"ทักษิณ"เยือนเคนย่า 8–11พ.ย.นี้ ใช้เงินฟาด 20 ล้าน ตั้งกองทุนช้างแลกสัตว์ป่า 135 ตัวเอามาโชว์ที่ไนท์ซาฟารีเชียงใหม่ หวังกลบประเด็นซื้อขายสัตว์ไม่โปร่งใสและขัดกฎหมายสัตว์ป่าสากล CITES ด้าน"ปลอดประสพ"เย้ยเอ็นจีโอ อยากคัดค้านก็เชิญ คุยจะทำเชียงใหม่เวิลด์ ให้ยิ่งใหญ่กว่าดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 8–11 พ.ย.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯจะร่วมเดินทางไปประเทศเคนย่า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และจะมีการเจรจาการค้าในส่วนของสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่จะใช้ประเทศเคนย่าเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งผ่านต่อไปยังประเทศทัสมาเนีย และ อูกานดา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของไทย
“อัฟริกานิยมบริโภคข้าวมากขึ้นเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ และอีกอย่างคือตลาดรถมือสอง และอู่ซ่อมรถที่ไทยจะไปเจาะตลาดเพื่อส่งเข้าไปด้วย" โฆษกรัฐบาล กล่าว
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานกรรมการโครงการสวนสัตว์กลางคืน(ไนท์ซาฟารี )กล่าวว่า ล่าสุดประเทศเคนย่าได้ตอบรับอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะมีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน(MOU) ระหว่างสองประเทศ โดยทางประเทศเคนย่า จะมอบสัตว์ป่าให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่รัฐบาลไทยเดินทางมาเยือนเป็นจำนวน 135 ตัว ส่วนฝ่ายไทยจะมอบเงินให้ 20 ล้านบาท เพื่อให้เคนย่านำไปตั้งกองทุนดูแลช้างเกเร เพราะเคนย่ามีช้างจำนวนมากที่สร้างปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้าง และนำไปสนับสนุนงานวิชาการ พร้อมกับจะให้เจ้าหน้าที่เคนย่ามาดูงานสัตว์ป่าพันธุ์พืชและทางทะเลในประเทศไทย ซึ่งได้ส่งหนังสือที่เคนย่าตอบกลับมาแล้ว และได้ส่งไปให้น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีรับทราบ
"ส่วนชนิดของสัตว์ทั้งหมด 135 ตัว ผมจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ที่ถามกันมากว่า มีแรดดำ ที่เป็นสัตว์หายากที่ราคาตัวละเป็นสิบสิบล้าน ที่รัฐบาลเคนย่าจะให้ไทยหรือเปล่าทางเราก็ลุ้นอยู่ว่าจะได้หรือไม่"
นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า สัตว์ป่าเคนย่าจำนวน 135 ตัวนี้จะนำเข้ามาไว้ที่ ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่า ประเทศไทยสามารถดูแลได้ ไม่ว่าเรื่องกักกันเชื้อโรค เรื่องจะขัดกฎหมายสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมสากล หรือมีกระแสต้านจากประชาชนของประเทศเคนย่า ขอยืนยันว่า ทางรัฐบาลเคนย่าเต็มใจให้สัตว์ป่าแก่ไทยเอง และที่ผ่านมาเคนย่าก็ให้สัตว์ป่าแก่ จีน ยุโรป อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย มาแล้ว ทำไมถึงจะให้ประเทศไทยบ้างไม่ได้
"เคนย่าเต็มใจให้เราเอง ไทยไม่ได้ร้องขอ ก็เหมือนที่จีนให้หมีแพนด้าเรามา ส่วนจะมีกระแสคัดค้านนั้น พวกเอ็นจีโอเรียงหน้ามาเลยผมบ่ยั่น"นายปลอดประสพ กล่าว
ทั้งนี้ หลังการเซ็นเอ็มโอยูระหว่างกันแล้ว เคนย่าจะจัดส่งสัตว์ป่ามาไทยทันที และเมื่อสัตว์ป่าจากเคนย่าเข้ามาอยู่ในไนท์ซาฟารีแล้วก็ถือว่า โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ จ.เชียงใหม่เป็น "เชียงใหม่เวิลด์"ที่จะประกอบด้วย สวนช้าง (Elephant Park),พืชสวนโลก ที่จะเน้นสวนกุหลาบและกล้วยไม้ สวนสนุก อควาเรียม และกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งโครงการปลีกย่อยทั้งหมดนี้ ยังจะต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมาก
"รับรองถ้าทุกอย่างครบเป็นเชียงใหม่เวิลด์ จะสู้ดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงได้สบายมาก ไม่ต้องห่วงเราอาจชนะด้วยซ้ำ"นายปลอดประสพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวโจมตีอย่างหนัก จากองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ)ในต่างประเทศ เช่น อัฟริกา อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และโดยเฉพาะประชาชนในประเทศเคนย่าเองก็คัดค้าน การซื้อขายสัตว์ป่าเพื่อนำมาแสดงโชว์ และความไม่โปร่งใสในการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างประเทศไทยกับเคนย่า เนื่องจากการส่งออกสัตว์ป่าถือว่าผิดกฎหมาย และที่จะจัดส่งมายังประเทศไทยครั้งนี้ มีสัตว์ป่าหลายชนิดอยู่ในบัญชีคุ้มครองของไซเตส (CITES) ด้วย เช่น แรดขาว สิงห์โต และ เสือชีต้า ซึ่งทำให้ประชาชนเคนย่า ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน
ขณะที่กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนไทยก็ยังตั้งข้อสังเกตถึงความชอบธรรมในการเอาทรัพยากรของชาติไปทำธุรกิจร่วมทุนกับภาคเอกชน โดยเฉพาะกรณีที่มีญาตินักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเข้าไปทำธุรกิจด้วย แบบไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบ แต่กลับมีประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในแง่ของคนที่เข้ามาเสนอโครงการ คนที่เข้ามารับผิดชอบโครงการ ประเด็นความคุ้มทุน ปัญหาการเอาทรัพยากรของส่วนรวมไปลงทุน ซึ่งหากขาดทุนใครจะร่วมรับผิดชอบ
สำหรับตัวอย่างโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลจะผลักดันให้จ.เชียงใหม่ เป็น"เชียงใหม่เวิลด์"ประกอบด้วย 1.สวนสัตว์กลางคืน(ไนต์ซาฟารี) 1,150.9 ล้านบาท 2.พัฒนาพื้นที่แม่เหียะรับงานพืชสวนโลก 500 ล้านบาท 3.ก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ(แม่เหียะ) 1,450 ล้านบาท 4.อุทยานวิทยาศาสตร์ ใน ต.แม่เหียะ 7,000 ล้านบาท 5.ศูนย์กลางไม้ตัดต่อไม้ประดับพืชเกษตร ที่วิทยาเขตแม่เหียะ มช. 300 ล้านบาท 6.สร้างถนนวงแหวนด้านตะวันตก ช่วงหางดง-ม.เชียงใหม่ 332 ล้านบาท 7.รถไฟรางเดี่ยว (โมโนเรล) สวนสัตว์-ไนต์ซาฟารี 200 ล้านบาท 8.สร้างอควาเรียม ในสวนสัตว์เชียงใหม่ 300 ล้านบาท 9.รีสอร์ต-ร้านอาหารในสวนสัตว์ ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท 10.ศูนย์ช้างและศูนย์ท่องเที่ยวธรรมชาติ (บริษัทกรีนเมาน์เทนไลน์) ในสวนสัตว์ 30 ล้านบาท 11.ห้องอาหารการบินไทย ภายในสวนสัตว์ ทั้งนี้ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด ประมาณ 11,362.9 ล้านบาท
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 8–11 พ.ย.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯจะร่วมเดินทางไปประเทศเคนย่า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และจะมีการเจรจาการค้าในส่วนของสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่จะใช้ประเทศเคนย่าเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งผ่านต่อไปยังประเทศทัสมาเนีย และ อูกานดา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของไทย
“อัฟริกานิยมบริโภคข้าวมากขึ้นเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ และอีกอย่างคือตลาดรถมือสอง และอู่ซ่อมรถที่ไทยจะไปเจาะตลาดเพื่อส่งเข้าไปด้วย" โฆษกรัฐบาล กล่าว
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานกรรมการโครงการสวนสัตว์กลางคืน(ไนท์ซาฟารี )กล่าวว่า ล่าสุดประเทศเคนย่าได้ตอบรับอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะมีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน(MOU) ระหว่างสองประเทศ โดยทางประเทศเคนย่า จะมอบสัตว์ป่าให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่รัฐบาลไทยเดินทางมาเยือนเป็นจำนวน 135 ตัว ส่วนฝ่ายไทยจะมอบเงินให้ 20 ล้านบาท เพื่อให้เคนย่านำไปตั้งกองทุนดูแลช้างเกเร เพราะเคนย่ามีช้างจำนวนมากที่สร้างปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้าง และนำไปสนับสนุนงานวิชาการ พร้อมกับจะให้เจ้าหน้าที่เคนย่ามาดูงานสัตว์ป่าพันธุ์พืชและทางทะเลในประเทศไทย ซึ่งได้ส่งหนังสือที่เคนย่าตอบกลับมาแล้ว และได้ส่งไปให้น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีรับทราบ
"ส่วนชนิดของสัตว์ทั้งหมด 135 ตัว ผมจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ที่ถามกันมากว่า มีแรดดำ ที่เป็นสัตว์หายากที่ราคาตัวละเป็นสิบสิบล้าน ที่รัฐบาลเคนย่าจะให้ไทยหรือเปล่าทางเราก็ลุ้นอยู่ว่าจะได้หรือไม่"
นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า สัตว์ป่าเคนย่าจำนวน 135 ตัวนี้จะนำเข้ามาไว้ที่ ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่า ประเทศไทยสามารถดูแลได้ ไม่ว่าเรื่องกักกันเชื้อโรค เรื่องจะขัดกฎหมายสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมสากล หรือมีกระแสต้านจากประชาชนของประเทศเคนย่า ขอยืนยันว่า ทางรัฐบาลเคนย่าเต็มใจให้สัตว์ป่าแก่ไทยเอง และที่ผ่านมาเคนย่าก็ให้สัตว์ป่าแก่ จีน ยุโรป อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย มาแล้ว ทำไมถึงจะให้ประเทศไทยบ้างไม่ได้
"เคนย่าเต็มใจให้เราเอง ไทยไม่ได้ร้องขอ ก็เหมือนที่จีนให้หมีแพนด้าเรามา ส่วนจะมีกระแสคัดค้านนั้น พวกเอ็นจีโอเรียงหน้ามาเลยผมบ่ยั่น"นายปลอดประสพ กล่าว
ทั้งนี้ หลังการเซ็นเอ็มโอยูระหว่างกันแล้ว เคนย่าจะจัดส่งสัตว์ป่ามาไทยทันที และเมื่อสัตว์ป่าจากเคนย่าเข้ามาอยู่ในไนท์ซาฟารีแล้วก็ถือว่า โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ จ.เชียงใหม่เป็น "เชียงใหม่เวิลด์"ที่จะประกอบด้วย สวนช้าง (Elephant Park),พืชสวนโลก ที่จะเน้นสวนกุหลาบและกล้วยไม้ สวนสนุก อควาเรียม และกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งโครงการปลีกย่อยทั้งหมดนี้ ยังจะต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมาก
"รับรองถ้าทุกอย่างครบเป็นเชียงใหม่เวิลด์ จะสู้ดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงได้สบายมาก ไม่ต้องห่วงเราอาจชนะด้วยซ้ำ"นายปลอดประสพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวโจมตีอย่างหนัก จากองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ)ในต่างประเทศ เช่น อัฟริกา อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และโดยเฉพาะประชาชนในประเทศเคนย่าเองก็คัดค้าน การซื้อขายสัตว์ป่าเพื่อนำมาแสดงโชว์ และความไม่โปร่งใสในการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างประเทศไทยกับเคนย่า เนื่องจากการส่งออกสัตว์ป่าถือว่าผิดกฎหมาย และที่จะจัดส่งมายังประเทศไทยครั้งนี้ มีสัตว์ป่าหลายชนิดอยู่ในบัญชีคุ้มครองของไซเตส (CITES) ด้วย เช่น แรดขาว สิงห์โต และ เสือชีต้า ซึ่งทำให้ประชาชนเคนย่า ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน
ขณะที่กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนไทยก็ยังตั้งข้อสังเกตถึงความชอบธรรมในการเอาทรัพยากรของชาติไปทำธุรกิจร่วมทุนกับภาคเอกชน โดยเฉพาะกรณีที่มีญาตินักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเข้าไปทำธุรกิจด้วย แบบไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบ แต่กลับมีประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในแง่ของคนที่เข้ามาเสนอโครงการ คนที่เข้ามารับผิดชอบโครงการ ประเด็นความคุ้มทุน ปัญหาการเอาทรัพยากรของส่วนรวมไปลงทุน ซึ่งหากขาดทุนใครจะร่วมรับผิดชอบ
สำหรับตัวอย่างโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลจะผลักดันให้จ.เชียงใหม่ เป็น"เชียงใหม่เวิลด์"ประกอบด้วย 1.สวนสัตว์กลางคืน(ไนต์ซาฟารี) 1,150.9 ล้านบาท 2.พัฒนาพื้นที่แม่เหียะรับงานพืชสวนโลก 500 ล้านบาท 3.ก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ(แม่เหียะ) 1,450 ล้านบาท 4.อุทยานวิทยาศาสตร์ ใน ต.แม่เหียะ 7,000 ล้านบาท 5.ศูนย์กลางไม้ตัดต่อไม้ประดับพืชเกษตร ที่วิทยาเขตแม่เหียะ มช. 300 ล้านบาท 6.สร้างถนนวงแหวนด้านตะวันตก ช่วงหางดง-ม.เชียงใหม่ 332 ล้านบาท 7.รถไฟรางเดี่ยว (โมโนเรล) สวนสัตว์-ไนต์ซาฟารี 200 ล้านบาท 8.สร้างอควาเรียม ในสวนสัตว์เชียงใหม่ 300 ล้านบาท 9.รีสอร์ต-ร้านอาหารในสวนสัตว์ ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท 10.ศูนย์ช้างและศูนย์ท่องเที่ยวธรรมชาติ (บริษัทกรีนเมาน์เทนไลน์) ในสวนสัตว์ 30 ล้านบาท 11.ห้องอาหารการบินไทย ภายในสวนสัตว์ ทั้งนี้ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด ประมาณ 11,362.9 ล้านบาท