ผู้ผลิตหนังโฆษณา ทำนายปีนี้เศรษฐกิจซบของจริง ส่งผลหลายบริษัทหั่นงบการผลิตหนังโฆษณา ฟีโนมีนา ระบุ เอเยนซี่ เริ่มลดงบผลิตหนังโฆษณาบางรายลงแล้ว 15% เผยแผนรับมือ เพิ่มการรับงานต่างประเทศ ยันไม่ขอเล่นสงครามราคา ขอผลิตชิ้นงานคุณภาพ ตั้งเป้าสินปีโตอีก 20% พร้อมจี้รัฐเร่งพัฒนาคนดันไทยขึ้นฮับการผลิตหนังโฆษณาในภูมิภาคเอเชีย
นายสาธิต กาลวันตวานิช ประธานกรรมการ และผู้กำกับ บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตภาพยนตร์โฆษณา เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปีนี้อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง กำลังซื้อค่อนข้างหดตัว เกิดการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งเป็นเพราะประชาชนเป็นหนี้มากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรเงินผ่อนต่างๆ นอกจากนั้นยังเป็นหนี้ที่เกิดจากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน จากเหตุผลดังกล่าว อาจส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมหนังโฆษณาปีนี้เติบโตได้ไม่มากนัก
งบหนังโฆษณาถูกหั่น15%
โดยมีบริษัทเอเยนซี่ ได้เริ่มปรับลดงบประมาณสำหรับผลิตหนังโฆษณาลง 15% ในสินค้าบางรายการ เช่น กลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าช่วงครึ่งปีแรกเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโดยรวมยังคงไม่ลดลง เพราะเป็นช่วงต้นปี หลายบริษัทยังคงอัดโฆษณาต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 3 จะเห็นชัดเจน เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เช่น น้ำมันแพง สินค้าขึ้นราคา ผู้บริโภคก็จะใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น บริษัทขนาดเล็ก ที่สายป่านไม่ยาว จะปรับลดงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ อาจใช้โอกาสนี้อัดโฆษณาเพิ่มก็ได้ เพื่อตอกย้ำแบรนด์และความเป็นผู้นำการตลาด เช่น เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 บริษัท ยูนิลีเวอร์ ก็ไม่ปรับลดงบโฆษณา
“ การหดตัวของเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณา จะทำให้ปีนี้ มีชิ้นงานโฆษณามากขึ้น แต่รายได้ไม่ได้เติบโตตาม ที่ผ่านมาเราโชคดีที่อยู่ในกลุ่มผู้ผลิตหนังโฆษณาทีวี ซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ หากบริษัทจะปรับลดงบในด้านนี้ ความจริงอุตสาหกรรมโฆษณาเริ่มหดตัวตั้งแต่ปีก่อนแล้ว แต่ยังเห็นไม่ชัด และเชื่อว่าปีนี้จะเห็นชัดเจนแน่นอน”
สิ่งที่บริษัทเตรียมรับมือ คือมุ่งผลิตผลงานคุณภาพ และจะไม่แข่งขันด้านราคาอย่างแน่นอน ปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตหนังโฆษณามากกว่า 50 บริษัท เชื่อว่าหลายรายจะลงมาเล่นสงครามราคา ซึ่ง ฟีโนมีนา อยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 13 ปี มีผลงานเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเอเยนซี่ และเจ้าของสินค้า แนวคิดในการทำงาน คือ ผลงานที่ผลิตออกมา ต้องมีเนื้อหาดี คนดูไม่เบื่อ และ สามารถขายสินค้าได้
เพิ่มงาน ตปท.ระจายความเสี่ยง
นางยอดเพชร สุดสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัท ในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอีกลู่ทางหนึ่งที่จะทำให้บริษัทมีการเติบโต ตั้งเป้าปีนี้ จะรับงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25% ของ ชิ้นงานหนังโฆษณาทั้งหมดที่บริษัทจะผลิตในปีนี้ โดยปีก่อนสัดส่วนจะอยู่ที่ 15-20% ซึ่งลูกค้าหลักจะเป็นประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง เวียดนาม ญี่ปุ่น และ จีน โดยเราไม่มีแนวคิดที่จะขยายฐานลูกค้าไปภูมิภาคอื่น เพราะการทำหนังโฆษณา ปัญหาสำคัญหากต้องรับงานจากต่างประเทศ คือ ภาษา วัฒนธรรม และวิถีชีวิต เพราะหากเราไม่เข้าใจ ผลงานที่ออกมาจะไม่สามารถสื่อให้คนดูเข้าใจได้
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% จากปี 2548 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปตัวเลข แต่เชื่อว่าน่าจะเติบโตราว 20% จากปี 2547 ซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น จากบริษัท ฟีโนมีนา 250 ล้านบาท และ จากบริษัท โปรโมโฟเบีย จำกัด กับบริษัท ต้องตาฟิล์ม จำกัด อีก 150 ล้านบาท นอกจากนั้น ในส่วนของบริษัท ซูโด้ เอฟเฟ็คซ์ จำกัด ซึ่งเปิดดำเนินงานเมื่อปีก่อน โดยจะทำงานด้าน คอมพิวเตอร์กราฟฟิก โมชั่นกราฟฟิก การทำเอฟเฟ็ก และ แอนนิเมชั่น ต่างๆ ปีนี้เราขยายรายได้ด้วยการเปิดรับงานจากภายนอกตั้งเป้าสัดส่วนไว้ที่ 50% ของผลงาน
จี้รัฐพัฒนาคนดันไทยขึ้นฮับ
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมผู้ผลิตโฆษณา ได้ส่งผลให้ผลงานโฆษณาที่ออกมามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น สังเกตุได้จากหนังโฆษณาหลายเรื่องจากประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลใหญ่ระดับโลกได้ ขณะที่ต่างประเทศก็เริ่มเข้ามาใช้ โปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ ในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสดี ที่รัฐบาลไทยจะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์โฆษณา(HUB) เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง อย่าง สิงคโปร์ หรือฮ่องกง เราผลิตได้ถูก เพราะค่าแรงเราถูกกว่า
ดังนั้นสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วย คือ การพัฒนาบุคคลากร เพราะการทำภาพยนตร์โฆษณา สิ่งสำคัญที่สุดคือ เนื้อเรื่อง ที่ต้องเกิดจากความคิด เราจึงต้องลงทุนพัฒนาบุคคลากร ส่วนเรื่องซอฟแวร์ เป็นเรื่องสำคัญรองลงมา นอกจากนั้น ยังต้องการให้รัฐบาลในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการแก้ไขและส่งเสริมในกฎระเบียบบางอย่าง ที่จะเอื้อให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต เช่น กฎหมายที่ว่า สินค้าผลิตขายที่ประเทศใด ต้องใช้หนังโฆษณาที่ผลิตจากประเทศนั้นๆ หรือ การจัดตั้งหน่วยงานที่คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ถ่ายทำ เป็นต้น
นายสาธิต กาลวันตวานิช ประธานกรรมการ และผู้กำกับ บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตภาพยนตร์โฆษณา เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปีนี้อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง กำลังซื้อค่อนข้างหดตัว เกิดการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งเป็นเพราะประชาชนเป็นหนี้มากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรเงินผ่อนต่างๆ นอกจากนั้นยังเป็นหนี้ที่เกิดจากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน จากเหตุผลดังกล่าว อาจส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมหนังโฆษณาปีนี้เติบโตได้ไม่มากนัก
งบหนังโฆษณาถูกหั่น15%
โดยมีบริษัทเอเยนซี่ ได้เริ่มปรับลดงบประมาณสำหรับผลิตหนังโฆษณาลง 15% ในสินค้าบางรายการ เช่น กลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าช่วงครึ่งปีแรกเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโดยรวมยังคงไม่ลดลง เพราะเป็นช่วงต้นปี หลายบริษัทยังคงอัดโฆษณาต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 3 จะเห็นชัดเจน เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เช่น น้ำมันแพง สินค้าขึ้นราคา ผู้บริโภคก็จะใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น บริษัทขนาดเล็ก ที่สายป่านไม่ยาว จะปรับลดงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ อาจใช้โอกาสนี้อัดโฆษณาเพิ่มก็ได้ เพื่อตอกย้ำแบรนด์และความเป็นผู้นำการตลาด เช่น เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 บริษัท ยูนิลีเวอร์ ก็ไม่ปรับลดงบโฆษณา
“ การหดตัวของเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณา จะทำให้ปีนี้ มีชิ้นงานโฆษณามากขึ้น แต่รายได้ไม่ได้เติบโตตาม ที่ผ่านมาเราโชคดีที่อยู่ในกลุ่มผู้ผลิตหนังโฆษณาทีวี ซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ หากบริษัทจะปรับลดงบในด้านนี้ ความจริงอุตสาหกรรมโฆษณาเริ่มหดตัวตั้งแต่ปีก่อนแล้ว แต่ยังเห็นไม่ชัด และเชื่อว่าปีนี้จะเห็นชัดเจนแน่นอน”
สิ่งที่บริษัทเตรียมรับมือ คือมุ่งผลิตผลงานคุณภาพ และจะไม่แข่งขันด้านราคาอย่างแน่นอน ปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตหนังโฆษณามากกว่า 50 บริษัท เชื่อว่าหลายรายจะลงมาเล่นสงครามราคา ซึ่ง ฟีโนมีนา อยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 13 ปี มีผลงานเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเอเยนซี่ และเจ้าของสินค้า แนวคิดในการทำงาน คือ ผลงานที่ผลิตออกมา ต้องมีเนื้อหาดี คนดูไม่เบื่อ และ สามารถขายสินค้าได้
เพิ่มงาน ตปท.ระจายความเสี่ยง
นางยอดเพชร สุดสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัท ในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอีกลู่ทางหนึ่งที่จะทำให้บริษัทมีการเติบโต ตั้งเป้าปีนี้ จะรับงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25% ของ ชิ้นงานหนังโฆษณาทั้งหมดที่บริษัทจะผลิตในปีนี้ โดยปีก่อนสัดส่วนจะอยู่ที่ 15-20% ซึ่งลูกค้าหลักจะเป็นประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง เวียดนาม ญี่ปุ่น และ จีน โดยเราไม่มีแนวคิดที่จะขยายฐานลูกค้าไปภูมิภาคอื่น เพราะการทำหนังโฆษณา ปัญหาสำคัญหากต้องรับงานจากต่างประเทศ คือ ภาษา วัฒนธรรม และวิถีชีวิต เพราะหากเราไม่เข้าใจ ผลงานที่ออกมาจะไม่สามารถสื่อให้คนดูเข้าใจได้
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% จากปี 2548 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปตัวเลข แต่เชื่อว่าน่าจะเติบโตราว 20% จากปี 2547 ซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น จากบริษัท ฟีโนมีนา 250 ล้านบาท และ จากบริษัท โปรโมโฟเบีย จำกัด กับบริษัท ต้องตาฟิล์ม จำกัด อีก 150 ล้านบาท นอกจากนั้น ในส่วนของบริษัท ซูโด้ เอฟเฟ็คซ์ จำกัด ซึ่งเปิดดำเนินงานเมื่อปีก่อน โดยจะทำงานด้าน คอมพิวเตอร์กราฟฟิก โมชั่นกราฟฟิก การทำเอฟเฟ็ก และ แอนนิเมชั่น ต่างๆ ปีนี้เราขยายรายได้ด้วยการเปิดรับงานจากภายนอกตั้งเป้าสัดส่วนไว้ที่ 50% ของผลงาน
จี้รัฐพัฒนาคนดันไทยขึ้นฮับ
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมผู้ผลิตโฆษณา ได้ส่งผลให้ผลงานโฆษณาที่ออกมามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น สังเกตุได้จากหนังโฆษณาหลายเรื่องจากประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลใหญ่ระดับโลกได้ ขณะที่ต่างประเทศก็เริ่มเข้ามาใช้ โปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ ในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสดี ที่รัฐบาลไทยจะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์โฆษณา(HUB) เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง อย่าง สิงคโปร์ หรือฮ่องกง เราผลิตได้ถูก เพราะค่าแรงเราถูกกว่า
ดังนั้นสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วย คือ การพัฒนาบุคคลากร เพราะการทำภาพยนตร์โฆษณา สิ่งสำคัญที่สุดคือ เนื้อเรื่อง ที่ต้องเกิดจากความคิด เราจึงต้องลงทุนพัฒนาบุคคลากร ส่วนเรื่องซอฟแวร์ เป็นเรื่องสำคัญรองลงมา นอกจากนั้น ยังต้องการให้รัฐบาลในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการแก้ไขและส่งเสริมในกฎระเบียบบางอย่าง ที่จะเอื้อให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต เช่น กฎหมายที่ว่า สินค้าผลิตขายที่ประเทศใด ต้องใช้หนังโฆษณาที่ผลิตจากประเทศนั้นๆ หรือ การจัดตั้งหน่วยงานที่คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ถ่ายทำ เป็นต้น