ศูนย์ข่าวศรีราชา -สวนเสือศรีราชาจับมือรัฐบาลจีน ใช้งบ1.2 พันล้านเปิด"สวนสัตว์ "500 ไร่ บนเกาะไหหลำ สิงหาคมนี้ พร้อมเตรียมเจรจาให้จีนหนุนอีกพันล้าน ตั้งศูนย์วิชาการเพาะพันธุ์จระเข้ รวมทั้งโรงงานฟอกหนังครบวงจร เพื่อให้เป็นทั้งแหล่งรวบรวมความรู้และเพาะพันธุ์สำหรับผลิตยารักษาโรค จำหน่ายเนื้อป้อนตลาดในจีน คาดสร้างรายได้เพิ่ม 10 เท่าในระยะ10 ปี ส่วนตลาดในประเทศ เตรียมดึงกรุ๊ปญี่ปุ่นเที่ยวแทนทัวร์จีนที่หายไป
นายไมตรี เต็มศิริพงษ์ ประธานกรรมการบริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ ซู จำกัด (สวนเสือศรีราชา ) เผยถึงความคืบหน้า แผนนำบริษัทเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเดิมตั้งเป้าไว้ปี 2549 หลังว่าจ้างบริษัท แอสเซ็ท พลัส จำกัด วางรูปแบบดำเนินงาน หลังสร้างผลกำไรติดต่อกันในระยะ 3 ปีมากกว่า 40 ล้านบาท และยังเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 100 ล้านบาท เป็น 320 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2547ว่า
แผนดังกล่าวจะต้องพับไปก่อน หลังจากต้นปี 2548 สวนเสือศรีราชา ต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จีนที่หายไปหมด
ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาสวนเสือศรีราชา ยังได้ร่วมมือกับรัฐบาลจีน ในการเปิดสวนสัตว์แห่งใหม่ในเนื้อที่ 500 ไร่ ณ เกาะไหหลำ ที่จะเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจำเป็นจะต้องทุ่มกำลังทั้งหมดไปในการพัฒนาสวนสัตว์แห่งใหม่ เพื่อให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยบริษัท ได้นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ทั้งจระเข้และเสือไปเพาะพันธุ์ ที่เกาะไหหลำแล้วจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ การลงทุนในส่วนการเปิดสวนสัตว์ ที่ เกาะไหหลำ ประเทศจีน ในส่วนของบริษัท ลงทุนไปทั้งสิ้น 250 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 พันล้านบาท และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการของบประมาณส่งเสริมด้านการทำวิจัยและเกษตรไฮเทค ซึ่งสวนเสือศรีราชา มีแผนที่จะย้ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จระเข้ไปไว้ ที่ เกาะไหหลำ เพื่อตั้งศูนย์วิจัยสำหรับผลิตยารักษาโรค โดยใช้เครื่องในจระเข้ และอวัยวะต่างๆ แบบครบวงจร และยังจะตั้งโรงงานฟอกหนังจระเข้เพื่อส่งจำหน่ายในประเทศจีน ภายใต้งบประมาณที่ขอสนับสนุนอีก 1 พันล้านบาทอีกด้วย
"ขณะนี้รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนเรามาก ในเรื่องของการเปิดสวนสัตว์ร่วมกัน และหากเราสามารถพัฒนาสวนสัตว์แห่งนี้ให้ประสบความสำเร็จ รัฐบาลจีน ก็พร้อมจะสนับสนุนให้เราเปิดดำเนินงานในลักษณะนี้ในทุกมณฑลของจีน ซึ่งเราก็สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่รัฐบาลจีนได้ว่า การลงทุนจำนวนพันล้านบาท จะสามารถสร้างผลกำไรได้มากถึง 10 เท่าในระยะเวลา 10 ปี และหลังเปิดสวนสัตว์แล้ว เราก็จะตั้งโรงงานฟอกหนัง ศูนย์วิจัยยารักษาโรคจากอวัยวะต่างๆ ของจระเข้ โดยจะทำในลักษณะเดียวกับศูนย์วิจัยจระเข้ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา "
สำหรับการพัฒนาตลาดในประเทศไทย ในปี 2548 สวนเสือศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีแผนที่จะเปิดให้บริการในส่วนพิพิธภัณฑ์จระเข้ ซึ่งก่อสร้างเป็นอาคารรูปทรงจระเข้สูง 3 ชั้น ขนาด 300 เมตร ในเนื้อที่ 20 ไร่ และจะมีทะเลสาบขนาดใหญ่ล้อมรอบ รวมทั้งโดมเสือ ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะพันธุ์เสือ การกำเนิดเสือ และวิถีชีวิตต่างๆ ที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยว
จุดขายนี้ ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการเข้ามาดูเสือและจระเข้ในประเทศไทยอีกด้วย และเมื่อเปิดให้บริการในส่วนนี้ ก็จะเริ่มดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้ามาทันที และในปี 2549 ยังจะสร้างแคมป์ในพื้นที่ด้านหลัง เพื่อให้เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ขณะนี้ได้มีการติดต่อกันระหว่างกรุ๊ปทัวร์อีกด้วย
"ตอนนี้ตลาดจีนหายไปจากเราหมดแล้ว ไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องสึนามิ แต่เป็นเพราะเรื่องการลอยแพนักท่องเที่ยวจีน และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขาไม่ไว้ใจเรา ประกอบกับจีนเปิดตลาดท่องเที่ยวกับอีกหลายประเทศจึงหันไปท่องเที่ยวที่อื่นแทน และจากการเดินทางไปจีนกับคณะของรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทำให้ท่านเองก็ได้รับข้อมูลว่า เราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อดึงกลุ่มจีนกลับมา เพราะตอนนี้ตลาดท่องเที่ยวของเราได้รับกลุ่มไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ฯลฯ กลับมาหมดแล้ว เหลือแต่จีนที่ไม่มา "
นายไมตรี ยังเผยอีกว่า แม้ขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับคืนสู่สวนเสือศรีราชาแล้ว แต่การประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง ยังไม่สามารถทำได้ เพราะแม้ตัวเลขกลับคืนมาแต่รายได้กลับลดลง และยังไม่รู้ว่าระยะเวลาที่เหลือจะเกิดเหตุการณ์ใด ที่กระทบต่อการท่องเที่ยวอีก
ที่สำคัญ เมื่อสวนสัตว์ในประเทศจีน เปิดให้บริการ ก็คาดว่าสวนสัตว์แห่งใหม่ จะเป็นกำลังหลักที่นำรายได้กลับมาพัฒนาส่วนต่างๆ ของสวนเสือศรีราชาให้ครบวงจรยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์จระเข้ และโดมเสือ ที่กำลังจะเปิดให้บริการ พร้อมกับโครงการเปิดไนท์ ซู ที่จะมีทั้งการแสดงต่างๆศูนย์รวมอาหาร และภัตตาคารทั้ง ไทย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น รวมทั้งการแสดงของเสือ จะเป็นอีกหนึ่งแผนงานที่จะนำไปขายให้กับรัฐบาลจีน เพื่อเปิดให้บริการในสวนสัตว์แห่งใหม่ที่เกาะไหหลำ
สำหรับการจำหน่ายเนื้อจระเข้ ขณะนี้ต้องยุติลงเพราะตลาดในประเทศจีนไม่เปิดรับ แต่ในอนาคตคาดว่าเมื่อมีการตั้งศูนย์เพาะพันธุ์จระเข้ และศูนย์วิจัยยา รวมทั้งโรงงานฟอกหนังในประเทศจีน จะทำให้การจำหน่ายเนื้อจระเข้ในตลาดแห่งนี้กลับคืนมาอีกครั้ง