ผู้จัดการรายวัน - คาราวานรถอีแต๋นเชลียร์ “ทักษิณ” เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปที่พิพิธภัณฑ์เกษตรนวนคร โดยระหว่างทาง “แม้ว-ลูกโอ๊ค” พร้อมขันที ยืนท้ายรถปิกอัพ ร่วมทักทายและรับดอกกุหลาบจากม็อบอีแต๋น ร่วม 10 กม. ก่อนมุ่งหน้ากลับกทม.ขณะที่ม็อบรถอีแต๋นเตรียมเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพฯวันนี้
วานนี้ (16 มี.ค.) กลุ่มประชาชนจากภาคเหนือในนามคาราวานคนจน และกลุ่มเกษตรกรจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เดินทางมาด้วยรถอีแต๋น ได้รวมกลุ่มกันและได้พักค้างคืนที่บริเวณร้านอาหารบัวชม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนเคลื่อ ขบวนมุ่งหน้าไปที่พิพิธภัณฑ์เกษตรนวนคร ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร โดยแกนนำกลุ่ม กล่าวว่า คาราวานที่เดินทางมาจากหลายพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน จะหารือร่วมกันอีกครั้งในช่วงเย็นวานนี้ ว่าจะเดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ในเบื้องต้นต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าจะมีเหตุรุนแรงหรือไม่ หากคาดว่าจะมีการเผชิญหน้ากันก็จะไม่เดินเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา เข้ากรุงเทพฯ ได้แวะทักทายกับกลุ่มผู้ชุมนุมรถอีแต๋นที่สนับสนุนนายกฯ ที่หน้า สภอ.วังน้อย โดยนายกฯได้ขึ้นรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ลฮ-9346 พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย, นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช คอยประสานงานด้านล่าง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถทักทายและจับมือกลุ่มผู้ชุมนุมท่ามกลางเสียงตะโกนนายกฯ สู้ๆ และมอบกุหลาบให้กำลังใจแก่นายกฯ นอกจากนี้นายกฯยังทักทายกลุ่มชุมนุมที่เดินทางเท้าระยะทาง 10 กม. ก่อนมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาราวานทัพอีแต๋น เมื่อเดินทางถึงประตูน้ำพระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว และจะไปปักหลักที่สหกรณ์นิคมคลองหลวง โดยข้างรถมีข้อความเรียกร้องสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เช่น ็ไม่มีใครเหมาะสมเท่านายกทักษิณิ ็กองทัพประชาชนคนเชียงรายสนับสนุนนายกิ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่คอยรักษาความปลอดภัย ขณะที่ตำรวจทางหลวงกระจายกำลังกันอยู่เป็นระยะๆ เพื่อดูแลขบวนคาราวานสำหรับขบวนรถอีแต๋น ด้านหน้าจะมีรถปิกอัพ และรถบรรทุก 6 ล้อ นำขบวนไปก่อน จากนั้นจะเป็นขบวนรถอีแต๋น ขับมาหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ในช่องซ้ายสุด และเปิดไฟหน้ารถทุกคัน โดยตลอดเส้นทาง มีชาวบ้านออกมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ขับรถอีแต๋น
ด้านนายเกษม นันชัย ประธานกลุ่มม็อบอีแต๋นภาคเหนือ เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มพลังประชาชนจากภาคเหนือและภาคอีสานได้มารวมตัวกันที่ อ.วังน้อย จ.พระนครรีอยุธยา และได้มีการประชุมหารือกันในกลุ่มของแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย โดยที่ประชุมมีมติว่าจะทำการเดินเท้าจาก อ.วังน้อย เข้า จ.ปทุมธานี โดยรูปแบบของขบวน คือ ให้ประชาชนจากภาคอีสานเดินนำหน้าขบวน ตามด้วยขบวนรถอีแต๋นและรถกระบะของภาคอีสาน ก่อนปิดท้ายด้วยขบวนรถอีแต๋นของภาคเหนือ
ทั้งนี้เพราะอยากให้มีความเป็นระเบียบและง่ายต่อการควบคุมที่สุด โดยทราบว่าระหว่างการเดินทางพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาเยี่ยม พบปะ ทักทายกลุ่มพลังประชาชนและจะนั่งรถอีแต๋นร่วมขบวนด้วยแต่คาดว่าคงจะใช้เวลาไม่มาก ซึ่งการเดินทางจะเป็นไปโดยสงบและสันติ
จากนั้นจะได้มีการประชุมสรุปหารือแนวทางกันอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจจะตั้งเวทีปราศรัยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะเน้นการบริหารงานและนโยบายของพรรครัฐบาลเป็นหลัก จะไม่มีการกล่าวโจมตีหรือเสียดสีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นอันขาด และจะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
นายเกษม ยังยืนยันเจตนารมย์ในเดินทางมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า เพื่อให้ต่อสู้และเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และต้องการให้เหตุการณ์เข้าสู่ความสงบ เกิดความสามัคคีปรองดองในชาติ พร้อมแสดงจุดยืนและบอกกับคนทั้งประเทศว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายโดยรวม พวกเราเป็นคนรากหญ้า ก็หวังดีต่อชาติ ต้องการจะให้นักวิชาการ ผู้ใหญ่ ช่วยกันหาทางออก ไม่ให้เกิดความรุนแรง
ด้านนายคำตา แคนบุญจันทร์ เลขาธิการคาราวานคนจน กล่าวว่า การเปิดเวทีพูดคุยจะไม่พาดพิงถึงกลุ่มใด และไม่ใช้ถ้อยคำก้าวร้าวรุนแรง ขณะที่นางเตือนใจ สมมาตร แกนนำจากจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า คาราวานคนจนที่เดินทางมาครั้งนี้ มีชาวบุรีรัมย์มากที่สุด รองลงมาคือ จ.สุรินทร์ ยืนยันว่ามาด้วยความสมัครใจ ไม่มีการว่าจ้าง เหตุผลเพราะต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับคนจน ตนเดินทางร่วมกับคาราวานรวม 17 วัน แล้ว เดินเฉลี่ยวันละ 10 กิโลเมตร เดินจนเท้าพอง บางช่วงก็นั่งรถ เพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไป
วานนี้ (16 มี.ค.) กลุ่มประชาชนจากภาคเหนือในนามคาราวานคนจน และกลุ่มเกษตรกรจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เดินทางมาด้วยรถอีแต๋น ได้รวมกลุ่มกันและได้พักค้างคืนที่บริเวณร้านอาหารบัวชม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนเคลื่อ ขบวนมุ่งหน้าไปที่พิพิธภัณฑ์เกษตรนวนคร ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร โดยแกนนำกลุ่ม กล่าวว่า คาราวานที่เดินทางมาจากหลายพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน จะหารือร่วมกันอีกครั้งในช่วงเย็นวานนี้ ว่าจะเดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ในเบื้องต้นต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าจะมีเหตุรุนแรงหรือไม่ หากคาดว่าจะมีการเผชิญหน้ากันก็จะไม่เดินเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา เข้ากรุงเทพฯ ได้แวะทักทายกับกลุ่มผู้ชุมนุมรถอีแต๋นที่สนับสนุนนายกฯ ที่หน้า สภอ.วังน้อย โดยนายกฯได้ขึ้นรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ลฮ-9346 พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย, นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช คอยประสานงานด้านล่าง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถทักทายและจับมือกลุ่มผู้ชุมนุมท่ามกลางเสียงตะโกนนายกฯ สู้ๆ และมอบกุหลาบให้กำลังใจแก่นายกฯ นอกจากนี้นายกฯยังทักทายกลุ่มชุมนุมที่เดินทางเท้าระยะทาง 10 กม. ก่อนมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาราวานทัพอีแต๋น เมื่อเดินทางถึงประตูน้ำพระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว และจะไปปักหลักที่สหกรณ์นิคมคลองหลวง โดยข้างรถมีข้อความเรียกร้องสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เช่น ็ไม่มีใครเหมาะสมเท่านายกทักษิณิ ็กองทัพประชาชนคนเชียงรายสนับสนุนนายกิ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่คอยรักษาความปลอดภัย ขณะที่ตำรวจทางหลวงกระจายกำลังกันอยู่เป็นระยะๆ เพื่อดูแลขบวนคาราวานสำหรับขบวนรถอีแต๋น ด้านหน้าจะมีรถปิกอัพ และรถบรรทุก 6 ล้อ นำขบวนไปก่อน จากนั้นจะเป็นขบวนรถอีแต๋น ขับมาหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ในช่องซ้ายสุด และเปิดไฟหน้ารถทุกคัน โดยตลอดเส้นทาง มีชาวบ้านออกมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ขับรถอีแต๋น
ด้านนายเกษม นันชัย ประธานกลุ่มม็อบอีแต๋นภาคเหนือ เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มพลังประชาชนจากภาคเหนือและภาคอีสานได้มารวมตัวกันที่ อ.วังน้อย จ.พระนครรีอยุธยา และได้มีการประชุมหารือกันในกลุ่มของแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย โดยที่ประชุมมีมติว่าจะทำการเดินเท้าจาก อ.วังน้อย เข้า จ.ปทุมธานี โดยรูปแบบของขบวน คือ ให้ประชาชนจากภาคอีสานเดินนำหน้าขบวน ตามด้วยขบวนรถอีแต๋นและรถกระบะของภาคอีสาน ก่อนปิดท้ายด้วยขบวนรถอีแต๋นของภาคเหนือ
ทั้งนี้เพราะอยากให้มีความเป็นระเบียบและง่ายต่อการควบคุมที่สุด โดยทราบว่าระหว่างการเดินทางพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาเยี่ยม พบปะ ทักทายกลุ่มพลังประชาชนและจะนั่งรถอีแต๋นร่วมขบวนด้วยแต่คาดว่าคงจะใช้เวลาไม่มาก ซึ่งการเดินทางจะเป็นไปโดยสงบและสันติ
จากนั้นจะได้มีการประชุมสรุปหารือแนวทางกันอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจจะตั้งเวทีปราศรัยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะเน้นการบริหารงานและนโยบายของพรรครัฐบาลเป็นหลัก จะไม่มีการกล่าวโจมตีหรือเสียดสีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นอันขาด และจะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
นายเกษม ยังยืนยันเจตนารมย์ในเดินทางมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า เพื่อให้ต่อสู้และเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และต้องการให้เหตุการณ์เข้าสู่ความสงบ เกิดความสามัคคีปรองดองในชาติ พร้อมแสดงจุดยืนและบอกกับคนทั้งประเทศว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายโดยรวม พวกเราเป็นคนรากหญ้า ก็หวังดีต่อชาติ ต้องการจะให้นักวิชาการ ผู้ใหญ่ ช่วยกันหาทางออก ไม่ให้เกิดความรุนแรง
ด้านนายคำตา แคนบุญจันทร์ เลขาธิการคาราวานคนจน กล่าวว่า การเปิดเวทีพูดคุยจะไม่พาดพิงถึงกลุ่มใด และไม่ใช้ถ้อยคำก้าวร้าวรุนแรง ขณะที่นางเตือนใจ สมมาตร แกนนำจากจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า คาราวานคนจนที่เดินทางมาครั้งนี้ มีชาวบุรีรัมย์มากที่สุด รองลงมาคือ จ.สุรินทร์ ยืนยันว่ามาด้วยความสมัครใจ ไม่มีการว่าจ้าง เหตุผลเพราะต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับคนจน ตนเดินทางร่วมกับคาราวานรวม 17 วัน แล้ว เดินเฉลี่ยวันละ 10 กิโลเมตร เดินจนเท้าพอง บางช่วงก็นั่งรถ เพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไป