นายกฯเรียกบิ๊กระดับนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้หารือวันนี้ เพื่อรับทราบถึงปัญหาและการทำงานเพื่อรัฐบาลจะได้สนับสนุนให้ทำงานสำเร็จ เสียงอ่อนย้ายบุคคลเป็นไปตามฤดูกาล ใครล้า เครียดหากขอย้ายต้วเองก็พร้อมรับงานมวลชนเหลว ขณะที่ ปลัดฯมท.ยัน ฝ่ายปกครองทำงานมวลชนเต็มที่ ด้าน ทหาร-ตำรวจ บุกค้นหอพักปอเนาะ พบวีซีดีบินลาเด้น ขณะฝึกก่อการร้ายให้วัยรุ่น พร้อมอาวุธปืน สมุดฝากธนาคาร ผู้ต้องสงสัยรับฝึกการก่อการร้ายจริง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมแก้ไขปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ช่วงบ่าย วันนี้(20 พ.ค.) ตนได้เรียกประชุมระดับนโยบาย เพื่อรับทราบความคืบหน้าการทำงานของฝ่ายปฏิบัติทั้งหลาย และจะพิจารณาดูว่ามีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไขบ้าง เบื้องต้นเป็นการรับฟังการทำงานจากพื้นที่ ว่าเป็นอย่างไรและต้องการให้แก้ปัญหาอะไรบ้าง มีปัญหาเรื่องความร่วมมือหรือเรื่องตัวบุคคลหรือไม่ ขอให้บอก เราพร้อมจะสนับสนุน เพื่อให้เขาทำงานได้สำเร็จ
ส่วนตัวบุคคลนั้น ความจริงไม่ได้มีปัญหา บางคนอาจจะทำงานถึงระยะหนึ่งแล้วเกิดความล้า เพราะงานตรงนี้มันหนักและเครียด ถ้าใครล้าเราก็ผลัดกำลังเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าวันนี้ดูแล้วเรื่องบุคคลจะเป็นปัญหาอะไร ใครแย่ไม่แย่อย่างไร เพียงแค่อยากจะถามว่าใครล้าหรือไม่ ถ้าล้าก็พร้อมจะสับเปลี่ยนหน้าที่ให้ หากไม่ล้าก็ทำงานต่อไป เป็นลักษณะนั้น
ส่วนที่มีข่าวว่าจะโยกย้ายตัวบุคคลด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องปกติของราชการและนี่มันใกล้เดือนตุลาคม แต่จะย้ายอย่างไรคงต้องมีคำตอบ เมื่อถามว่าแสดงว่าเวลานี้ ทราบแล้วว่าจะย้ายใครบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยัง ต้องคุยกันก่อน ในวัน(20 พ.ค.) จะคุยกัน เมื่อคุยแล้วจะต้องเห็นพ้องต้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการขู่เจ้าหน้าที่ที่ไม่ทำงานตามนโยบายหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ก็ขันน็อต ส่วนที่บอกว่าบางคนในพื้นที่ไม่ได้ทำตามที่สั่งการ ทำให้เกิดเหตุระเบิดรายวัน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มันก็มีบ้าง บางครั้งเขาทำไม่ได้ตามที่ตนบอกไป เพียงแต่ยังไม่ได้รายงานว่าทำไม่ได้เพราะอะไร
ส่วนที่ พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ผบ.ตร.ระบุว่าการปฏิบัติงานด้านมวลชนล้มเหลว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวยอมรับว่า ใช่ มันล้มเหลวด้วย 2 สาเหตุ 1.คนกลัว เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐยังคุ้มครองเขาได้ไม่เต็มที่ 2.การโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ในทางลบยังมีอยู่ ด้าน(ไซวอ)ของเจ้าหน้าที่ยังไม่แข็งแรงพอ
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรววง ณ ห้องประชุมสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ย้ำในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้มีการสั่งการตรงไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อยู่แล้ว และมีการกำชับอยู่ตลอดเวลา ให้คนที่ทำงานในพื้นที่ เน้นมวลชนเป็นหลัก และต้องลงไปในพื้นที่ทำงานกับมวลชน
“ถ้าเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่ตอนนี้ไม่มีใครขอย้าย และไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาก็เน้นเรื่องการทำงานมวลชนให้เจ้าหน้าที่พบประชาชน ผู้นำศาสนา ซึ่งทุกคนก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว”
ส่วนที่มองกันว่าการทำงานด้านมวลชนล้มเหลวนั้น นายสุจริต กล่าวว่า ไม่ได้ล้มเหลว เจ้าหน้าที่เข้าไปคุยในเชิงลึก แล้วก็ได้อะไรมามาก ซึ่งก็ต้องเข้าใจ ด้วยว่าใน 3 จังหวัดภาคใต้มีความแตกต่าง จะต้องใช้ความพยายามมาก และตนขอยืนยันว่าตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรในพื้นที่
วานนี้ (19 พ.ค.) พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พล.ต.ฟ้อย รักเรือง รองแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ยะหริ่ง และ สภ.อ.หนองจิก พร้อมด้วย พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ 22 ปัตตานี และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำกำลังทหาร ตำรวจกว่า 100 นายแบ่งเป็น 3 ชุดเข้าไปทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6 จุดในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานีโดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญในการตรวจค้น คือหอพักนักเรียนปอเนาะ ตั้งอยู่บริเวณ โรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่ง ม.3 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้กฎอัยการศึกนำกำลังปิดล้อมรอบ ๆ บริเวณและได้ตรวจค้นหอพักนักเรียนกว่า 10 หลัง
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ชนิดลูกโม่ ยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน 1 กระบอก มีตัวอักษรเขียนข้างๆ ที่จับข้อความว่า “รางวัลยอดเยี่ยม 2526” และอาวุธปืนขนาด .38 ชนิดลูกโม่ ยี่ห้อทอรัส มีตัวอักษรเขียนข้างที่จับว่า “รางวัลยอดเยี่ยม 2531” และกระสุนปืนลูกซอง สีแดง 123 นัด สีส้ม 21 นัด สีเขียว 21 นัดรวมทั้งปลอกกระสุนสีแดงที่ใช้ยิงไปแล้ว 41 ปลอก ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าอาวุธปืนทั้ง 2กระบอกเป็นปืนที่ทางราชการมอบให้แก่นายมะนุ ศรีท่าด่าน กำนัน ต.ท่าด่าน อ.ยะหริ่ง เป็นรางวัลกำนันดีเด่น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบวีซีดีของนายโอซามา บินลาเด็น ขณะที่กำลังฝึกอาวุธให้กับกลุ่มวัยรุน เอกสารภาษาอารับ ภาษายาวีหน้าปกเป็นรูปมัสยิดกรือเซะ, สมุดโน้ตความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ แผนผังจุดตรวจและการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง และ อ.ปะนาเระ อุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ประกอบระเบิด และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร กว่า 10 เล่ม พร้อมสมุดเช็ค 1 เล่มและเช็คสั่งจ่ายเงินสดของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุเงิน 10,000 บาทสั่งจ่ายภายในวันที่ 27-5 2548
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอาดือนัน เจะอาแซ อายุ 33 ปี เจ้าของโรงเรียนดังกล่าว นายแวอาฟิต แกตอง นายมาสือลัน ดาแม และนายอับดุลเลาะ กาเจร์ นักเรียนปอเนาะ ต้องสงสัยนำไปยังศูนย์ซักถามกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานีด้วย
ส่วนการตรวจค้นบริเวณป่ามะพร้าวรอบ ๆ บริเวณหอพัก ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานที่ฝึกอาวุธนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยเข้าตรวจสอบอย่างระเอียดทั้งบนดินและในดิน จนกระทั่งพบกระป๋องน้ำอัดลมมีร่องรอยถูกยิงเป็นรู และพบต้นมะพร้าว ซึ่งถูกยิงเป็นรูเช่นกัน จึงได้เข้าตรวจสอบหาร่องรอยของกระสุนปืน
สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 22 ได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คนคดีลอบวางเพลิงในพื้นที่ อ.ปานาเระ คือ นายมามะ สะอิ และนายซอเฮาะ เปาะจิ และจากการสอบสวนทั้งสองรับสารภาพและให้ข้อมูลเชื่อมโยงว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ฝึกและประสานงานเพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย ร่วมทั้งได้พาดพิงผู้บงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้าย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยังสอดคล้องกับคำให้การของ 2 ผู้ต้องหาคดีปล้นปืนทหารที่ จ.นราธิวาสด้วย นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมยืนยันว่า มีการเตรียมการเพื่อก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีขึ้นเมื่อไร
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้นายหนึ่ง เปิดเผยว่าจากการซักถามผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ให้การยอมรับว่าได้มีการฝึกฝนการต่อสู้ในพื้นที่นี้จริงเมื่อปี 2546 ก่อนที่จะเข้าทำการปล้นอาวุธปืนที่ค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 นราธิวาสโดยใช้เทคนิคการฝึกเข้มระยะเวลาเพียง 26 วัน ซึ่งสามารถเทียบหลักสูตรการใช้อาวุธต่อสู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 เดือนจึงถือได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเข้มกว่าเจ้าหน้าที่หลายเท่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมแก้ไขปัญหาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ช่วงบ่าย วันนี้(20 พ.ค.) ตนได้เรียกประชุมระดับนโยบาย เพื่อรับทราบความคืบหน้าการทำงานของฝ่ายปฏิบัติทั้งหลาย และจะพิจารณาดูว่ามีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไขบ้าง เบื้องต้นเป็นการรับฟังการทำงานจากพื้นที่ ว่าเป็นอย่างไรและต้องการให้แก้ปัญหาอะไรบ้าง มีปัญหาเรื่องความร่วมมือหรือเรื่องตัวบุคคลหรือไม่ ขอให้บอก เราพร้อมจะสนับสนุน เพื่อให้เขาทำงานได้สำเร็จ
ส่วนตัวบุคคลนั้น ความจริงไม่ได้มีปัญหา บางคนอาจจะทำงานถึงระยะหนึ่งแล้วเกิดความล้า เพราะงานตรงนี้มันหนักและเครียด ถ้าใครล้าเราก็ผลัดกำลังเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าวันนี้ดูแล้วเรื่องบุคคลจะเป็นปัญหาอะไร ใครแย่ไม่แย่อย่างไร เพียงแค่อยากจะถามว่าใครล้าหรือไม่ ถ้าล้าก็พร้อมจะสับเปลี่ยนหน้าที่ให้ หากไม่ล้าก็ทำงานต่อไป เป็นลักษณะนั้น
ส่วนที่มีข่าวว่าจะโยกย้ายตัวบุคคลด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องปกติของราชการและนี่มันใกล้เดือนตุลาคม แต่จะย้ายอย่างไรคงต้องมีคำตอบ เมื่อถามว่าแสดงว่าเวลานี้ ทราบแล้วว่าจะย้ายใครบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยัง ต้องคุยกันก่อน ในวัน(20 พ.ค.) จะคุยกัน เมื่อคุยแล้วจะต้องเห็นพ้องต้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการขู่เจ้าหน้าที่ที่ไม่ทำงานตามนโยบายหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ก็ขันน็อต ส่วนที่บอกว่าบางคนในพื้นที่ไม่ได้ทำตามที่สั่งการ ทำให้เกิดเหตุระเบิดรายวัน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มันก็มีบ้าง บางครั้งเขาทำไม่ได้ตามที่ตนบอกไป เพียงแต่ยังไม่ได้รายงานว่าทำไม่ได้เพราะอะไร
ส่วนที่ พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ผบ.ตร.ระบุว่าการปฏิบัติงานด้านมวลชนล้มเหลว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวยอมรับว่า ใช่ มันล้มเหลวด้วย 2 สาเหตุ 1.คนกลัว เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐยังคุ้มครองเขาได้ไม่เต็มที่ 2.การโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ในทางลบยังมีอยู่ ด้าน(ไซวอ)ของเจ้าหน้าที่ยังไม่แข็งแรงพอ
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรววง ณ ห้องประชุมสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ย้ำในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้มีการสั่งการตรงไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อยู่แล้ว และมีการกำชับอยู่ตลอดเวลา ให้คนที่ทำงานในพื้นที่ เน้นมวลชนเป็นหลัก และต้องลงไปในพื้นที่ทำงานกับมวลชน
“ถ้าเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่ตอนนี้ไม่มีใครขอย้าย และไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาก็เน้นเรื่องการทำงานมวลชนให้เจ้าหน้าที่พบประชาชน ผู้นำศาสนา ซึ่งทุกคนก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว”
ส่วนที่มองกันว่าการทำงานด้านมวลชนล้มเหลวนั้น นายสุจริต กล่าวว่า ไม่ได้ล้มเหลว เจ้าหน้าที่เข้าไปคุยในเชิงลึก แล้วก็ได้อะไรมามาก ซึ่งก็ต้องเข้าใจ ด้วยว่าใน 3 จังหวัดภาคใต้มีความแตกต่าง จะต้องใช้ความพยายามมาก และตนขอยืนยันว่าตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรในพื้นที่
วานนี้ (19 พ.ค.) พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พล.ต.ฟ้อย รักเรือง รองแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ยะหริ่ง และ สภ.อ.หนองจิก พร้อมด้วย พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ 22 ปัตตานี และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำกำลังทหาร ตำรวจกว่า 100 นายแบ่งเป็น 3 ชุดเข้าไปทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6 จุดในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานีโดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญในการตรวจค้น คือหอพักนักเรียนปอเนาะ ตั้งอยู่บริเวณ โรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่ง ม.3 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้กฎอัยการศึกนำกำลังปิดล้อมรอบ ๆ บริเวณและได้ตรวจค้นหอพักนักเรียนกว่า 10 หลัง
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ชนิดลูกโม่ ยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน 1 กระบอก มีตัวอักษรเขียนข้างๆ ที่จับข้อความว่า “รางวัลยอดเยี่ยม 2526” และอาวุธปืนขนาด .38 ชนิดลูกโม่ ยี่ห้อทอรัส มีตัวอักษรเขียนข้างที่จับว่า “รางวัลยอดเยี่ยม 2531” และกระสุนปืนลูกซอง สีแดง 123 นัด สีส้ม 21 นัด สีเขียว 21 นัดรวมทั้งปลอกกระสุนสีแดงที่ใช้ยิงไปแล้ว 41 ปลอก ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าอาวุธปืนทั้ง 2กระบอกเป็นปืนที่ทางราชการมอบให้แก่นายมะนุ ศรีท่าด่าน กำนัน ต.ท่าด่าน อ.ยะหริ่ง เป็นรางวัลกำนันดีเด่น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบวีซีดีของนายโอซามา บินลาเด็น ขณะที่กำลังฝึกอาวุธให้กับกลุ่มวัยรุน เอกสารภาษาอารับ ภาษายาวีหน้าปกเป็นรูปมัสยิดกรือเซะ, สมุดโน้ตความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ แผนผังจุดตรวจและการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง และ อ.ปะนาเระ อุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ประกอบระเบิด และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร กว่า 10 เล่ม พร้อมสมุดเช็ค 1 เล่มและเช็คสั่งจ่ายเงินสดของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุเงิน 10,000 บาทสั่งจ่ายภายในวันที่ 27-5 2548
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอาดือนัน เจะอาแซ อายุ 33 ปี เจ้าของโรงเรียนดังกล่าว นายแวอาฟิต แกตอง นายมาสือลัน ดาแม และนายอับดุลเลาะ กาเจร์ นักเรียนปอเนาะ ต้องสงสัยนำไปยังศูนย์ซักถามกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานีด้วย
ส่วนการตรวจค้นบริเวณป่ามะพร้าวรอบ ๆ บริเวณหอพัก ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสถานที่ฝึกอาวุธนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยเข้าตรวจสอบอย่างระเอียดทั้งบนดินและในดิน จนกระทั่งพบกระป๋องน้ำอัดลมมีร่องรอยถูกยิงเป็นรู และพบต้นมะพร้าว ซึ่งถูกยิงเป็นรูเช่นกัน จึงได้เข้าตรวจสอบหาร่องรอยของกระสุนปืน
สำหรับการตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 22 ได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คนคดีลอบวางเพลิงในพื้นที่ อ.ปานาเระ คือ นายมามะ สะอิ และนายซอเฮาะ เปาะจิ และจากการสอบสวนทั้งสองรับสารภาพและให้ข้อมูลเชื่อมโยงว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ฝึกและประสานงานเพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย ร่วมทั้งได้พาดพิงผู้บงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้าย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยังสอดคล้องกับคำให้การของ 2 ผู้ต้องหาคดีปล้นปืนทหารที่ จ.นราธิวาสด้วย นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมยืนยันว่า มีการเตรียมการเพื่อก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีขึ้นเมื่อไร
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้นายหนึ่ง เปิดเผยว่าจากการซักถามผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ให้การยอมรับว่าได้มีการฝึกฝนการต่อสู้ในพื้นที่นี้จริงเมื่อปี 2546 ก่อนที่จะเข้าทำการปล้นอาวุธปืนที่ค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 นราธิวาสโดยใช้เทคนิคการฝึกเข้มระยะเวลาเพียง 26 วัน ซึ่งสามารถเทียบหลักสูตรการใช้อาวุธต่อสู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 เดือนจึงถือได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเข้มกว่าเจ้าหน้าที่หลายเท่า