จาก 2 มี.ค.49 มาถึงวานนี้ (12 มี.ค.) ที่กองทัพอีแต๋นเชียร์ "แม้ว"เริ่มเคลื่อนพลจากพรมแดนแม่สาย จ.เชียงราย เรื่อยมาผ่านพะเยา ลำปาง ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ และล่าสุดเข้าพักค้างแรมอีกคืนหนึ่งที่อุทัยธานี รวมระยะเวลาเดินทัพแล้ว 11 วัน ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วงมกดดันการเคลื่อนไหวของเครือข่ายประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อไปนั้น
ท่ามกลางผู้คนในขบวนที่เพิ่มจำนวนจากเรือน 10 เป็นร้อยเป็นพันและล่าสุดมียอดคนเข้าร่วมขบวนแล้วร่วม 2,000 กว่าคน รถอีแต๋น-ปิคอัพ อีกราว ๆ 300 กว่าคันเริ่มปรากฏเสียงร่ำร้องของคนที่อยากกลับบ้านขึ้น หลังจากที่ต้องรอนแรมกันมานานถึง 11 วันแล้ว
รวมทั้งเริ่มมีรถอีแต๋นพังแล้ว พังอีกต้องซ่อมแซมกันตลอดทางไม่น้อยกว่า 10 คัน เครื่องแตกจนต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์เก่าทิ้งอีก 1 คัน โดยซื้อเครื่องยันมาร์มือ 2 ราคาประมาณ 10,000 กว่าบาทมาเปลี่ยนระหว่างทาง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มี.ค.49 ขบวนอีแต๋นเชียร์ "แม้ว" ที่เดินทางจากโรงเรียนวัดสันติธรรม หมู่ที่ 3 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในช่วงเช้าได้เดินทางมาถึงโรงเรียนอุทัยวิทยาคม อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยทันทีที่มาถึงคณะได้จัดรูปขบวนปักหลักเพื่อพักแรมรอบๆ สนามฟุตบอล ในโรงเรียน และบางส่วนได้แยกตัวแห่โฆษณารอบๆ ตัวเมืองอุทัยธานี แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากประชาชนเท่าที่ควร เนื่องเพราะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว
โดยทางโรงเรียนอุทัยวิทยาคม ได้แจ้งประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงภาคพิเศษของสำนักงานเทศบาลเมืองอุทัยธานีว่า วานนี้ (12) โรงเรียนอุทัยฯที่ขบวนรถอีแต๋นเชียร์นายกฯทักษิณ ได้ของดให้บริการสระว่ายน้ำเป็นเวลา 1 วัน โดยอ้างว่า เกิดเหตุขัดข้องขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของขบวนรถอีแต๋นที่ถึงที่หมายแล้วต่างแยกย้ายกันพักผ่อน และหลบร้อนตามร่มไม้ โดยบรรดาพ่อครัวแม่ครัว ได้เตรียมอาหาร ทำกับข้าว ซึ่งแกนนำได้นำอาหารสด อาทิ เนื้อ และผัก มาแจกจ่ายแก่กลุ่มต่างๆ นำเป็นอาหารมื้อเย็นนี้ แต่ก็มีบางคนใช้เวลาว่างระหว่างรอให้พ้นเย็น ไปหาปลาและผัก ในหนองน้ำหลังโรงเรียนคร่าเวลาไปพลางๆ
ชาวบ้านรายหนึ่งที่เดินทางมาจาก จ.พะเยา (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจาก จ.พะเยา ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.49 โดยนำรถอีแต๋น 5 คันและชาวบ้านอีกประมาณ 10 กว่าคนเข้าร่วมขบวนเพื่อเดินทางมาให้กำลัง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จากคำชักชวนของแกนนำคนหนึ่ง
โดยตอนแรกได้บอกกับกลุ่มตนเองว่าจะเดินทางมาประมาณ 10 วัน แต่จนถึงขณะนี้ล่วงเลยมาแล้วกว่า 10 วัน ทำให้ชาวบ้านหลายคนรู้สึกเบื่อหน่ายและอยากกลับบ้าน เนื่องจากยังมีภาระ และงานอีกมากที่บ้านรออยู่ ซึ่งบางคนได้เดินทางกลับไปแล้ว ส่วนตนเองไม่สามารถกลับบ้านได้เนื่องจากนำรถอีแต๋นเข้าร่วมขบวน หากกลับบ้านก็เป็นห่วงรถอีแต๋น
"เดิมที่กำหนดว่าเดินทางมา 10 วัน แต่เท่าที่ทราบอาจจะอยู่ถึงวันที่ 18 มี.ค.49 ทำให้หลายคนคิดถึงบ้านและเริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านแล้ว ซึ่งตนก็คิดถึงบ้านเหมือนกัน ภรรยาจะโทร.หาทุกวันว่าเมื่อไหร่จะกลับ เพราะที่บ้านมีงานรออยู่อีกมาก หากกลับตอนนี้ก็เป็นห่วงรถอีแต๋นไม่มีคนขับ หรือหากขับรถกลับเองก็หวั่นว่าจะเสียระหว่างทาง ดังนั้น จึงจำใจเดินทางต่อไปอย่างเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว" ชาวบ้านเจ้าของรถอีแต๋นคันดังกล่าวบอก
ขณะที่ชาวบ้านอีกรายกล่าวในทำนองเดียวกันว่า อยากให้เหตุการณ์ทั้งหมดยุติลงเสียที เพราะพวกตนต้องกลับบ้านไปทำงาน หาเลี้ยงครอบครัวซึ่งยังไม่ทราบว่าจะได้กลับเมื่อไร่ หากกลับตอนนี้ก็ยังไม่ได้เบี้ยเลี้ยงที่ทางแกนนำบอกว่าจะให้ตอนเสร็จงาน
"หากกลับตอนนี้ก็กลัวว่าจะไม่ได้เบี้ยเลี้ยง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเงินกี่บาท ดังนั้น จึงจำใจต้องเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่อยากกลับบ้านเหลือเกิน"ชาวบ้านคนเดิมกล่าว
ด้านชาวบ้านจาก อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เล่าถึงสาเหตุที่เดินทางมาร่วมม็อบในครั้งนี้ว่า ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงปัจจุบันอายุเกือบ 60 ปีแล้วยังไม่เคยเดินทางมากรุงเทพฯ เลย ดังนั้น เมื่อมีคนมาชักชวนจึงถือโอกาสเดินทางมาด้วย ซึ่งไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้
"ยอมรับว่าอยากกลับบ้านเหมือนกัน เพราะจากบ้านมาหลายวันแล้ว แต่ใจหนึ่งก็อยากเห็นกรุงเทพฯสักครั้งหนึ่ง ในชีวิตว่าจะเหมือนดังที่คิดหรือไม่ ส่วนที่มีข่าวว่าได้รับเงินว่าจ้างนั้นผมไม่สนใจขอเพียงได้เห็นกรุงเทพฯ สักครั้งก็พอ" ชาวบ้านคนเดิม กล่าว
สำหรับเส้นทางเดินทัพของขบวนรถอีแต๋นเชียร์ "ทักษิณ" จากภาคเหนือหลังจากนี้จะมุ่งหน้าเข้า จ.สิงห์บุรี ก่อนที่จะสมทบกับขบวนทัพเท้าเปล่าจากภาคอีสานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งมวลชนสมทบระลอกที่ 2 จาก จ.เชียงราย พะเยา ลำปาง ฯลฯ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมวลชนของเครือข่ายเหล้าพื้นบ้านแห่งประเทศไทย (สายเหยี่ยว: สัญลักษณ์นก 5 ตัว) ที่จะเดินทางมาสมทบที่ จ.พระนครศรีอยุธยาอีก ส่วนมวลชนสมทบระลอกที่ 3 จะเข้าไปสมทบที่กรุงเทพฯ ในวันที่ขบวนรถอีแต๋นฯ เดินทางถึงกรุงเทพฯแล้วอีกส่วนหนึ่งด้วย
ท่ามกลางผู้คนในขบวนที่เพิ่มจำนวนจากเรือน 10 เป็นร้อยเป็นพันและล่าสุดมียอดคนเข้าร่วมขบวนแล้วร่วม 2,000 กว่าคน รถอีแต๋น-ปิคอัพ อีกราว ๆ 300 กว่าคันเริ่มปรากฏเสียงร่ำร้องของคนที่อยากกลับบ้านขึ้น หลังจากที่ต้องรอนแรมกันมานานถึง 11 วันแล้ว
รวมทั้งเริ่มมีรถอีแต๋นพังแล้ว พังอีกต้องซ่อมแซมกันตลอดทางไม่น้อยกว่า 10 คัน เครื่องแตกจนต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์เก่าทิ้งอีก 1 คัน โดยซื้อเครื่องยันมาร์มือ 2 ราคาประมาณ 10,000 กว่าบาทมาเปลี่ยนระหว่างทาง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มี.ค.49 ขบวนอีแต๋นเชียร์ "แม้ว" ที่เดินทางจากโรงเรียนวัดสันติธรรม หมู่ที่ 3 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในช่วงเช้าได้เดินทางมาถึงโรงเรียนอุทัยวิทยาคม อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยทันทีที่มาถึงคณะได้จัดรูปขบวนปักหลักเพื่อพักแรมรอบๆ สนามฟุตบอล ในโรงเรียน และบางส่วนได้แยกตัวแห่โฆษณารอบๆ ตัวเมืองอุทัยธานี แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากประชาชนเท่าที่ควร เนื่องเพราะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว
โดยทางโรงเรียนอุทัยวิทยาคม ได้แจ้งประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงภาคพิเศษของสำนักงานเทศบาลเมืองอุทัยธานีว่า วานนี้ (12) โรงเรียนอุทัยฯที่ขบวนรถอีแต๋นเชียร์นายกฯทักษิณ ได้ของดให้บริการสระว่ายน้ำเป็นเวลา 1 วัน โดยอ้างว่า เกิดเหตุขัดข้องขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของขบวนรถอีแต๋นที่ถึงที่หมายแล้วต่างแยกย้ายกันพักผ่อน และหลบร้อนตามร่มไม้ โดยบรรดาพ่อครัวแม่ครัว ได้เตรียมอาหาร ทำกับข้าว ซึ่งแกนนำได้นำอาหารสด อาทิ เนื้อ และผัก มาแจกจ่ายแก่กลุ่มต่างๆ นำเป็นอาหารมื้อเย็นนี้ แต่ก็มีบางคนใช้เวลาว่างระหว่างรอให้พ้นเย็น ไปหาปลาและผัก ในหนองน้ำหลังโรงเรียนคร่าเวลาไปพลางๆ
ชาวบ้านรายหนึ่งที่เดินทางมาจาก จ.พะเยา (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจาก จ.พะเยา ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.49 โดยนำรถอีแต๋น 5 คันและชาวบ้านอีกประมาณ 10 กว่าคนเข้าร่วมขบวนเพื่อเดินทางมาให้กำลัง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จากคำชักชวนของแกนนำคนหนึ่ง
โดยตอนแรกได้บอกกับกลุ่มตนเองว่าจะเดินทางมาประมาณ 10 วัน แต่จนถึงขณะนี้ล่วงเลยมาแล้วกว่า 10 วัน ทำให้ชาวบ้านหลายคนรู้สึกเบื่อหน่ายและอยากกลับบ้าน เนื่องจากยังมีภาระ และงานอีกมากที่บ้านรออยู่ ซึ่งบางคนได้เดินทางกลับไปแล้ว ส่วนตนเองไม่สามารถกลับบ้านได้เนื่องจากนำรถอีแต๋นเข้าร่วมขบวน หากกลับบ้านก็เป็นห่วงรถอีแต๋น
"เดิมที่กำหนดว่าเดินทางมา 10 วัน แต่เท่าที่ทราบอาจจะอยู่ถึงวันที่ 18 มี.ค.49 ทำให้หลายคนคิดถึงบ้านและเริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านแล้ว ซึ่งตนก็คิดถึงบ้านเหมือนกัน ภรรยาจะโทร.หาทุกวันว่าเมื่อไหร่จะกลับ เพราะที่บ้านมีงานรออยู่อีกมาก หากกลับตอนนี้ก็เป็นห่วงรถอีแต๋นไม่มีคนขับ หรือหากขับรถกลับเองก็หวั่นว่าจะเสียระหว่างทาง ดังนั้น จึงจำใจเดินทางต่อไปอย่างเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว" ชาวบ้านเจ้าของรถอีแต๋นคันดังกล่าวบอก
ขณะที่ชาวบ้านอีกรายกล่าวในทำนองเดียวกันว่า อยากให้เหตุการณ์ทั้งหมดยุติลงเสียที เพราะพวกตนต้องกลับบ้านไปทำงาน หาเลี้ยงครอบครัวซึ่งยังไม่ทราบว่าจะได้กลับเมื่อไร่ หากกลับตอนนี้ก็ยังไม่ได้เบี้ยเลี้ยงที่ทางแกนนำบอกว่าจะให้ตอนเสร็จงาน
"หากกลับตอนนี้ก็กลัวว่าจะไม่ได้เบี้ยเลี้ยง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเงินกี่บาท ดังนั้น จึงจำใจต้องเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่อยากกลับบ้านเหลือเกิน"ชาวบ้านคนเดิมกล่าว
ด้านชาวบ้านจาก อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เล่าถึงสาเหตุที่เดินทางมาร่วมม็อบในครั้งนี้ว่า ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงปัจจุบันอายุเกือบ 60 ปีแล้วยังไม่เคยเดินทางมากรุงเทพฯ เลย ดังนั้น เมื่อมีคนมาชักชวนจึงถือโอกาสเดินทางมาด้วย ซึ่งไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้
"ยอมรับว่าอยากกลับบ้านเหมือนกัน เพราะจากบ้านมาหลายวันแล้ว แต่ใจหนึ่งก็อยากเห็นกรุงเทพฯสักครั้งหนึ่ง ในชีวิตว่าจะเหมือนดังที่คิดหรือไม่ ส่วนที่มีข่าวว่าได้รับเงินว่าจ้างนั้นผมไม่สนใจขอเพียงได้เห็นกรุงเทพฯ สักครั้งก็พอ" ชาวบ้านคนเดิม กล่าว
สำหรับเส้นทางเดินทัพของขบวนรถอีแต๋นเชียร์ "ทักษิณ" จากภาคเหนือหลังจากนี้จะมุ่งหน้าเข้า จ.สิงห์บุรี ก่อนที่จะสมทบกับขบวนทัพเท้าเปล่าจากภาคอีสานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งมวลชนสมทบระลอกที่ 2 จาก จ.เชียงราย พะเยา ลำปาง ฯลฯ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมวลชนของเครือข่ายเหล้าพื้นบ้านแห่งประเทศไทย (สายเหยี่ยว: สัญลักษณ์นก 5 ตัว) ที่จะเดินทางมาสมทบที่ จ.พระนครศรีอยุธยาอีก ส่วนมวลชนสมทบระลอกที่ 3 จะเข้าไปสมทบที่กรุงเทพฯ ในวันที่ขบวนรถอีแต๋นฯ เดินทางถึงกรุงเทพฯแล้วอีกส่วนหนึ่งด้วย