xs
xsm
sm
md
lg

ประเวศชูสามเหลี่ยมดับไฟใต้ เอกชนรอวัดใจนายกฯวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"หมอประเวศ”เสนอสูตรสามเหลี่ยมดับไฟใต้ ระงับความรุนแรงเฉพาะหน้า รักษามวลชน สร้างสันติภาพสร้างเงื่อนไขในการวางอาวุธ ชี้รัฐต้องมองปัญหาแบบคนตาดี เห็นช้างทั้งตัว ไม่ใช่มองแยกส่วนกลายเป็นตาบอดคลำช้าง ขณะที่นายกฯ ต้องเหมือนคอนดักเตอร์ เข้าใจทั้งเนื้อและดนตรีของเพลง จึงจะแก้ไขได้ หากยังหลงเดินทางผิดมีสิทธิ์นำพาบ้านเมืองเข้าสู่ยุคมืด "ชิดชัย"ปัดไม่มีนโยบายส่งคาราวานดาราลงใต้ ต้องเน้นความสมัครใจ ด้านองค์กรภาคธุรกิจ 3 จังหวัดใต้จับจ้องผลประชุมครม.วันนี้เพื่อพิสูจน์ลมปาก"ทักษิณ"ว่ามีความจริงใจดับไฟใต้หรือไม่

วานนี้ ( 22 ส.ค.)ในการเปิดโครงการสื่อสันติภาพโต๊ะข่าวภาคใต้ ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย น.พ.ประเวศ วะสี รองประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์ (กอส.)ได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "สามเหลี่ยมดับไฟใต้" ตอนหนึ่งว่า ปัญหาภาคใต้ที่เกิดขึ้นถ้ารัฐบาลแก้ไม่ได้จะเป็นชนวนจุดความรุนแรงจากภาคใต้มาสู่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งดึงขบวนการจิฮาด จากต่างชาติเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจจะมีการระเบิดในกทม.จนเกิดความโกลาหล ปั่นป่วน และเข้าสู่ยุคมืด รุนแรง

ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องร่วมกันแก้ปัญหาภาคใต้อย่างมีสติ ใช้ปัญญา ร่วมมือกัน แต่ถ้ายึดมั่นในกระแสพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนามาใช้ให้ถูกต้อง

"ต้องมองปัญหาแบบเข้าใจเรื่องทั้งหมด อย่ามองแยกส่วน เหมือนการมองช้าง ถ้าตาดีก็จะเห็นช้างทั้งตัว แต่ถ้าตาบอดก็จะคลำช้างได้เป็นส่วนๆ ทำให้เกิดอารมณ์ นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งรุนแรง แก้ปัญหาไม่ได้"

น.พ.ประเวศ กล่าวว่า ช่วงรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี คือช่วงปี 23-31 สถานการณ์ภาคใต้ไม่รุนแรงมากนัก สาเหตุเพราะ พล.อ.เปรม เป็นคนใต้ มีบารมี มีประสบการณ์แก้ไขปัญหาเรื่องคอมมิวนิสต์ จึงใช้ยุทธศาสตร์การจัดตั้ง พตท.43 และ ศอ.บต.ขึ้นมาดูแลไม่ให้มีการอุ้มฆ่า และสร้างความเป็นธรรมในพื้นที่

"แต่แล้วสถานการณ์ภาคใต้ ก็มีความรุนแรงระดับพุ่งกระฉูดช่วงปี 44-48 โดยเฉพาะปี 47-48 มีสถานการณ์โหดร้ายมากขึ้น สาเหตุสำคัญเพราะรัฐบาลใช้นโยบายที่ผิดพลาด รวมทั้งท่าทีที่แข็งกร้าว และนายกฯ ก็ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่รัฐ จนไปยุบ พตท.43 และ ศอ.บต.ทำให้เกิดการอุ้มฆ่ากันมาก มีผู้กล่าวไว้ว่าหากมีการอุ้มฆ่าไป 200 คน จะเกิดแนวร่วม 2 หมื่นคน ขณะนี้หน่วยข่าวกรองของรัฐประเมินว่า มีแนวร่วมแบบหลวมๆ 2 แสนคน แบบแนบแน่น 2 หมื่นคน ผู้เกี่ยวข้องก่อความไม่สงบประมาณ 1 หมื่นคน แก่นแกนอีก 2 พัน อีก 8 พันอาจจะเปลี่ยนได้ ถ้ามีความถูกต้องเป็นธรรม ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรง ความรุนแรงก็จะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าใช้ความสมานฉันท์ เชื่อว่าความรุนแรงก็จะลดลง"

ดังนั้นขอเสนอแนวทางวิธีดับไฟใต้ต้องยึดหลัก 3 ประการคือ ระงับความรุนแรงเฉพาะ 2. รักษามวลชน 3.สร้างสันติภาพหรือเงื่อนไขในการวางอาวุธ หรือยุทธศาสตร์ 3 เหลี่ยมดับไฟใต้ ที่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน เช่นจับผู้กระทำผิดให้ได้ สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน มีการข่าวที่แม่นยำ การนิรโทษกรรม เช่นกับ 58 แกนนำที่ชุมนุมที่ สภ.อ.ตากใบ นราธิวาส ยึดหลักสันติวิธี ไม่มีการอุ้มฆ่า โดยนำยุทธศาสตร์สันติวิธี ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 187 /2546 มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ สร้างความเข้าใจกับประชาคมอิสลามทั่วโลก

นอกจากนี้กุญแจความสำเร็จในการแก้ปัญหาภาคใต้ ต้องเน้นความเป็นเอกภาพในยุทธศาสตร์ของอำนาจรัฐ หรือ "หลักเบญจภาคี 5 ส่วน" โดยการเมือง กองทัพ ตำรวจ พลเรือน ต้องร่วมมือกัน เฉพาะอย่างยิ่งบทบาทความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญที่สุด เพราะนายกฯ คือผู้อำนวยเพลง หรือ คอนดักเตอร์ ของวงออเคสต้า ที่ต้องเข้าใจเพลงทั้งหมด ต้องเข้าใจแก้ปัญหาภาคใต้ เพราะนี่คือวิกฤตชาติวิกฤตการเมือง และวิกฤตชีวิตการเมืองของนายกรัฐมนตรีด้วย และต้องร่วมใจกันฟันฝ่าโดยกระบวนการด้านสังคม และการทำงานของสื่อมวลชนก็มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน

**ไม่จัดคาราวานดาราลงใต้

ในวันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง

พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวภายหลังการประชุมถึงนโยบายการนำดาราไปช่วยแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ไม่มี เว้นแต่ว่าใครจะสมัครใจไปช่วย คิดว่าดาราหลายคนอยากจะไปช่วย อย่างที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ปัตตานี แล้วที่ นางสาวสุวนันท์ คงยิ่ง ดารานักแสดง ลงไปด้วยนั้น เป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนกับนายดนุพร ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ตามกันไป ส่วนที่จะผลัดเปลี่ยนรัฐมนตรีลงไปทุกตลาดนัดวันศุกร์นั้น ก็จะหมุนไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ จะใช้งานทางด้านการสังคมเข้าไปดูแล รวมทั้งวิธีการสืบสวนสอบสวนและวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีทั้งหมด ซึ่งก็ปรับไปแล้ว ส่วนพวกที่อยู่เบื้องหลังการก่อความไม่สงบทั้งหมด ตอนนี้กำลังสกัด อย่างการข่าวเอง เขาก็ระมัดระวังตัวแกนสำคัญที่เราต้องการตัวอยู่ อย่างเหตุระเบิดโรงเรียนแสงทอง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เราก็ได้ตัวการสำคัญมาแล้ว ส่วนตัวอื่นๆเราก็พยายามตามอยู่ และการบังคับใช้กฎหมายยังทำเต็มที่อยู่ แต่ใช้วิธีที่มีผลทางจิตวิทยา

ผู้สื่อข่าวถามว่า วิธีสอบสวนที่กล่าวถึงต่างจากเดิมอย่างไร พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า เราใช้จิตวิทยามากขึ้น แล้วใช้วิธีทางด้านวิทยาศาสตร์ ไปตั้งที่ค่ายอินทยุทธ์ 4 หน่วย คือ นิติวิทยาศาสตร์จากกระทรวงยุติธรรม จากสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทหาร เมื่อถามว่าการทำงานระหว่างตำรวจกับกระทรวงยุติธรรม แตกต่างกันอย่างไร พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า มันมีจุดเด่น อย่างตำรวจมีจุดเด่นในเรื่องการตรวจสอบปืน เขมา วัตถุระเบิด พิมพ์มือ ส่วนทางด้านดีเอ็นเอ ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือที่จะนำไปใช้ ส่วนเมื่อผลออกมาจะใช้ของใครเป็นหลักฐานนั้น พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า เป็นหน่วยงานรวม อันเดียวกัน เป็นของผู้เชี่ยวชาญ ทะเลาะกันแล้ว เพราะมีคนชื่อชิดชัย ช่วยประสานงานอยู่

**ผู้หลงผิดกลับใจมอบตัว 29 คน

พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ โฆษกกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขชาย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) กล่าวว่า ได้รายงานให้ที่ประชุมได้รับทราบถึงการเข้ามอบตัวของผู้ก่อการความไม่สงบโดยขณะนี้มีทั้งสิ้น 29 คน และพบว่าทางผู้ก่อการเองได้เริ่มระส่ำระสาย สำหรับรัฐบาลจะดูแลผู้ที่เข้ามามอบตัวอย่างดีที่สุด อยากฝากถึงผู้ก่อการที่หลงผิด สามารถกลับตัวกลับใจได้ โดยหน่วยงานราชการก็จะให้โอกาส ทั้งนี้มีการรายงานถึงเรื่องที่จะเน้นการดูแลให้ครูและนักเรียน โดยจะมีออกระเบียบในการทำงานอย่างละเอียดถึงระดับกองร้อย นอกจากนี้ประเด็นในการประชุมวันนี้อยู่ที่การพัฒนาการศึกษา โดยเน้นพัฒนาโรงเรียนตาฎีกาให้ดีที่สุด รวมทั้งการพิจารณาให้ทุนศึกษาต่อ ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาในการที่จะทำให้การศึกษาเกิดประโยชน์ที่สุดในเรื่องการศึกษาศาสนาศึกษาเรื่องของสายสามัญ รวมทั้งระดับอุดมศึกษา และพิจารณาผู้ที่ไปศึกในตะวันออกกลาง หลังจบการศึกษาก็ให้มีการพิจารณาหางานรองรับ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการให้ใบอนุญาตเรื่องโรงโม่หิน ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงในขณะนี้ พล.ท.พลางกูร กล่าวว่า ได้มีการหารือกัน และในการดำเนินการจะมีการดูแลอย่างรัดกุมในทุกกระบวนการ ซึ่งจะต้องนำอุปกรณ์มาเก็บไว้ในที่ของทหารก่อน คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร

**ภาคธุรกิจใต้จับตาผลประชุมครม.

นายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาคธุรกิจในพื้นที่ได้มีโอกาสร่วมประชุมและยื่นข้อเรียกร้องให้กับ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่ดูแลการแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้นักธุรกิจค่อนข้างมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างว่า รัฐบาลจะเข้ามาดูแลและแก้ปัญหาผลกระทบทางด้านธุรกิจในพื้นที่อย่างจริงจัง หลังจากที่ต้องประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

"เรามั่นใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีการหารือการแก้ปัญหาในเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างจริงจัง ซึ่งข้อเสนอต่างๆ ที่เราได้ยื่นไปนั้น รัฐบาลจะมีการนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งในส่วนของภาคธุรกิจเองก็ได้แสดงความเชื่อมั่นให้รัฐบาลเห็นแล้วว่า พวกเราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป" นายศิริชัย กล่าว

ทั้งนี้ สิ่งแรกที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ คือ รัฐบาลต้องมีการนำข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม.ในวันนี้ (23 ส.ค.) ซึ่งเรื่องนี้จะพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เราขอให้รัฐบาลช่วยเหลือนั้นได้รับความสนใจเพียงใด
กำลังโหลดความคิดเห็น