ส.ว.ประจานรัฐบาลเผด็จการ ใช้กระบวนการศาลเตี้ย สั่งปิดปากสื่อ ฮึดช่วย"อัญชลี" ชี้ประเทศไทยเผด็จการใกล้เคียงจีนทุกขณะ เตรียมเรียกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบมาชี้แจงในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ในการประชุมคณะกรรมมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา ที่มี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี เป็นประธาน ได้จัดพิจารณากรณีการสั่งปิดเว็บไซต์ www.fm9225.com ของคลื่นวิทยุชุมชนคนรักประชาธิปไตย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และเว็บไซต์ www.thai-insider.com ของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร โดยเชิญ น.ส.อัญชลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนคลื่นนี้ มาชี้แจง
นพ.นิรันดร์ได้สอบถามถึงรูปแบบของการดำเนินงานวิทยุชุมชนเอฟเอ็ม 92.25 และเว็บไซด์ ของคลื่นว่ามีรูปแบบเช่นใด และเหตุใดทางกระทรวงไอซีที จึงมีคำสั่งปิดดังกล่าวออกมา
น.ส.อัญชลี กล่าวว่า คลื่นของตนได้เปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.48 โดยการออกอากาศเน้นเนื้อหาไปที่การวิเคราะห์ข่าวสารบ้านเมือง อย่างตรงไปตรงมา และก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่า รายการตนจะมีคนติดตามมาก จนทำให้ไปกระทบกับบุคลหลาย ๆ ฝ่าย จนถึงต้องสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจค้น รวมถึงการส่งคลื่นสัญญาณแรงสูงมารบกวนคลื่นตน จนทำให้พื้นที่บริเวณใกล้เคียงไม่สามารถรับฟังได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องขยายการรับสัญญาน และการรับฟังเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่องทาง คือทางเว็บไซต์ ต่อมาก็มีคำสั่งจากนายสุรชัย นิลแสง สารวัตรอินเตอร์เน็ต มีคำส่งปิดเว็บไซต์ของตนโดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาในเว็บไซต์ มีเนื้อหาที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
"เป็นที่น่าสังเกตว่า เอกสารสั่งปิดจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงไอซีที และจากเจ้าของโดเมนเนม นั้นได้ลงวันที่ 20 มิ.ย. ทั้ง 3 ฉบับ จึงทำให้คิดได้ว่ามีผู้สั่งการ แต่รัฐมนตรีทีเกี่ยวข้องก็ได้ออกมาปฏิเสธ นอกจากนี้คลื่นของดิฉัน ได้มีการจดทะเบียนถูกต้องตามระเบียบกรมประชาสัมพันธ์ แต่ก็ยังถูกรังแก"
จากนั้นนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.หนึ่งในกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสัเกตุว่า เป็นเรื่องน่าแปลกที่จดหมายทั้ง 3 ฉบับลงวันที่ตรงกันเพื่อให้สั่งปิดเว็บไซต์ ตนเห็นว่าการสั่งปิดเว็บไซต์ที่อ้างเหตุ กระทบต่อความั่นคงของชาติ จะกลายเป็นข้ออ้างที่ใช้ในการสั่งปิดเว็บไซต์ทั้ง 2 นอกจากนี้ตนเห็นว่า การที่สารวัตรอินเตอร์เน็ต ทำตัวเป็นศาลเตี้ยในการตัดสินใจสั่งปิดเว็บไซต์ ยังไม่มีใครมาพิสูจน์ว่าอำนาจเหล่านั้นสามารถทำได้ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ สามารถตั้งข้อหล่าวหาได้ว่า นายสุรชัย จงใจละเมิด และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157ของประมวลกฎหมายอาญา ผู้เสียหายโดยตรงต้องดำเนินคดีเพราะได้กระทำผิดขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกทัั้งเป็นการ คุกคามผู้ที่อยู่ภายใต้กฏหมาย อีกทั้งการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อไม่ควรตกอยู่ภายใต้อาณัตของการเตือนทุกรูปแบบ
นายจอน อึ๊งภากรณ์ ส.ว.กทม.กล่าวว่า การสั่งปิดเว็บไซด์นั้นถือเป็นการเลวร้ายกว่าการสั่งปิดสื่อวิทยุหลายเท่า เพราะทั่วโลกไม่สามารถควบคุมสื่ออินเตอร์เน็ตได้ เท่าที่พบมีเพียงประเทศจีน และประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้นจึงมองได้ว่ารัฐบาลไทยใช้มาตรการเดียวกันกับรัฐบาลเผด็จการขอประเทศจีน ที่สั่งแบนไม่ให้บุคคลที่มีความคิดเห็นทาการเมืองที่แตกต่างได้แสดออกทางด้านความคิด นอกจากนี้ยังประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายใดออกมารองรับการใช้อำนาจข่มขู่คุกคาม หรือสั่งปิดเว็บไซต์แม้แต่มาตราเดียว ซึ่งมองได้ว่า การที่โดเมนเนม ส่งจดหมายมาเตือนให้ปิดนั้นเป็นเพราะว่า เป็นบริษัทที่ทำงนอยู่ภายใต้กระทรวงไอซีที จึงเกรงว่ากระทรวงไอซีที จะไม่ต่อสัญญาทางธุรกิจให้ การดำเนินการทุกอย่าจึงไม่ได้เกิดจากความเต็มใจแต่เกิดจากความกลัว
จากนั้น น.ส.อัญชลี ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคนโทรมาบอกตนให้เลิกจัดรายการนี้ เพราะครั้งนี้เขาคงเอาจริง ทำให้ตนรู้สึกน้อยใจมาก เหมือนตอนนี้ตนสู้อยู่คนเดียว สมาคมนักข่าวฯ ก็ไม่เข้ามาช่วยเหลือทั้งที่ตนก็อยู่ในวงการสื่อมา 19 ปี ทำทุกอย่างก็เพราะจิตสำนึกที่มีต่อสังคม แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาพิพากษา แต่ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ตอนนี้ตนเหมือนคนที่แพ้แล้ว ผู้ดำเนินรายการของคลื่นบางคนทั้งที่เป็นนักเขียนตัวเล็กๆ ก็ต้องโดนตำรวจบุกค้นห้อง ตอนนี้ทั้งกลัวทั้งรู้สึกแย่
"อยากรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกวันนี้อย่าสยบยอมต่อความไม่เป็นธรรม เราต้องต่อสู้เพื่อความชอบธรรมให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็จะกลายเป็นหมาเฝ้าบ้าน ที่คอยไล่งับแต่เศษเนื้อไปวันๆ"น.ส.อัญชลี กล่าว
นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ในวันศุกร์นี้ (1 ก.ค.)จะเชิญ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสุรชัย นิลแสง สารวัตรอินเตอร์เน็ตมาร่วมชี้แจงเพื่อในประเด็นนี้ให้กระจ่างให้ได้
"ขณะนี้สังคมของประเทศไทยเรากำลังชินชากับคำว่า คำเตือน เช่นผู้ใหญ่โทรมาเตือนทั้งๆ ที่การโทรมาเตือนนั้นผมมองว่ามันเป็นการข่มขู่ ซึ่งผมรับไม่ได้ การกระทำต่อทั้ง 2 เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่ออย่างรุนแรง ต้องมีการสอบสวนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อจะไม่ให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป"
ในการประชุมคณะกรรมมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา ที่มี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี เป็นประธาน ได้จัดพิจารณากรณีการสั่งปิดเว็บไซต์ www.fm9225.com ของคลื่นวิทยุชุมชนคนรักประชาธิปไตย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และเว็บไซต์ www.thai-insider.com ของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร โดยเชิญ น.ส.อัญชลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนคลื่นนี้ มาชี้แจง
นพ.นิรันดร์ได้สอบถามถึงรูปแบบของการดำเนินงานวิทยุชุมชนเอฟเอ็ม 92.25 และเว็บไซด์ ของคลื่นว่ามีรูปแบบเช่นใด และเหตุใดทางกระทรวงไอซีที จึงมีคำสั่งปิดดังกล่าวออกมา
น.ส.อัญชลี กล่าวว่า คลื่นของตนได้เปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.48 โดยการออกอากาศเน้นเนื้อหาไปที่การวิเคราะห์ข่าวสารบ้านเมือง อย่างตรงไปตรงมา และก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่า รายการตนจะมีคนติดตามมาก จนทำให้ไปกระทบกับบุคลหลาย ๆ ฝ่าย จนถึงต้องสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจค้น รวมถึงการส่งคลื่นสัญญาณแรงสูงมารบกวนคลื่นตน จนทำให้พื้นที่บริเวณใกล้เคียงไม่สามารถรับฟังได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องขยายการรับสัญญาน และการรับฟังเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่องทาง คือทางเว็บไซต์ ต่อมาก็มีคำสั่งจากนายสุรชัย นิลแสง สารวัตรอินเตอร์เน็ต มีคำส่งปิดเว็บไซต์ของตนโดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาในเว็บไซต์ มีเนื้อหาที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ
"เป็นที่น่าสังเกตว่า เอกสารสั่งปิดจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงไอซีที และจากเจ้าของโดเมนเนม นั้นได้ลงวันที่ 20 มิ.ย. ทั้ง 3 ฉบับ จึงทำให้คิดได้ว่ามีผู้สั่งการ แต่รัฐมนตรีทีเกี่ยวข้องก็ได้ออกมาปฏิเสธ นอกจากนี้คลื่นของดิฉัน ได้มีการจดทะเบียนถูกต้องตามระเบียบกรมประชาสัมพันธ์ แต่ก็ยังถูกรังแก"
จากนั้นนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.หนึ่งในกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสัเกตุว่า เป็นเรื่องน่าแปลกที่จดหมายทั้ง 3 ฉบับลงวันที่ตรงกันเพื่อให้สั่งปิดเว็บไซต์ ตนเห็นว่าการสั่งปิดเว็บไซต์ที่อ้างเหตุ กระทบต่อความั่นคงของชาติ จะกลายเป็นข้ออ้างที่ใช้ในการสั่งปิดเว็บไซต์ทั้ง 2 นอกจากนี้ตนเห็นว่า การที่สารวัตรอินเตอร์เน็ต ทำตัวเป็นศาลเตี้ยในการตัดสินใจสั่งปิดเว็บไซต์ ยังไม่มีใครมาพิสูจน์ว่าอำนาจเหล่านั้นสามารถทำได้ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ สามารถตั้งข้อหล่าวหาได้ว่า นายสุรชัย จงใจละเมิด และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157ของประมวลกฎหมายอาญา ผู้เสียหายโดยตรงต้องดำเนินคดีเพราะได้กระทำผิดขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกทัั้งเป็นการ คุกคามผู้ที่อยู่ภายใต้กฏหมาย อีกทั้งการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อไม่ควรตกอยู่ภายใต้อาณัตของการเตือนทุกรูปแบบ
นายจอน อึ๊งภากรณ์ ส.ว.กทม.กล่าวว่า การสั่งปิดเว็บไซด์นั้นถือเป็นการเลวร้ายกว่าการสั่งปิดสื่อวิทยุหลายเท่า เพราะทั่วโลกไม่สามารถควบคุมสื่ออินเตอร์เน็ตได้ เท่าที่พบมีเพียงประเทศจีน และประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้นจึงมองได้ว่ารัฐบาลไทยใช้มาตรการเดียวกันกับรัฐบาลเผด็จการขอประเทศจีน ที่สั่งแบนไม่ให้บุคคลที่มีความคิดเห็นทาการเมืองที่แตกต่างได้แสดออกทางด้านความคิด นอกจากนี้ยังประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายใดออกมารองรับการใช้อำนาจข่มขู่คุกคาม หรือสั่งปิดเว็บไซต์แม้แต่มาตราเดียว ซึ่งมองได้ว่า การที่โดเมนเนม ส่งจดหมายมาเตือนให้ปิดนั้นเป็นเพราะว่า เป็นบริษัทที่ทำงนอยู่ภายใต้กระทรวงไอซีที จึงเกรงว่ากระทรวงไอซีที จะไม่ต่อสัญญาทางธุรกิจให้ การดำเนินการทุกอย่าจึงไม่ได้เกิดจากความเต็มใจแต่เกิดจากความกลัว
จากนั้น น.ส.อัญชลี ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคนโทรมาบอกตนให้เลิกจัดรายการนี้ เพราะครั้งนี้เขาคงเอาจริง ทำให้ตนรู้สึกน้อยใจมาก เหมือนตอนนี้ตนสู้อยู่คนเดียว สมาคมนักข่าวฯ ก็ไม่เข้ามาช่วยเหลือทั้งที่ตนก็อยู่ในวงการสื่อมา 19 ปี ทำทุกอย่างก็เพราะจิตสำนึกที่มีต่อสังคม แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาพิพากษา แต่ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ตอนนี้ตนเหมือนคนที่แพ้แล้ว ผู้ดำเนินรายการของคลื่นบางคนทั้งที่เป็นนักเขียนตัวเล็กๆ ก็ต้องโดนตำรวจบุกค้นห้อง ตอนนี้ทั้งกลัวทั้งรู้สึกแย่
"อยากรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกวันนี้อย่าสยบยอมต่อความไม่เป็นธรรม เราต้องต่อสู้เพื่อความชอบธรรมให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็จะกลายเป็นหมาเฝ้าบ้าน ที่คอยไล่งับแต่เศษเนื้อไปวันๆ"น.ส.อัญชลี กล่าว
นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ในวันศุกร์นี้ (1 ก.ค.)จะเชิญ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสุรชัย นิลแสง สารวัตรอินเตอร์เน็ตมาร่วมชี้แจงเพื่อในประเด็นนี้ให้กระจ่างให้ได้
"ขณะนี้สังคมของประเทศไทยเรากำลังชินชากับคำว่า คำเตือน เช่นผู้ใหญ่โทรมาเตือนทั้งๆ ที่การโทรมาเตือนนั้นผมมองว่ามันเป็นการข่มขู่ ซึ่งผมรับไม่ได้ การกระทำต่อทั้ง 2 เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่ออย่างรุนแรง ต้องมีการสอบสวนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อจะไม่ให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป"