ม็อบเกษตรกรขู่เคลื่อนพลนับแสนเข้ากรุง 7ส.ค.นี้ หลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรล่ม เมื่อ"พินิจ"สั่งปิดประชุมเหตุ"ประสาน"ขอลาออกจากรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ด้านตัวแทนเกษตรกรเดือดเปิดประชุมต่อ แถมเลือกรักษาการเลขาฯขึ้นมาเอง ด้าน"พินิจ"ชี้กการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่โมฆะ ไม่มีกฎหมายรองรับ
เมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้(11 ก.ค.)นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พร้อมกับแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 5ไม่ใช่ครั้งที่ 6 การที่นายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ ไปเรียกประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.48 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยกำหนดให้เป็นการประชุมครั้งที่ 5 ทั้งที่ตนไม่ได้สั่งการนั้น ถือว่าเหิมเกริม ท้าทายกฏหมาย ท้าทายอำนาจรัฐ ท้าทายความถูกต้องและไม่มีกฏหมายใดรองรับ ซึ่งตนเสียใจมากที่การประชุมครั้งนั้นมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ และมหาวิทยาลัยเข้าร่วมด้วย ท่านเหล่านี้ควรรู้กฏหมาย ดังนั้น การเข้าร่วมประชุมจะทำให้ตกที่นั่งลำบากไปด้วย สำหรับตัวแทนเกษตรกรนั้นขอบอกให้ทุกคนใจเย็น ยึดประโยชน์ส่วนรวมและกฎหมายโดยจะต้องเคลียร์ปัญหาต่างๆ ให้ชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ นายพินิจ ยังรายงานให้ที่ประชุมทราบด้วยว่า ขณะนี้นายประสาน ได้ทำหนังสือของลาออกจากตำแหน่งแล้ว เมื่อเวลา 12.30 น.วานนี้ (11 ก.ค.48)เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อเนื่องอีก โดยเมื่อมาถึงช่วงนี้ นายไชยยศ จิระเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ขอหารือต่อที่ประชุมว่า เมื่อนายประสาน ขอลาออกไปแล้ว ทำให้การประชุมครั้งนี้ไม่มีผู้รักษาการเลขาธิการฯ จึงไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้น นายพินิจ จึงขอปิดการประชุม และให้ถือว่าวันนี้ไม่มีการประชุม แต่เมื่อคณะกรรมการมาร่วมกันแล้ว ก็ขอให้เป็นการปรึกษาหารือแทน โดยนายพินิจ ได้กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฏีกาได้ส่งการตีความในปัญหาต่างๆ ของกองทุนฟื้นฟูฯ กลับมาแล้วจึงขอให้ดำเนินการตามนั้น หากทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเมือง การทำงานของกองทุนฟื้นฟูฯ ก็จะราบรื่น ตนเป็นคนไม่กลัว และพร้อมลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้ทุกวัน ไม่วิตกกับตำแหน่ง ขอให้ตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจ จากนั้นนายพินิจ ได้ขอปิดการปรึกษาหารือ ซึ่งใช้เวลาเพียง 5นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงตอนนี้กรรมการที่เป็นตัวแทนของเกษตรกรได้ขอให้เปิดการประชุม หรือเปิดการปรึกษาหารือใหม่ แต่นายพินิจไม่ยอม เพราะถือว่าองค์ประชุมไม่ครบ พร้อมกับเดินออกจากห้องประชุมไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางกรรมการที่เหลืออีก 22 คน จึงมีความเห็นให้เปิดประชุมต่อไป โดยทำการเลือกประธานในที่ประชุมขึ้นมาเอง พร้อมกับผู้ทำหน้าที่เลขาฯ ที่ประชุมเพื่อจดบันทึกการประชุม เพราะในขณะนั้นไม่เหลือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ อยู่ในที่ประชุมแล้ว โดยเนื้อหาที่ประชุมกันได้แก่ การรับรองรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.48 ที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารเพิ่มเติม และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรขึ้นมา รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งให้ นายสมยศ พิลานคำ กรรมการผู้แทนเกษตรกร จ.น่าน ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการฯ ซึ่งในระหว่างการประชุมนี้ เจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลได้ดำเนินการปิดไฟ ปิดแอร์ และปิดไมโครโฟนทั้งหมด
ทั้งนี้ภายหลังการประชุมได้มีการเปิดแถลงข่าวของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเริ่มจากฝ่ายตัวแทนเกษตรกร นำโดย นายเฉลียว สุวรรณประภา กรรมการผู้แทนเกษตรกร จ.เชียงราย กล่าวว่า การที่คณะกรรมการประชุมต่อสามารถทำได้ตามกฎหมาย เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จึงได้คัดเลือกนายสมยศ ขึ้นเป็นรักษาการเลขาธิการ เพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินงานต่อไปได้ เพราะตอนนี้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรค้างมา 8 เดือนแล้ว ไม่มีการเข้าไปดำเนินการอะไร และเป็นเรื่องรอไม่ได้ และเห็นว่าการที่นายพินิจ สั่งปิดประชุมเช่นนี้จะเสนอความเห็นพฤติกรรมของนายพินิจ ไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าไม่เหมาะสมมาเป็นประธานกองทุนฟื้นฟูฯ นอกจากนั้น นายพินิจ ยังเดินออกไปจากที่ประชุม ซึ่งนายเฉลียว ระบุว่า นายพินิจ ออกไปเพราะ"ไม่สบอารมณ์"
นายรณชิต ทุ่มโมง กรรมการกองทุนฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรมีนัดเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาดูแลอย่างแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรจริงจัง และเชื่อว่าจะมีเกษตรกรเข้านับแสนคน
นายพินิจ กล่าวกล่าวภายหลังว่า เมื่อการประชุมครั้งนี้ไม่ครบองค์ประชุม จึงประชุมไม่ได้ และที่ตัวแทนเกษตรกรไปประชุมต่อกันเอง ถือว่าไม่ถูกต้องเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่งตั้งใครไปก็ไม่มีผลตามกฎหมาย และยืนยันว่าคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ จะต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฏีกาตีความในข้อกฎหมายที่ตนถามไปเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเรียกประชุมในวันที่ 29 มิ.ย.ก่อน ว่าถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
เมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้(11 ก.ค.)นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พร้อมกับแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 5ไม่ใช่ครั้งที่ 6 การที่นายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ ไปเรียกประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.48 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยกำหนดให้เป็นการประชุมครั้งที่ 5 ทั้งที่ตนไม่ได้สั่งการนั้น ถือว่าเหิมเกริม ท้าทายกฏหมาย ท้าทายอำนาจรัฐ ท้าทายความถูกต้องและไม่มีกฏหมายใดรองรับ ซึ่งตนเสียใจมากที่การประชุมครั้งนั้นมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ และมหาวิทยาลัยเข้าร่วมด้วย ท่านเหล่านี้ควรรู้กฏหมาย ดังนั้น การเข้าร่วมประชุมจะทำให้ตกที่นั่งลำบากไปด้วย สำหรับตัวแทนเกษตรกรนั้นขอบอกให้ทุกคนใจเย็น ยึดประโยชน์ส่วนรวมและกฎหมายโดยจะต้องเคลียร์ปัญหาต่างๆ ให้ชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ นายพินิจ ยังรายงานให้ที่ประชุมทราบด้วยว่า ขณะนี้นายประสาน ได้ทำหนังสือของลาออกจากตำแหน่งแล้ว เมื่อเวลา 12.30 น.วานนี้ (11 ก.ค.48)เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อเนื่องอีก โดยเมื่อมาถึงช่วงนี้ นายไชยยศ จิระเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ขอหารือต่อที่ประชุมว่า เมื่อนายประสาน ขอลาออกไปแล้ว ทำให้การประชุมครั้งนี้ไม่มีผู้รักษาการเลขาธิการฯ จึงไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้น นายพินิจ จึงขอปิดการประชุม และให้ถือว่าวันนี้ไม่มีการประชุม แต่เมื่อคณะกรรมการมาร่วมกันแล้ว ก็ขอให้เป็นการปรึกษาหารือแทน โดยนายพินิจ ได้กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฏีกาได้ส่งการตีความในปัญหาต่างๆ ของกองทุนฟื้นฟูฯ กลับมาแล้วจึงขอให้ดำเนินการตามนั้น หากทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเมือง การทำงานของกองทุนฟื้นฟูฯ ก็จะราบรื่น ตนเป็นคนไม่กลัว และพร้อมลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้ทุกวัน ไม่วิตกกับตำแหน่ง ขอให้ตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจ จากนั้นนายพินิจ ได้ขอปิดการปรึกษาหารือ ซึ่งใช้เวลาเพียง 5นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงตอนนี้กรรมการที่เป็นตัวแทนของเกษตรกรได้ขอให้เปิดการประชุม หรือเปิดการปรึกษาหารือใหม่ แต่นายพินิจไม่ยอม เพราะถือว่าองค์ประชุมไม่ครบ พร้อมกับเดินออกจากห้องประชุมไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางกรรมการที่เหลืออีก 22 คน จึงมีความเห็นให้เปิดประชุมต่อไป โดยทำการเลือกประธานในที่ประชุมขึ้นมาเอง พร้อมกับผู้ทำหน้าที่เลขาฯ ที่ประชุมเพื่อจดบันทึกการประชุม เพราะในขณะนั้นไม่เหลือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ อยู่ในที่ประชุมแล้ว โดยเนื้อหาที่ประชุมกันได้แก่ การรับรองรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.48 ที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารเพิ่มเติม และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรขึ้นมา รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งให้ นายสมยศ พิลานคำ กรรมการผู้แทนเกษตรกร จ.น่าน ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการฯ ซึ่งในระหว่างการประชุมนี้ เจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลได้ดำเนินการปิดไฟ ปิดแอร์ และปิดไมโครโฟนทั้งหมด
ทั้งนี้ภายหลังการประชุมได้มีการเปิดแถลงข่าวของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเริ่มจากฝ่ายตัวแทนเกษตรกร นำโดย นายเฉลียว สุวรรณประภา กรรมการผู้แทนเกษตรกร จ.เชียงราย กล่าวว่า การที่คณะกรรมการประชุมต่อสามารถทำได้ตามกฎหมาย เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จึงได้คัดเลือกนายสมยศ ขึ้นเป็นรักษาการเลขาธิการ เพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินงานต่อไปได้ เพราะตอนนี้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรค้างมา 8 เดือนแล้ว ไม่มีการเข้าไปดำเนินการอะไร และเป็นเรื่องรอไม่ได้ และเห็นว่าการที่นายพินิจ สั่งปิดประชุมเช่นนี้จะเสนอความเห็นพฤติกรรมของนายพินิจ ไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าไม่เหมาะสมมาเป็นประธานกองทุนฟื้นฟูฯ นอกจากนั้น นายพินิจ ยังเดินออกไปจากที่ประชุม ซึ่งนายเฉลียว ระบุว่า นายพินิจ ออกไปเพราะ"ไม่สบอารมณ์"
นายรณชิต ทุ่มโมง กรรมการกองทุนฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรมีนัดเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาดูแลอย่างแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรจริงจัง และเชื่อว่าจะมีเกษตรกรเข้านับแสนคน
นายพินิจ กล่าวกล่าวภายหลังว่า เมื่อการประชุมครั้งนี้ไม่ครบองค์ประชุม จึงประชุมไม่ได้ และที่ตัวแทนเกษตรกรไปประชุมต่อกันเอง ถือว่าไม่ถูกต้องเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่งตั้งใครไปก็ไม่มีผลตามกฎหมาย และยืนยันว่าคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ จะต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฏีกาตีความในข้อกฎหมายที่ตนถามไปเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเรียกประชุมในวันที่ 29 มิ.ย.ก่อน ว่าถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่