ภาคประชาชนบุกสภา จี้ "สุชน"เรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อทบทวนมติเลือกผู้ว่าฯสตง. หรือยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของคุณหญิงจารุวรรณ ก่อนทูลเกล้าฯผู้ว่าฯสตง.คนใหม่ หวั่นซ้ำรอยพ.ร.บ.ราชภัฎ หากยังเพิกเฉย เตรียมถวายฎีกา
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (20 พ.ค.)เครือข่ายองค์กรประชาธิปไตย และองค์กรประชาชน นำโดย น.พ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ผ่านนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนมติวุฒิสภา เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่มีมติเลือกนายวิสุทธิ์ มนตริวัต เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่ (ผู้ว่าฯสตง.) โดยทางเครือข่ายฯ เห็นว่า มติดังกล่าวเท่ากับสารภาพผิดว่า การเลือกคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าฯสตง. เป็นการกระทำโดยมิชอบ ถ้ามีการตีความแบบนี้ก็จะมีคำถามว่า ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จึงขอเรียกร้องประธานวุฒิสภาให้เรียกประชุมวุฒิสภาเป็นการฉุกเฉิน เพื่อทบทวนมติดังกล่าว หรือหาความชัดเจนทางข้อกฎหมาย โดยการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยสถานภาพของคุณหญิงจารุวรรณ ว่าพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.แล้วหรือยัง เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ก่อนนำชื่อผู้ว่าฯสตง.คนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ
น.พ.เหวง กล่าวว่า ปัญหานี้ทำให้สังคมเกิดความสับสน และเข้าใจได้ว่า วุฒิสภาถูกชี้นำจากฝ่ายการเมือง จึงน่าจะเป็นโอกาสดี ที่วุฒิสภาจะใช้เวลาที่ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของตนเองสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้ซ้ำรอยกรณี การพระราชทานคืน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฎ ที่สำคัญก่อนวุฒิสภาจะลงมติเลือกผู้ว่าฯสตง.คนใหม่เพียง 5 วัน พระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตติยะให้แก่คุณหญิงจารุวรรณ ซึ่งเป็นชั้นที่สูงกว่าที่เคยได้รับ แต่วุฒิสภากลับมีมติวันที่ 10 พ.ค. สวนพระราชกระแส อาจทำให้เข้าข่าย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ดังนั้น วุฒิสภาต้องมีความรอบคอบในการดำเนินการ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิของวุฒิสภา
น.พ.เหวง กล่าวด้วยว่า 2 ปีที่ผ่านมา คุณหญิงจารุวรรณ เป็นแม่แบบของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นประธานวุฒิสภาอย่าทำตัวเปรียบเสมือนตัวแทนของคนที่ต้องการเขี่ยคุณหญิงให้ออกไป
"ขอท่านประธานกรุณาอย่าไปเป็นตัวแทนของคนฉ้อโกงเลย อย่าไปเป็นตัวแทนของคนคอร์รัปชันแผ่นดิน เพราะถ้าท่านเขี่ยคุณหญิงออกจากตำแหน่งนี้ เท่ากับท่านประธานเป็นตัวแทนของคนโกงแผ่นดินนั่นเอง ดังนั้นพวกเรามาด้วยความเคารพ ให้ท่านประธานมีโอกาส และมีเวลาที่จะยับยั้งชั่งใจกลับไปทบทวนพิจารณาอีกครั้ง" น.พ.เหวง กล่าว
อย่างไรก็ตาม การยื่นหนังสือครั้งนี้ ประธานวุฒิสภาไม่ได้มารับด้วยตัวเอง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าทางเครือข่ายจะเดินทางมาทวงคำตอบอีกครั้ง หากยังได้คำตอบที่ไม่เหมาะสม เครือข่ายฯจะพิจารณาถึงเรื่องการถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นมาตรการสุดท้าย
ด้าน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า การเปิดประชุมฉุกเฉิน เป็นอำนาจของประธานวุฒิสภา ว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวุฒิสภาก็สามารถเปิดประชุมเพื่อพิจารณาเพื่อทบทวนมติได้ เช่น การพิจารณา พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฎ และ พ.ร.บ.บุคลากรทางการศึกษา อย่างไรก็ตาม หากจะมีการนำเรื่องเข้าสู่การทบทวนในสภา จะต้องมีการหารือในคณะกรรมการกิจการวุฒิฯ ก่อน ซึ่งในหลักการวุฒิสภา สามารถเปิดประชุมได้ ส่วนการที่ภาคประชาชนจะยื่นถวายฎีกานั้น ก็ถือเป็นอำนาจตามกฎหมายที่สามารถทำได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (20 พ.ค.)เครือข่ายองค์กรประชาธิปไตย และองค์กรประชาชน นำโดย น.พ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ผ่านนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนมติวุฒิสภา เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่มีมติเลือกนายวิสุทธิ์ มนตริวัต เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่ (ผู้ว่าฯสตง.) โดยทางเครือข่ายฯ เห็นว่า มติดังกล่าวเท่ากับสารภาพผิดว่า การเลือกคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าฯสตง. เป็นการกระทำโดยมิชอบ ถ้ามีการตีความแบบนี้ก็จะมีคำถามว่า ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จึงขอเรียกร้องประธานวุฒิสภาให้เรียกประชุมวุฒิสภาเป็นการฉุกเฉิน เพื่อทบทวนมติดังกล่าว หรือหาความชัดเจนทางข้อกฎหมาย โดยการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยสถานภาพของคุณหญิงจารุวรรณ ว่าพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.แล้วหรือยัง เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ก่อนนำชื่อผู้ว่าฯสตง.คนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ
น.พ.เหวง กล่าวว่า ปัญหานี้ทำให้สังคมเกิดความสับสน และเข้าใจได้ว่า วุฒิสภาถูกชี้นำจากฝ่ายการเมือง จึงน่าจะเป็นโอกาสดี ที่วุฒิสภาจะใช้เวลาที่ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของตนเองสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้ซ้ำรอยกรณี การพระราชทานคืน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฎ ที่สำคัญก่อนวุฒิสภาจะลงมติเลือกผู้ว่าฯสตง.คนใหม่เพียง 5 วัน พระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตติยะให้แก่คุณหญิงจารุวรรณ ซึ่งเป็นชั้นที่สูงกว่าที่เคยได้รับ แต่วุฒิสภากลับมีมติวันที่ 10 พ.ค. สวนพระราชกระแส อาจทำให้เข้าข่าย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ดังนั้น วุฒิสภาต้องมีความรอบคอบในการดำเนินการ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิของวุฒิสภา
น.พ.เหวง กล่าวด้วยว่า 2 ปีที่ผ่านมา คุณหญิงจารุวรรณ เป็นแม่แบบของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นประธานวุฒิสภาอย่าทำตัวเปรียบเสมือนตัวแทนของคนที่ต้องการเขี่ยคุณหญิงให้ออกไป
"ขอท่านประธานกรุณาอย่าไปเป็นตัวแทนของคนฉ้อโกงเลย อย่าไปเป็นตัวแทนของคนคอร์รัปชันแผ่นดิน เพราะถ้าท่านเขี่ยคุณหญิงออกจากตำแหน่งนี้ เท่ากับท่านประธานเป็นตัวแทนของคนโกงแผ่นดินนั่นเอง ดังนั้นพวกเรามาด้วยความเคารพ ให้ท่านประธานมีโอกาส และมีเวลาที่จะยับยั้งชั่งใจกลับไปทบทวนพิจารณาอีกครั้ง" น.พ.เหวง กล่าว
อย่างไรก็ตาม การยื่นหนังสือครั้งนี้ ประธานวุฒิสภาไม่ได้มารับด้วยตัวเอง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าทางเครือข่ายจะเดินทางมาทวงคำตอบอีกครั้ง หากยังได้คำตอบที่ไม่เหมาะสม เครือข่ายฯจะพิจารณาถึงเรื่องการถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นมาตรการสุดท้าย
ด้าน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า การเปิดประชุมฉุกเฉิน เป็นอำนาจของประธานวุฒิสภา ว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวุฒิสภาก็สามารถเปิดประชุมเพื่อพิจารณาเพื่อทบทวนมติได้ เช่น การพิจารณา พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฎ และ พ.ร.บ.บุคลากรทางการศึกษา อย่างไรก็ตาม หากจะมีการนำเรื่องเข้าสู่การทบทวนในสภา จะต้องมีการหารือในคณะกรรมการกิจการวุฒิฯ ก่อน ซึ่งในหลักการวุฒิสภา สามารถเปิดประชุมได้ ส่วนการที่ภาคประชาชนจะยื่นถวายฎีกานั้น ก็ถือเป็นอำนาจตามกฎหมายที่สามารถทำได้