ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ครม.ไฟเขียวเดินหน้าโครงการศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ หลังปรับปรุงผังแม่บทแล้วเสร็จ มอบรองนายกฯ "สุวัจน์" รับผิดชอบดูแลการประกวดราคาและติดตามการดำเนินการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม คณะรัฐมนตรีได้มีการพิจารณาเรื่องโครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ตลาดกลางสินค้าเกษตร และศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
โดยเป็นการพิจารณาตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวผังแม่บท ได้แก่ 1.การให้เพิ่มเติมรายละเอียดของผังพื้น (FLOOR PLAN) แสดงการใช้พื้นที่ของกิจกรรมต่าง ๆ 2.การให้เพิ่มเติมรายละเอียดของภูมิสถาปัตยกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่ระหว่างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ และศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ กับตลาดกลางสินค้าเกษตร เนื่องจากมีรายละเอียดกิจกรรมและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน และ 3.ให้จัดทำแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ (BUSINESS PLAN) โครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติตามมติที่คณะกรรมการกลั่นกรอง เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ครั้งที่ 3/2548 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม48 และตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว โดยได้มอบหมายให้นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการกำกับติดตามดูแลการประกวดราคา ตลอดจนการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้นำผลการประกวดราคาเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนการดำเนินการด้วย
สำหรับแนวความคิดเกี่ยวกับการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดเชียงรายในปี 2534 แต่ไม่มีความคืบหน้า และต่อมาในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีการเสนอแนวคิดอีกครั้ง ในระดับพื้นที่ที่มีการออกแบบแนวคิดก่อสร้างผ่านงบประมาณ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)
จนกระทั่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2544 ที่นายกรัฐมนตรีกำหนดเป้าหมายให้เชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว 50,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 36,000 ล้านบาทต่อปี จึงได้มีการเสนอแนวคิดขึ้นอีกครั้ง และทางจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดให้โครงการนี้เป็นหนึ่งในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องเร่งดำเนินการ
ครั้งนี้ แรกสุดได้กำหนดพื้นที่ก่อสร้างไว้ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 3 ใกล้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี แต่ต่อมาได้มีการสั่งการให้ย้ายสถานที่ก่อสร้างกะทันหัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีทราบว่าจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ที่ศูนย์วิจัยการเกษตรแม่เหียะ ที่มีพื้นที่ใกล้กับโครงการไนท์ซาฟารี จึงสั่งการให้ย้ายสถานที่ก่อสร้างให้มาอยู่ใกล้กันเมื่อช่วงปลายปี 2546 ต่อต้นปี 2547 เพื่อจะได้ใช้รองรับการจัดประชุมได้ทันที
อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2547 ก็มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายพื้นที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติอีกครั้ง โดยให้ย้ายกลับใช้พื้นที่เดิมที่เป็นของกองทัพภาคที่ 3 ใกล้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการรวมพื้นที่โครงการจัดตั้งศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่โครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรภาคเหนือ และโครงการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อความเหมาะสมทั้งในเรื่องของงบประมาณ และความสะดวกสบาย เนื่องจากพื้นที่หนองฮ่อนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองมากกว่า ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้จะใช้งบประมาณราว 1,900 ล้านบาท
อนึ่ง ตามแผนงานโครงการเดิมกำหนด ว่าการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ จะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี และแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2549 ก่อนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกในปลายปีเดียวกัน แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้การดำเนินโครงการเกิดความล่าช้า จนกระทั่งล่าสุดคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเกี่ยวกับโครงการนี้
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม คณะรัฐมนตรีได้มีการพิจารณาเรื่องโครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ตลาดกลางสินค้าเกษตร และศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
โดยเป็นการพิจารณาตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวผังแม่บท ได้แก่ 1.การให้เพิ่มเติมรายละเอียดของผังพื้น (FLOOR PLAN) แสดงการใช้พื้นที่ของกิจกรรมต่าง ๆ 2.การให้เพิ่มเติมรายละเอียดของภูมิสถาปัตยกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่ระหว่างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ และศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ กับตลาดกลางสินค้าเกษตร เนื่องจากมีรายละเอียดกิจกรรมและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน และ 3.ให้จัดทำแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ (BUSINESS PLAN) โครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติตามมติที่คณะกรรมการกลั่นกรอง เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ครั้งที่ 3/2548 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม48 และตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว โดยได้มอบหมายให้นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการกำกับติดตามดูแลการประกวดราคา ตลอดจนการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้นำผลการประกวดราคาเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนการดำเนินการด้วย
สำหรับแนวความคิดเกี่ยวกับการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดเชียงรายในปี 2534 แต่ไม่มีความคืบหน้า และต่อมาในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีการเสนอแนวคิดอีกครั้ง ในระดับพื้นที่ที่มีการออกแบบแนวคิดก่อสร้างผ่านงบประมาณ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)
จนกระทั่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2544 ที่นายกรัฐมนตรีกำหนดเป้าหมายให้เชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว 50,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 36,000 ล้านบาทต่อปี จึงได้มีการเสนอแนวคิดขึ้นอีกครั้ง และทางจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดให้โครงการนี้เป็นหนึ่งในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องเร่งดำเนินการ
ครั้งนี้ แรกสุดได้กำหนดพื้นที่ก่อสร้างไว้ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 3 ใกล้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี แต่ต่อมาได้มีการสั่งการให้ย้ายสถานที่ก่อสร้างกะทันหัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีทราบว่าจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ที่ศูนย์วิจัยการเกษตรแม่เหียะ ที่มีพื้นที่ใกล้กับโครงการไนท์ซาฟารี จึงสั่งการให้ย้ายสถานที่ก่อสร้างให้มาอยู่ใกล้กันเมื่อช่วงปลายปี 2546 ต่อต้นปี 2547 เพื่อจะได้ใช้รองรับการจัดประชุมได้ทันที
อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2547 ก็มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายพื้นที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติอีกครั้ง โดยให้ย้ายกลับใช้พื้นที่เดิมที่เป็นของกองทัพภาคที่ 3 ใกล้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการรวมพื้นที่โครงการจัดตั้งศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่โครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรภาคเหนือ และโครงการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อความเหมาะสมทั้งในเรื่องของงบประมาณ และความสะดวกสบาย เนื่องจากพื้นที่หนองฮ่อนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองมากกว่า ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้จะใช้งบประมาณราว 1,900 ล้านบาท
อนึ่ง ตามแผนงานโครงการเดิมกำหนด ว่าการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ จะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี และแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2549 ก่อนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกในปลายปีเดียวกัน แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้การดำเนินโครงการเกิดความล่าช้า จนกระทั่งล่าสุดคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเกี่ยวกับโครงการนี้