ศูนย์ข่าวศรีราชา -ผลพวงจากพายุที่พัดถล่มประเทศจีน ทำให้แผนก่อสร้างสวนสัตว์ ณ เกาะไหหลำ ของบริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด (สวนเสือศรีราชา ) เจอโรคเลื่อน จากเดือนสิงหาคม 2548 เป็นต้นปี 2549 เหตุไม่สามารถเร่งงานก่อสร้างและแบ่งโซนพื้นที่สัตว์ต่างๆ ได้ตามกำหนด เผยแม้จะเลื่อนแต่ก็ไม่กระทบต่องบฯดำเนินการ ขณะที่การก่อสร้างคืบหน้ากว่า 80%
นายศุภดล โฉมงาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด (สวนเสือศรีราชา ) จังหวัดชลบุรี เผยถึงการเปิดให้บริการสวนสัตว์แห่งใหม่ในเนื้อที่ 500 ไร่ ณ เกาะไหหลำ ประเทศจีนของบริษัทฯซึ่งเดิมมีแผนเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2548ว่า จำเป็นต้องเลื่อนไปเป็นต้นปี 2549 เนื่องจากพายุที่พัดกระหน่ำประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้งานก่อสร้างสวนสัตว์ และการแบ่งโซนพื้นที่สัตว์ต่างๆ รวมถึงอาคารบริการไม่เสร็จตามกำหนด แม้ขณะนี้ความคืบหน้าในงานก่อสร้างจะมีมากกว่า 80%แล้วก็ตาม
สำหรับการลงทุนเปิดสวนสัตว์ ณ เกาะไหหลำ สวนเสือศรีราชา ใช้งบฯดำเนินการ 250 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 พันล้านบาท และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการของบประมาณ ส่งเสริมการทำวิจัยและเกษตรไฮเทค ซึ่งสวนเสือศรีราชา มีแผนที่จะย้ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จระเข้ไปไว้ ณ เกาะไหหลำ เพื่อตั้งศูนย์วิจัยสำหรับผลิตยารักษาโรค โดยใช้เครื่องในจระเข้ และอวัยวะต่างๆ แบบครบวงจร และยังจะตั้งโรงงานฟอกหนังจระเข้ เพื่อส่งจำหน่ายในประเทศจีน ภายใต้งบประมาณที่ขอสนับสนุนอีก 1 พันล้านบาทอีกด้วย
"ขณะนี้งบฯก่อสร้างของเรายังคงเดิม แต่ก็มีแผนที่จะพัฒนาส่วนอื่นๆ ภายในสวนสัตว์ที่ไหหลำเพิ่มอีก อาทิ การเข้าไปดูแลเรื่องการส่งเสริมการส่งออกเนื้อจระเข้ ในมณฑลต่างๆ ของประเทศจีน เพราะตลาดเนื้อจระเข้ในจีนตอนนี้มีความเคลื่อนไหวมาก และคุณไมตรี ประธานกรรมการ บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด ก็มีแผนที่จะไปเปิดตลาดทั้งในจีนและค่อยๆ ขยับไปที่ยุโรปอีกด้วย"
ทั้งนี้แผนพัฒนาโครงการส่งเสริมการส่งออกเนื้อจระเข้ในประเทศจีน ของบริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด จะดำเนินการในลักษณะของการเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลจีน ในการจัดตั้งจุดกักโรค เพื่อตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกเนื้อสัตว์ต่างๆ ให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด และยังเป็นการสร้างความมั่นใจ ในการนำเข้าและส่งออกเนื้อสัตว์จากไทย ซึ่งหากประสบผลสำเร็จจะทำให้การส่งออกเนื้อจระเข้ของบริษัทฯ ที่ขาดหายไปกว่า 80% ในระยะ1-2 ปีที่ผ่านมา ที่มีการแพร่ระบาดของโรคซารส์ และเชื้อไข้หวัดนกจะกลับมาอย่างแน่นอน รวมทั้งการส่งออกเนื้อสัตว์จากไทยไปจีนก็จะง่ายยิ่งขึ้นด้วย
อนึ่งก่อนหน้านี้นายไมตรี เต็มศิริพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด ได้เผยก่อนหน้านี้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนบริษัทฯ ในเรื่องการเปิดสวนสัตว์ร่วมกัน และหากสามา รถพัฒนาสวนสัตว์แห่งนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ รัฐบาลจีน ก็พร้อมจะสนับสนุนให้เปิดดำเนินงานในลักษณะนี้ในทุกมณฑลของจีน และหากบริษัทฯสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลจีนได้ว่า การลงทุนจำนวนพันล้านบาทจะสามารถสร้างผลกำไรได้มากถึง 10 เท่าในระยะเวลา 10 ปี ก็จะเร่งตั้งโรงงานฟอกหนัง ศูนย์วิจัยยารักษาโรคจากอวัยวะต่างๆ ของจระเข้ โดยจะทำในลักษณะเดียวกับศูนย์วิจัยจระเข้ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
นายศุภดล โฉมงาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด (สวนเสือศรีราชา ) จังหวัดชลบุรี เผยถึงการเปิดให้บริการสวนสัตว์แห่งใหม่ในเนื้อที่ 500 ไร่ ณ เกาะไหหลำ ประเทศจีนของบริษัทฯซึ่งเดิมมีแผนเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2548ว่า จำเป็นต้องเลื่อนไปเป็นต้นปี 2549 เนื่องจากพายุที่พัดกระหน่ำประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้งานก่อสร้างสวนสัตว์ และการแบ่งโซนพื้นที่สัตว์ต่างๆ รวมถึงอาคารบริการไม่เสร็จตามกำหนด แม้ขณะนี้ความคืบหน้าในงานก่อสร้างจะมีมากกว่า 80%แล้วก็ตาม
สำหรับการลงทุนเปิดสวนสัตว์ ณ เกาะไหหลำ สวนเสือศรีราชา ใช้งบฯดำเนินการ 250 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 พันล้านบาท และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการของบประมาณ ส่งเสริมการทำวิจัยและเกษตรไฮเทค ซึ่งสวนเสือศรีราชา มีแผนที่จะย้ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จระเข้ไปไว้ ณ เกาะไหหลำ เพื่อตั้งศูนย์วิจัยสำหรับผลิตยารักษาโรค โดยใช้เครื่องในจระเข้ และอวัยวะต่างๆ แบบครบวงจร และยังจะตั้งโรงงานฟอกหนังจระเข้ เพื่อส่งจำหน่ายในประเทศจีน ภายใต้งบประมาณที่ขอสนับสนุนอีก 1 พันล้านบาทอีกด้วย
"ขณะนี้งบฯก่อสร้างของเรายังคงเดิม แต่ก็มีแผนที่จะพัฒนาส่วนอื่นๆ ภายในสวนสัตว์ที่ไหหลำเพิ่มอีก อาทิ การเข้าไปดูแลเรื่องการส่งเสริมการส่งออกเนื้อจระเข้ ในมณฑลต่างๆ ของประเทศจีน เพราะตลาดเนื้อจระเข้ในจีนตอนนี้มีความเคลื่อนไหวมาก และคุณไมตรี ประธานกรรมการ บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด ก็มีแผนที่จะไปเปิดตลาดทั้งในจีนและค่อยๆ ขยับไปที่ยุโรปอีกด้วย"
ทั้งนี้แผนพัฒนาโครงการส่งเสริมการส่งออกเนื้อจระเข้ในประเทศจีน ของบริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด จะดำเนินการในลักษณะของการเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลจีน ในการจัดตั้งจุดกักโรค เพื่อตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกเนื้อสัตว์ต่างๆ ให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด และยังเป็นการสร้างความมั่นใจ ในการนำเข้าและส่งออกเนื้อสัตว์จากไทย ซึ่งหากประสบผลสำเร็จจะทำให้การส่งออกเนื้อจระเข้ของบริษัทฯ ที่ขาดหายไปกว่า 80% ในระยะ1-2 ปีที่ผ่านมา ที่มีการแพร่ระบาดของโรคซารส์ และเชื้อไข้หวัดนกจะกลับมาอย่างแน่นอน รวมทั้งการส่งออกเนื้อสัตว์จากไทยไปจีนก็จะง่ายยิ่งขึ้นด้วย
อนึ่งก่อนหน้านี้นายไมตรี เต็มศิริพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด ได้เผยก่อนหน้านี้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนบริษัทฯ ในเรื่องการเปิดสวนสัตว์ร่วมกัน และหากสามา รถพัฒนาสวนสัตว์แห่งนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ รัฐบาลจีน ก็พร้อมจะสนับสนุนให้เปิดดำเนินงานในลักษณะนี้ในทุกมณฑลของจีน และหากบริษัทฯสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาลจีนได้ว่า การลงทุนจำนวนพันล้านบาทจะสามารถสร้างผลกำไรได้มากถึง 10 เท่าในระยะเวลา 10 ปี ก็จะเร่งตั้งโรงงานฟอกหนัง ศูนย์วิจัยยารักษาโรคจากอวัยวะต่างๆ ของจระเข้ โดยจะทำในลักษณะเดียวกับศูนย์วิจัยจระเข้ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา