xs
xsm
sm
md
lg

ผุดส.อี-คอมเมิร์ซรับน้ำมันพุ่ง เร่งบูมซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ รับอานิสงส์น้ำมันแพง หลังภาครัฐดันธุรกิจเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ ลดคนไทยเดินทางชอปปิ้ง ผุดสมาคมอี-คอมเมิร์ซไทยขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง-ความน่าเชื่อถือธุรกิจ เพิ่มอำนาจต่อรองลดค่าขนส่ง หวังเป็นจุดแข็งสร้างพฤติกรรมคนไทยหันซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต

นายวรวุฒิ อุ่นใจ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องเขียน สำนักงาน คอมพิวเตอร์ฯผ่านระบบแค็ตตาล็อกและอินเทอร์เนต เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเมือง อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ค่าครองชีพสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าการเดินทางต่อวัน ดังนั้นภาครัฐมีแผนที่จะดันให้ธุรกิจอี-คอม เมิร์ซ ให้เป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อทำให้คนไม่ต้องเดินทางไปซื้อสินค้า แต่ปัจจุบันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยยังไม่แข็งแรงและมีจุดอ่อนด้วยกันหลายประการ
ล่าสุดบริษัทฯและกลุ่มผู้ประกอบการได้รวมตัวกัน เพื่อจัดตั้งสมาคมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยขึ้นมา โดยมีนายสหัสตรี ทิพยบุตร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เป็นนายกสมาคมฯ โดยสมาคมฯมีวัตถุประสงค์ เพื่อรวมตัวผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ์ให้มีความแข็งแกร่งและผลักดันให้ธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโต และได้รับการยอมรับจากพฤติกรรมของผู้บริโภคไทย จากปัจจุบันนี้มีสมาชิก 100 รายเท่านั้น โดยบทบาทของทางสมาคมฯ ประการแรก ผลักดันอัตราค่าขนส่งให้น้อยลง โดยเจรจาร่วมกับไปรษณีย์ไทย เนื่องจากพบว่าสาเหตุหลักที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไม่แพร่หลาย เพราะค่าขนส่งมีราคาแพง 15% เมื่อเทียบกับต่างประเทศคิดในอัตราเพียง 5-10%
นอกจากนี้บทบาทสมาคมฯยังได้พัฒนาองค์ความรู้ของธุรกิจ เตรียมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเวปไซต์สมาชิก ด้วยการนำตราสัญลักษณ์ที่ผ่านการกลั่นกลองจากกระทรวงพาณิชย์มาติดบนเวปไซต์ ซึ่งทางสมาชิกฯจะได้รับเร็วกว่า ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้ทางสมาคมฯจะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 3,000 ราย อย่างไรก็ตามปัจจุบันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายและไม่ได้รับการตอบรับมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ การการันตีสินค้าไม่มี ค่าขนส่งแพง โดยขณะนี้แนวโน้มการสั่งซื้อสินค้าของคนไทยยังอยู่ในขั้นแรก คือ ผ่านแคตตาล็อกถึง 90% ส่วน 10% เป็นผ่านอี-คอมเมิร์ซ  
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประมาณการณ์รายได้บริษัทฯจนถึงสิ้นปีนี้เป็นไปแบบระมัดระวัง โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมที่ 850 ล้านบาท หรือเติบโต 20% ขณะที่ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 700 ล้านบาท เติบโต 40% แบ่งเป็นรายได้จากการสั่งซื้อสินค้าผ่านแคตตาล็อก 90% และอินเตอร์เน็ต 10% อย่างไรก็ตามหากไม่มีปัจจัยลบต่างๆเข้ามา บริษัทฯคาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1,000ล้านบาท ส่วนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ราย จากปัจจุบันที่ 45,000 ราย
สำหรับการขยายตัวของตลาดอุปกรณ์สำนักงานจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวม 20,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้มีปัจจัยที่น่าเป็นกังวลหลายด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองที่ไม่ชัดเจน ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐซึ่งถือเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายของบริษัทชะลอแผนงานลง รวมถึงโครงการเมกะโปรเจคต์ต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง โดยลูกค้าบริษัทเฉลี่ยการซื้อที่ 2.2 ครั้งต่อเดือน ยอดการสั่งซื้อที่ 3,500 บาทต่อครั้ง แต่มองว่าผลกระทบจะชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคจะชะลอตัวลง
ในระยะ 1-2 ปีจากนี้บริษัทฯยังเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากปัจจุบันที่ 10 ล้านบาท อีกประมาณ 50-60 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทที่ปรึกษา ทั้งนี้แผนการลงทุนดังกล่าวเพื่อเตรียมขยายเข้าไปทำตลาดต่างประเทศในแถบเอเชีย โดยการเข้าไปจัดตั้งสำนักงานพร้อมกับการขายสินค้าผ่านแคตตาล็อกและอินเตอร์เน็ตในภาษาของแต่ละประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น