ทีวี ไดเร็ค ฉวยโอกาสเจ้าของสินค้าต้องการปั๊มยอดมากกว่าสร้างการรับรู้ ขยายช่องทางโฆษณา อ้าแขนรับเจ้าของสินค้าต้องการขายสินค้าตรง นำร่องผ่านภาพยนตร์จีน“ฟ้านี้ลิขิตรัก” ทางไอทีวี และช่องทาง 9 ดอดจีบธุรกิจคอนซูเมอร์-อิเลคทรอนิกส์ทดลอง ลั่นอนาคตผุดรายการสดขายสินค้า สิ้นปีกวาดรายได้ 1,000 ล้านบาท
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแบบตรงผ่านสื่อโทรทัศน์ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มช่องทางโฆษณาใหม่ โดยนำโมเดลการขายสินค้าผ่านสื่อโฆษณาโทรทัศน์ ที่ใช้กับสินค้าของทีวี ไดเร็ค เปิดกว้างให้กับกลุ่มสินค้าอื่นๆทั่วไปที่ต้องการโฆษณาขายสินค้าในลักษณะดังกล่าว โดยรูปแบบสปอตโฆษณาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดขึ้นอยู่กับเจ้าของสินค้า ซึ่งสื่อรูปแบบนี้จะเน้นผลตอบรับทางยอดขาย แตกต่างจากโฆษณาในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะช่วยการสร้างการรับรู้มากกว่า
ปีนี้การทำตลาดจะต้องมีการทดลองอีกมาก เพราะแมสมีเดียเปลี่ยนไปไปมีความหลากหลายมากขึ้น การบริหารสื่อโฆษณาจะต้องโดนใจคนดู หรือเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงลงไป การเหวี่ยงแหโดยการทำโฆษณาแมสได้ผลการตอบรับน้อย นอกจากนี้บริษัทยังมีแนวคิดที่จะทำรูปแบบการขายสินค้าผ่านรายการสดเพิ่มเติมอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเที่ยงคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีศักยภาพ
ขณะนี้บริษัทได้เจรจากับเจ้าของสินค้า 4 ราย ได้แก่ กลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ และกลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิกส์ สำหรับรูปแบบโฆษณาในลักษณะนี้นำร่องผ่านละครเรื่อง “ฟ้านี้ลิขิตรัก”ภาพยนตร์จีนของบริษัทซึ่งได้เวลาจากสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในช่วง 13.30 น. ประเดิมออกอากาศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ อัตราค่าโฆษณา 90,000 บาทต่อนาที ทั้งนี้สินค้าที่จะโฆษณาเหมือนสินค้าของทีวี ไดเร็คได้ จะต้องเป็นตลาดนิชมาร์เก็ต มีนวัตกรรมใหม่ๆ และต้องมีคุณภาพสูง
พร้อมกันนี้ยังขยายรูปแบบโฆษณาในลักษณะเดียวกันนี้ ผ่านทางรายการ “ช่อง 9 พระเจ้าจอร์จ” ทางสถานีวิทยุช่อง 9 ในทุกวันนักขัตฤกษ์ เริ่มวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นี้เป็นครั้งแรก ซึ่งบริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรมลด แลก แจก แถม เช่น แจกริงโทนฟรี หรือเปิดรับสมัครสมาชิก
นอกจากนี้ปีนี้บริษัทยังขยายไลน์ธุรกิจสู่การทำรายการโทรทัศน์ โดยใช้ลงทุน 50 ล้านบาท นำเข้าภาพยนตร์จีน 7 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องเนื้อหาจะแตกต่างกัน สำหรับภาพยนตร์จีนชุด”ฟ้านี้ลิขิตรัก”เรื่องแรกของบริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด โครงการฟ้าลิขิตรัก ตามรัก ตามหัวใจผ่านไอทีวี เปิดโอกาสให้ผู้ชมที่ต้องการบอกรัก หรือส่งความในใจแก่คนพิเศษ อีกทั้งยังจัดให้มีกิจกรรมโรดโชว์ 9 แห่ง ได้แก่ จตุจักร ประตูน้ำ ห้วย เป็นต้น ขณะที่ภาพยนตร์อีก 6 เรื่องก็จะมีกิจกรรมเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้งบสำหรับจัดกิจกรรม 5 แสนบาทต่อเรื่อง ทั้งนี้เพื่อปลุกกระแสภาพยนตร์จีน
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายสินค้าผ่านโทรทัศน์ 700-800 ล้านบาท ที่เหลือ อีก 200-300 ล้านบาท เป็นคอลเซ็นเตอร์ บีโลว์เดอะไลน์ การซื้อสื่อและการวางแผนโฆษณา ฯลฯ
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแบบตรงผ่านสื่อโทรทัศน์ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มช่องทางโฆษณาใหม่ โดยนำโมเดลการขายสินค้าผ่านสื่อโฆษณาโทรทัศน์ ที่ใช้กับสินค้าของทีวี ไดเร็ค เปิดกว้างให้กับกลุ่มสินค้าอื่นๆทั่วไปที่ต้องการโฆษณาขายสินค้าในลักษณะดังกล่าว โดยรูปแบบสปอตโฆษณาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดขึ้นอยู่กับเจ้าของสินค้า ซึ่งสื่อรูปแบบนี้จะเน้นผลตอบรับทางยอดขาย แตกต่างจากโฆษณาในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะช่วยการสร้างการรับรู้มากกว่า
ปีนี้การทำตลาดจะต้องมีการทดลองอีกมาก เพราะแมสมีเดียเปลี่ยนไปไปมีความหลากหลายมากขึ้น การบริหารสื่อโฆษณาจะต้องโดนใจคนดู หรือเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงลงไป การเหวี่ยงแหโดยการทำโฆษณาแมสได้ผลการตอบรับน้อย นอกจากนี้บริษัทยังมีแนวคิดที่จะทำรูปแบบการขายสินค้าผ่านรายการสดเพิ่มเติมอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเที่ยงคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีศักยภาพ
ขณะนี้บริษัทได้เจรจากับเจ้าของสินค้า 4 ราย ได้แก่ กลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ และกลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิกส์ สำหรับรูปแบบโฆษณาในลักษณะนี้นำร่องผ่านละครเรื่อง “ฟ้านี้ลิขิตรัก”ภาพยนตร์จีนของบริษัทซึ่งได้เวลาจากสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในช่วง 13.30 น. ประเดิมออกอากาศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ อัตราค่าโฆษณา 90,000 บาทต่อนาที ทั้งนี้สินค้าที่จะโฆษณาเหมือนสินค้าของทีวี ไดเร็คได้ จะต้องเป็นตลาดนิชมาร์เก็ต มีนวัตกรรมใหม่ๆ และต้องมีคุณภาพสูง
พร้อมกันนี้ยังขยายรูปแบบโฆษณาในลักษณะเดียวกันนี้ ผ่านทางรายการ “ช่อง 9 พระเจ้าจอร์จ” ทางสถานีวิทยุช่อง 9 ในทุกวันนักขัตฤกษ์ เริ่มวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นี้เป็นครั้งแรก ซึ่งบริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรมลด แลก แจก แถม เช่น แจกริงโทนฟรี หรือเปิดรับสมัครสมาชิก
นอกจากนี้ปีนี้บริษัทยังขยายไลน์ธุรกิจสู่การทำรายการโทรทัศน์ โดยใช้ลงทุน 50 ล้านบาท นำเข้าภาพยนตร์จีน 7 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องเนื้อหาจะแตกต่างกัน สำหรับภาพยนตร์จีนชุด”ฟ้านี้ลิขิตรัก”เรื่องแรกของบริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด โครงการฟ้าลิขิตรัก ตามรัก ตามหัวใจผ่านไอทีวี เปิดโอกาสให้ผู้ชมที่ต้องการบอกรัก หรือส่งความในใจแก่คนพิเศษ อีกทั้งยังจัดให้มีกิจกรรมโรดโชว์ 9 แห่ง ได้แก่ จตุจักร ประตูน้ำ ห้วย เป็นต้น ขณะที่ภาพยนตร์อีก 6 เรื่องก็จะมีกิจกรรมเช่นกัน โดยคาดว่าจะใช้งบสำหรับจัดกิจกรรม 5 แสนบาทต่อเรื่อง ทั้งนี้เพื่อปลุกกระแสภาพยนตร์จีน
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายสินค้าผ่านโทรทัศน์ 700-800 ล้านบาท ที่เหลือ อีก 200-300 ล้านบาท เป็นคอลเซ็นเตอร์ บีโลว์เดอะไลน์ การซื้อสื่อและการวางแผนโฆษณา ฯลฯ