พลิกลิ้นโคล้านครอบครัว ลดจำนวนแจกแค่2-5ตัว

ครงการโคล้านครอบครัวหดลดจำนวนแจกแค่  2-5 ตัวต่อครอบครัว ทั้งที่เดิมมีมติจะแจกครอบครัวละ5ตัวยันต้นปี 49 แจกแน่ ตั้งเป้าปีแรก2.5 แสนตัว ระบุแจกเป็นตัว ไม่มีการแจกน้ำเชื้อ "รมช.หมอแคน"ยิ้มแป้น สัญญาประชาคมจบแล้ว ด้าน"เนวิน"บอกตอนนี้มาดูแลการจราจร ไม่ได้ดูเรื่องโคแล้ว

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวภายหลังการประชุมโครงการโคล้านครอบครัวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า โครงการนี้มีมติออกมาแล้ว และยืนยันว่าจะมีการแจกลูกโคเป็นตัวให้กับประชาชนอย่างเดียว ไม่มีการแจกน้ำเชื้อ แต่จะมีการผสมเทียมให้ด้วยในระยะเวลาที่จะจัดให้ เพราะหากรอลูกโคที่เกิดจากการผสมเทียมจะต้องรอไปถึงปีหน้า ซึ่งเกษตรกรมีความต้องการให้ได้ลูกโคให้เร็วกว่านั้น ดังนั้นจึงจะต้องมีการจัดซื้อในระดับหนึ่งเข้ามาด้วย ส่วนลูกที่ได้จากการผสมเทียมก็จะมีการจัดการเพื่อแจกให้กับเกษตรกรต่อไป

ทั้งนี้ เบื้องต้นจะแจกลูกโคในปีแรก จำนวน 2.5 แสนตัว ปีที่สองแจกจำนวน 3.5 แสนตัว และปีสุดท้ายจะแจกจำนวน 4 แสนตัว โดยจะแจกลูกโคอายุระหว่าง 8-10 เดือน ซึ่งจะได้จากงบประมาณจากบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือเอสพีวี ในการจัดหาลูกโค และเป็นโคในประเทศโดยจะไม่มีการนำเข้าลูกโคจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในต้นปี 2549 จะสามารถดำเนินการแจกโคได้ตามเป้าหมาย เพราะขณะนี้จากการสำรวจประชากรโคทั่วประเทศ พบว่ามีอยู่ประมาณ 1.4 ล้านตัว อายุระหว่าง 1 ปี แต่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นเจรจาว่าจะมีการขายลูกโคให้กับเอสพีวีหรือไม่และเกษตรกรที่จะได้รับแจกจะต้องมีศักยภาพในการเลี้ยงและเป็นคนจนจริง ๆ
"ยืนยันว่าจะมีการแจกลูกโคเป็นตัว โดยจัดซื้อจากจำนวน 1.4 ล้านตัว ที่ไปสำรวจมา และไม่ใช่เป็นการแจกให้กับประชาชนถึง 5 ล้านครอบครัว และโครงการนี้ฯจะเหลือให้กับประชาชนเพียง 2 ล้านครอบครัวเท่านั้น เพราะเราบอกไว้ว่า ประชาชนจะได้โค ประมาณ 2-5 ตัว ไม่ได้บอกว่าจะให้ประชาชนครอบครัวละ 5 ตัว"นายยุคล กล่าว

อนึ่ง มติครม.เดิมยืนยันว่าจะมีการจัดโครงการโคล้านครอบครัว ซึ่งคาดว่า จะสามารถดำเนินการให้เกษตรกรมีรายได้จากการเลี้ยงโค ประมาณ 5ล้านตัว ภายในระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้คาดว่า เกษตรกรที่เลี้ยงแม่โคจะสามารถผลิตลูกขายได้เพิ่มขึ้น 33,000-44,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี ,เกษตรกรที่เลี้ยงขุนโค 5 ตัวจะมีรายได้เพิ่ม 13,000-25,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี เกษตรกรที่รับจ้างผสมเทียมจะมีรายได้เพิ่ม 18,750 บาทต่อคนต่อปี เป็นต้น แต่การประชุมในวันนี้กลับมีมติให้ปรับเหลือเพียง 2-5 ตัวเท่านั้น

นายอดิศร เพียงเกษ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ถูกกดดันจากส.ส.ในพรรคไทยรักไทย แต่เป็นการหารือเพื่อเร่งดำเนินการเพราะเราไปรับปากกับประชาชนไว้ และเรื่องนี้ก็ได้ทำให้เป็นสัญญาประชาคมที่ชัดเจนแล้ว และเรื่องนี้ก็จะถือว่าจบ เมื่อนายกรัฐมนตรีตัดสินใจให้มีการแจกโคเป็นตัว

มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งการให้คนใกล้ชิด โทรศัพท์ตรงถึงนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.เกษตรฯ ที่กำลังประชุมแก้ปัญหาจราจาจรอยู่เข้าร่วมประชุมด่วน เนื่องจากนายเนวินเกี่ยวข้องกับโครงการโคล้านครอบครัวมาตลอด โดยนายเนวิน กล่าวภายหลังการประชุมว่า ตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯดูแลการจราจรแล้ว ไม่ได้ดูเรื่องโคล้านครอบครัวแล้ว

"สุดารัตน์"แจงทยอยแจกโค
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรฯ กล่าวถึงแนวงทางการแจกโค ว่า ในช่วงแรกจะเริ่มแจกให้ครอบครัวละ 1 ตัว จากนั้นจะทยอยแจกให้ครบครอบครัวละ 2 ตัว หากจำนวนลูกโคที่แจกให้ไม่เพียงพอ ก็จะผสมพันธุ์เพิ่มเติมเพื่อแจกเป็นลูกโคเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ จะต้องอบรมชาวบ้าน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความรู้ทางวิชาการแนะนำความรู้ทุกขั้นตอนเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้ชาวบ้านมีความเชี่ยวชาญจนเป็นหมอโคไม่ต่ำกว่า 8,000 คน

สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงการโดยลดจำนวนโคที่แจกจ่ายให้กับชาวบ้านจาก 5 ล้านตัว เหลือเพียง 2 ล้านตัว นั้น รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า หากปริมาณเนื้อโคที่จำหน่ายได้รับความสนใจจากตลาด จึงค่อยขยายโครงการโคเลี้ยงเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการฝังชิปให้แก่ลูกโคเพื่อป้องกันการสับเปลี่ยน หรือมีการทุจริต และติดตามการเลี้ยงดูวัวของชาวบ้าน โดยเมื่อเกษตรกรได้มาลงทะเบียนกับทางอำเภอเพื่อต้องการรับลูกโคไปเลี้ยง จากนั้นจะมีการคัดเลือก หรือจับสลากโดยจะเน้นครอบครัวที่มีความสามารถในการเลี้ยง แต่ต้องเป็นครอบครัวที่ยากจน ซึ่งหากเกษตรกรเห็นว่าการแจกโคเกิดความไม่เป็นธรรมหรือสงสัยก็ให้ร้องเรียนได้

เบื้องหลังขอโคนุ่งโสร่ง
ทั้งนี้ โครงการโคล้านตัว เริ่มในสมัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรมว.เกษตรฯ ผู้เป็นเจ้าของไอเดียอันโด่งดัง แต่ภายหลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมว.เกษตรฯ เข้ามารับช่วงต่อโครงการ จากนั้นนายเนวิน ก็ปรับเปลี่ยนโครงการใหม่หมด โดยยึดแนวทางการพัฒนาน้ำเชื้อเป็นหลัก และเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่เป็น "โคล้านครอบครัว" ก่อนที่ นายอดิศร เพียงเกษ รมช.เกษตรฯ จะเข้ามารับตำแหน่งและหันไปยึดแนวทางของนายสมศักดิ์ อีกครั้ง

สำหรับเบื้องหลังการปรับเปลี่ยนโครงการกลับไปกลับมาระหว่างการแจกน้ำเชื้อกับการแจกโคเป็นตัวนั้น หลัง นายอดิศร เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ประกาศลั่นว่าจะต้องเปลี่ยนเป็นแจกโคเป็นตัวให้ได้เพราะส.ส.ได้หาเสียงไว้แล้วว่าจะแจกโคเป็นตัว แต่ในระยะแรกไอเดียของนายอดิศร กลับไม่ได้รับการตอบรับ จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในรายการนายกทักษิณคุยกับประชาชน เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ยืนยันว่าต้องใช้แนวทางแจกน้ำเชื้อตามไอเดียนายเนวิน โดยอ้างเหตุผลว่าหากเกษตรกรได้โคที่ผ่านการผสมน้ำเชื้อพันธุ์ดีจะได้โคที่มีคุณภาพ

แทนที่จะจบลงที่คำชี้ขาดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เมื่อนายอดิศร ตั้งทีมงานในนาม "คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการโคล้านครอบครัว" โดยรวบรวมบรรดาส.ส.ไทยรักไทย คอยเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.ไทยรักไทย เป็นประธาน เมื่อนายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการแจกโคเป็นตัว นายอดิศร ก็ออกมาขู่ว่านายยุคล ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการทำงาน อาจจะต้องหาคนมาเปลี่ยน

แหล่งข่าวจากกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่โครงการยังไม่มีความชัดเจน มี ส.ส.กลุ่มหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในกรรมาธิการการเกษตร สภาผู้แทนราษฎร เคยต่อสายตรงถึงผู้ใหญ่ในกรมปศุสัตว์ ขอให้ทางกรมปศุสัตว์พิจารณาแนวคิดการแจกโคเป็นตัว พร้อมกันนี้ยังกล่าววอนให้กรมปศุสัตว์พิจารณานำเข้า "โคนุ่งโสร่ง" หรือ โคที่นำเข้าจากประเทศพม่าและประเทศอินเดียอีกด้วย

สมาคมโคอัดทำวงการป่วน
นายสิทธิพร บุรณนัฏ เลขาธิการสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลเปลี่ยนมาแจกโคเป็นตัวอย่างเดียวนั้น เป็นการอิงเรื่องการเมืองมากจนเกินไป ไม่สนใจผู้ประกอบการเดิมที่มีอยู่ในท้องตลาด เหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น เพราะการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ส.ไทยรักไทย นำนโยบายดังกล่าวไปรับปากกับประชาชนไว้ ว่าหลังการเลือกตั้งจะแจกโคให้เกษตรกรเลี้ยงจนได้รับการเลือกตั้ง