ผู้จัดการรายวัน - “อวยชัย” เดินหน้าล่าชื่อขับ “จาตุรนต์-ทักษิณ” พร้อมนำครู ร่วมเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ที่ระยอง เพื่อล่าชื่อขับ ไม่สนถูกสอบวินัย แก้เผ็ดให้ครูอีสานเปลี่ยนมาใช้ซิมมือถือดีแทคแทนเอไอเอส ด้าน รมว.ศธ.ไม่หวั่นชี้ไม่มีมูล และหากมีการกล่าวร้ายผู้บังคับบัญชาจะมีโทษทางวินัย ประกาศ ศธ.ให้ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุม 3 ฝ่ายตัดสิน “สมัครใจ”เริ่มบังคับใช้ 18 ม.ค.นี้
นายอวยชัย วะทา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคัดค้านการถ่ายโอนการศึกษา เปิดเผยถึงการล่ารายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาว่า ขณะนี้มีรายชื่ออยู่ประมาณ 70,000 ชื่อ โดยวานนี้(17 ม.ค.) นายสมยงค์ แก้วสุพรรณ รอง ผอ.ปฏิบัติการคัดค้านการถ่ายโอนการศึกษา ได้นำอาจารย์ 2 ระดับ 7 ไปยื่นฟ้อง รมว.ศึกษาธิการ ต่อศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น ฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่กำหนดให้จ่ายเงินวิทยฐานะ 3,500 บาทแก่ครูปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่ง คศ.2โดยไม่ต้องประเมิน
นายอวยชัย กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค.นี้จะมีการล่ารายชื่อเพิ่มเติม พร้อมกับจัดชุมนุมคัดค้านการถ่ายโอนที่ภาคกลาง จ.ระยอง โดยมีเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ซึ่งมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้ดำเนินการร่วมด้วย รวมถึงได้ขอแบบฟอร์ม การใช้ซิมโทรศัพท์มือถือของดีเทค จำนวน 1 แสนเบอร์มาให้ครูกรอกรายละเอียด เพราะครูภาคอีสานกว่า 1 แสนคนจะขอใช้แทนซิมของเอไอเอส
นายอวยชัย ยืนยันว่าไม่หนักใจที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเรื่องที่ออกมา เคลื่อนไหว และจะเดินหน้าคัดค้านการถ่ายโอนฯ และเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปการเมืองต่อไป เชื่อว่าการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้เป็นการรับลูกของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งมีความพยายามป้ายสีว่าตนจะลงสมัคร ส.ว.ซึ่งยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ และยืนยันว่าแกนนำทุกคนยังคงเหนียวแน่นในการเดินหน้าคัดค้านการถ่ายโอนฯ ซึ่งยิ่งเอาเรื่องวินัยมาเล่นงานครูก็จะได้เห็นธาตุแท้การใช้อำนาจของ ศธ.และรัฐบาล
ด้าน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การล่าชื่อถอดถอนคงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่การถอดถอนครั้งนี้ไม่มีมูล จึงไม่ใช่เรื่องน่าวิตก ส่วนการเคลื่อนไหว ชุมนุมคัดค้านการถ่ายโอนที่ จ.ร้อยเอ็ด ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ดูแล ซึ่งหากไม่เหมาะสมสามารถดำเนินการ ตามระเบียบด้วยความเป็นธรรม ส่วนที่ สพฐ.ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแกนนำครู ตนไม่ทราบและไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม ให้ดำเนินการไปตามเนื้อผ้า ซึ่งหากการชุมนุมมีการใส่ร้าย กล่าวเท็จที่เป็นผลเสียต่อผู้อื่น โดยเฉพาะต่อผู้บังคับบัญชาจะมีปัญหาเรื่องผิดวินัย
นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผย ความคืบหน้าการจัดทำร่างประกาศ ศธ.เรื่องวิธีการและเงื่อนไขการแสดงถึงความสมัครใจให้โอนสถานศึกษาขั้นพื้นฐานไปสังกัด อปท. พ.ศ.2549 ว่า นายจาตุรนต์ ได้ลงนามในประกาศดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันเดียวกันนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.เป็นต้นไป ซึ่งหลังจากนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ทั่วประเทศ จะต้องตั้งคณะกรรมการ เพื่อประเมิน ความสมัครใจ ซึ่งสามารถดำเนินการก่อนหรือระหว่างการประเมินความพร้อม อปท.ก็ได้
นายบุญรัตน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นการแสดงความสมัครใจด้วยเสียงข้างมาก นายจาตุรนต์ ได้ชี้ขาดว่าให้เป็นไปตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและ ศธ. ที่เสนอให้ยึดเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง
นายอวยชัย วะทา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคัดค้านการถ่ายโอนการศึกษา เปิดเผยถึงการล่ารายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาว่า ขณะนี้มีรายชื่ออยู่ประมาณ 70,000 ชื่อ โดยวานนี้(17 ม.ค.) นายสมยงค์ แก้วสุพรรณ รอง ผอ.ปฏิบัติการคัดค้านการถ่ายโอนการศึกษา ได้นำอาจารย์ 2 ระดับ 7 ไปยื่นฟ้อง รมว.ศึกษาธิการ ต่อศาลปกครองจังหวัดขอนแก่น ฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่กำหนดให้จ่ายเงินวิทยฐานะ 3,500 บาทแก่ครูปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่ง คศ.2โดยไม่ต้องประเมิน
นายอวยชัย กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค.นี้จะมีการล่ารายชื่อเพิ่มเติม พร้อมกับจัดชุมนุมคัดค้านการถ่ายโอนที่ภาคกลาง จ.ระยอง โดยมีเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ซึ่งมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้ดำเนินการร่วมด้วย รวมถึงได้ขอแบบฟอร์ม การใช้ซิมโทรศัพท์มือถือของดีเทค จำนวน 1 แสนเบอร์มาให้ครูกรอกรายละเอียด เพราะครูภาคอีสานกว่า 1 แสนคนจะขอใช้แทนซิมของเอไอเอส
นายอวยชัย ยืนยันว่าไม่หนักใจที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเรื่องที่ออกมา เคลื่อนไหว และจะเดินหน้าคัดค้านการถ่ายโอนฯ และเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปการเมืองต่อไป เชื่อว่าการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้เป็นการรับลูกของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งมีความพยายามป้ายสีว่าตนจะลงสมัคร ส.ว.ซึ่งยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ และยืนยันว่าแกนนำทุกคนยังคงเหนียวแน่นในการเดินหน้าคัดค้านการถ่ายโอนฯ ซึ่งยิ่งเอาเรื่องวินัยมาเล่นงานครูก็จะได้เห็นธาตุแท้การใช้อำนาจของ ศธ.และรัฐบาล
ด้าน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การล่าชื่อถอดถอนคงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่การถอดถอนครั้งนี้ไม่มีมูล จึงไม่ใช่เรื่องน่าวิตก ส่วนการเคลื่อนไหว ชุมนุมคัดค้านการถ่ายโอนที่ จ.ร้อยเอ็ด ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ดูแล ซึ่งหากไม่เหมาะสมสามารถดำเนินการ ตามระเบียบด้วยความเป็นธรรม ส่วนที่ สพฐ.ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแกนนำครู ตนไม่ทราบและไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม ให้ดำเนินการไปตามเนื้อผ้า ซึ่งหากการชุมนุมมีการใส่ร้าย กล่าวเท็จที่เป็นผลเสียต่อผู้อื่น โดยเฉพาะต่อผู้บังคับบัญชาจะมีปัญหาเรื่องผิดวินัย
นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผย ความคืบหน้าการจัดทำร่างประกาศ ศธ.เรื่องวิธีการและเงื่อนไขการแสดงถึงความสมัครใจให้โอนสถานศึกษาขั้นพื้นฐานไปสังกัด อปท. พ.ศ.2549 ว่า นายจาตุรนต์ ได้ลงนามในประกาศดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันเดียวกันนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.เป็นต้นไป ซึ่งหลังจากนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ทั่วประเทศ จะต้องตั้งคณะกรรมการ เพื่อประเมิน ความสมัครใจ ซึ่งสามารถดำเนินการก่อนหรือระหว่างการประเมินความพร้อม อปท.ก็ได้
นายบุญรัตน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นการแสดงความสมัครใจด้วยเสียงข้างมาก นายจาตุรนต์ ได้ชี้ขาดว่าให้เป็นไปตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและ ศธ. ที่เสนอให้ยึดเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง