุกว่า 15 ปี หลังจากได้จับหน้าอกแอร์โฮสเตสสายการบินไทย และผู้โดยสารในเครื่องบิน โดยลงโทษให้จำคุกเป็นเวลา 15 เดือน ปรับ 15,000 บาท ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นั้น

นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดอัยการสูงสุด มีความเห็นว่าการที่นายชาญชัยกระทำความผิดในอากาศยานไทย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรด้วยการลวนลามจับมือ บีบหน้าอก ลูบสะโพกและต้นขานั้น เป็นการกระทำความผิดในการล่วงละเมิดทางเพศแก่สตรี เป็นการฉวยโอกาส ไม่เหมาะสม ซึ่งศาลได้พิพากษาให้รอการลงโทษนั้น อัยการสูงสุดไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายชาญชัย เป็นถึงข้าราชการระดับสูง เคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาแล้ว ควรยับยั้งชั่งใจมากกว่าบุคคลทั่วไป ไม่ควรที่จะได้รับโอกาสถึงขนาดให้รอการลงโทษจำคุก เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่ผู้อื่นอัยการสูงสุด จึงมีคำสั่งให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง พิจารณาอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญา ในประเด็นรอการลงโทษ

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมาอัยการสูงสุดเคยเสนอต่อคณะกรรมการบริหารบริษัทการบินไทยมาตลอดว่า ต้องมีการประกาศเตือนผู้โดยสารถึงการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้โดยสารด้วยกัน หรือต่อพนักงานบริการ เป็นความผิดที่รุนแรงและต้องได้รับโทษในราชอาณาจักร ทั้งให้ถือว่าการประกาศดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำแนะนำในการโดยสารเครื่องบินเพื่อเป็นการคุ้มครองสตรีเพศ

คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2546 ขณะที่ น.ส.ชุติพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 แอร์โฮสเตสประจำสายการบินไทย โจทก์ร่วม กำลังให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารที่เดินทางโดยเที่ยวบินที่ TG-517 ออกเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ถูกนายชาญชัย จำเลย โดยขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท แอดวานซ์ สไปรูลิน่า ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากสาหร่ายสไปรูลิน่า เรียกหาพนักงานต้อนรับให้ไปเสิร์ฟสุราหลายครั้ง ขณะที่ น.ส.ชุติพร ผู้เสียหายกำลังโน้มตัวไปเก็บถาดอาหารใกล้ที่นั่งนายชาญชัย จึงถูกจำเลยลวนลามด้วยการจับมือและบีบหน้าอก ผู้เสียหายตกใจและได้ตักเตือนจำเลย

นอกจากนี้ ในเที่ยวบินเดียวกัน จำเลยยังได้ลวนลาม นางอภิรดี (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.พรรณสิยา (ขอสงวนนามสกุล) ผู้โดยสารอีกด้วย ขณะที่เดินสวนกันระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ โดยจำเลยใช้มือจับและลูบบริเวณตะโพกและต้นขาของผู้เสียหาย จนผู้เสียหายต้องแจ้งเรื่องดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ของสายการบินทราบ และเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับจำเลยหลังเดินทางกลับประเทศไทย โดยจำเลยได้ให้การปฏิเสธมาตลอด

โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย เบิกความสอดคล้องกัน ยืนยันว่าถูกจำเลยลวนลามจริง อีกทั้งฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นสุภาพสตรี ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริงคงไม่นำเรื่องมาฟ้องร้อง ส่วนการที่นายชาญชัยอ้างว่าเป็นคนรูปร่างใหญ่แต่เก้าอี้โดยสารมีขนาดเล็กอาจทำให้แขนยื่นออกมาจนไปถูกตัวผู้เสียหายได้นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะจำเลยไม่ได้ให้การในเรื่องนี้ในชั้นสอบสวน ซึ่งไม่มีเหตุที่จำเลยจะปกปิดคำให้การในชั้นสอบสวน จึงเชื่อว่านายชาญชัยกระทำผิดจริงตามฟ้อง

จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลัง ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 เดือน ปรับ 5,000 บาท รวม 3 กระทง รวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 15 เดือน ปรับ 15,000 บาท แต่เนื่องจากนายชาญชัย เคยรับราชการประกอบคุณงามความดีมาก่อนจนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น