องค์กรภาคประชาชนบุกสภาวันนี้ ยื่นหนังสือให้ ประธานวุฒิฯ ทบทวนมติเลือกผู้ว่าฯ สตง.คนใหม่ หากเฉยล่าชื่อประชาชนก่อนทูลเกล้าฯถวายฎีกา “รสนา” แฉปมใบสั่งเขี่ย “คุณหญิงจารุวรรณ” พ้นทาง เหตุไม่ยุติสอบซื้อที่ดินภรรยานักการเมือง “วีระ” ฉะรัฐบาลจอมเสแสร้ง พร่ำปราบคอร์รัปชั่น แต่กลับดึงคนทุจริตเข้ารับราชการ คุมโปรเจ็คยักษ์ แต่คนปราบโกงกลับไม่ปกป้อง “หมอเหวง” จ้องเล่นงาน ศาล รธน.วินิจฉัยสร้างปัญหาตลอด
วานนี้ ( 19 พ.ค.) เครือข่ายองค์กรประชาธิปไตย และองค์การภาคประชาชน นำโดย นางรสนา โตสิตระกูล น.พ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพประชาชน นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป. ได้ประชุมและร่วมกันแถลงข่าว ต่อต้านใบสั่งการเมืองและกระบวนการสรรหาผู้ว่าสตง.ที่มิชอบ โดยที่ประชุมมีมติที่จะเข้ายื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาในวันนี้ ( 20 พ.ค. ) เวลา 11.00 เพื่อขอให้ทบทวนมติ การเลือก ผู้ว่าสตง.คนใหม่ ก่อนที่จะตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนและนำทูลเกล้าถวายฎีกา
นางรสนา กล่าวว่าประชาชนจำนวนมากเห็นว่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เป็นคนดีควรอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ต่อไป ซึ่งการที่ที่ประชุมวุฒิสภาจะหยิบเอาระเบียบ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา ผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าฯ สตง.มาอยู่เหนือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินแล้วกำจัดคนซื่อสัตย์สุจริตให้ต้องออกจาก องค์กรอิสระแห่งนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และมองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากน่าสงสัยว่าเป็นเพราะได้รับใบสั่งจากการเมือง
“ในกรณีคุณหญิงจารุวรรณ สภาสูงทำในลักษณะว่าได้รับใบสั่งมาจากรัฐบาล หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตลอด10เดือน ส.ว.กลับไม่ทำอะไร แต่พอรัฐบาลถูกตั้งคำถามเรื่องการทุจริตเครื่องตรวจระเบิด CTX ก็กลับรีบมาดำเนินการ และเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เลื่อนชั้นยศให้ คุณหญิงจารุวรรณ สูงขึ้น สภาสูงก็กลับไม่ได้พิจารณา ตรงกันข้ามกลับทำอะไรที่สวนกระแสไม่ให้เกียรติพระองค์ท่าน จึงอยากเรียกร้องให้ประธานวุฒิสภาได้ทบทวนมติการเลือกผู้ว่าฯสตง.ใหม่ และในวันนี้(20 พ.ค.) องค์กรภาคประชาชน ก็จะได้ขอเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือให้มีการทบทวนและขอรับทราบเหตุผล หากได้รับคำตอบที่ไม่น่าพึงพอใจเราก็จะเดินหน้าต่อโดยจะตั้งโต๊ะ ให้ประชาชนมาเข้าชื่อกันให้เต็มที่และจะนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อถวายฎีกา”
นางรสนา กล่าวว่าเหตุที่ทำให้รัฐบาลต้องการขจัดคุณหญิงจารุวรรณ ให้พ้นทางก็เพราะทราบว่าคุณหญิงจารุวรรณกำลังตรวจสอบเรื่องการซื้อที่ดิน ของภรรยา นักการเมืองคนหนึ่งโดยนักการเมืองคนนี้เคยส่งคนไปเจรจา ให้คุณยุติการตรวจสอบ รวมทั้งให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังไปพูดว่าอย่าไปสืบค้นอะไรกับการซื้อขายที่ดินแปลงนี้เลย แต่คุณหญิงก็ไม่ยอมยุติ
ด้านนายวีระ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 44 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวระหว่าง การไปเปิดงานเครือข่ายต้านคอรัปชั่นว่า ใครที่เป็นนายกฯ ส.ส. ,ส.ว.ถ้าไม่ร่วมกันทำสงครามกับการคอรัปชั่นถือว่าคนพวกนั้นทรยศ แต่สิ่งที่นายกฯแสดงให้เห็นต่อมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีหักมติ ป.ป.ช. จะเอานายวีรพล ดวงสูงเนิน อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถูกชี้มูลว่าทุจริตคอมพิวเตอร์กลับเข้ารับราชการ หรือการแต่งตั้งนายนิพัทธ์ พุกกะนะสูต ที่ถูกกระทรวงการคลังไล่ออกจากราชการฐานทุจริตมาเป็นที่ปรึกษาดูแล กองทุนวายุภักษ์ ล้วนแต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูดทั้งสิ้น ซึ่งในกรณีของคุณหญิงจารุวรรณ ถือว่าไม่มีข้อกล่าวหาใด ๆในทางที่ไม่ถูกต้องเลยแต่เป็นคนมือสะอาดที่สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับสังคมแต่รัฐบาลก็กลับไม่ใส่ใจที่จะปกป้องทำให้เชื่อว่าจะต้องมี ขบวนการเพื่อหยุดไมให้คุณหญิงจารุวรรณทำหน้าที่ตรวจสอบตรงไปตรงมาต่อไป
“ที่เจ้าหน้าที่รัฐ 2 คนที่มีความผิดถูกไล่ออก ยังพยายามหาทางให้กลับเข้ามารับราชการ แต่คุณหญิงจารุวรรณ เป็นคุณหญิงเพียงคนเดียวที่ได้รับการเลื่อนชั้นอิสริยาภรณ์ติดต่อกัน รัฐบาลกลับไม่พยายามปกป้อง จึงมองรัฐบาลนี้เป็นอย่างอื่น ไมได้นอกจากเป็น จอมเสแสร้ง เพราะบอกว่าจะปราบคอรัปชั่นจะเอาคนดีมาดูแลบ้านเมืองแต่กลับพยายามจะทำให้คุณหญิงจารุวรรณพ้นจากตำแหน่ง ทั้ง ๆ ท่านเป็นแม่ทัพตัวจริงในการปราบคอรัปชั่น ประชาชนจึงนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะคุณหญิงกำความลับในบ้านเมืองไว้มากจึงต้องช่วยกันออกมาปกป้องและให้คุณหญิงได้ทำหน้าที่ต่อไป”
ขณะที่นายสุริยะใส ยืนยันว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในขอบเขต อำนาจของส.ว.ที่จะมีมติได้ โดยขอให้เรียกประชุมฉุกเฉินส.ว. 200 คนเพื่อทบทวนมติ และมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ร่วมตรวจสอบด้วยเพรา เรื่องที่เลวร้ายกว่านี้ ในกรณีพ.ร.บ.มหาวิทยาลัย ทูลเกล้าไปแล้ว พบความผิดพลาดส.ว.ยังดึงกลับมาแก้ใหม่ได้ ซึ่งหวังว่าจิตวิญญาณของนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา จะยังมีอยู่ กล้าหาญที่จะรักษาระบบไม่ใช่คิดแต่เพื่อจะเอาใจใคร
ส่วนน.พ.เหวง กล่าวว่า อีกองค์กรหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบด้วยก็คือศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการวินิจฉัยหลายครั้งที่ผ่านมาไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาตรงกันข้ามกับสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น
“อย่างกรณีคุณหญิงจารุวรรณ วินิจฉัยออกมาได้อย่างไรว่าเสมือนว่าคุณหญิง ไม่เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯสตง.มาก่อน คำวินิจฉัยจะเทียบกับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคุณหญิงจารุวรรณได้อย่างไร ผมว่าถึงเวลาที่ต้อง คิดบัญชีกับศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกันเพราะวินิจฉัยสร้างปัญหาในหลายกรณี เช่น นายเนวิน ถูกตัดสินจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ศาลรัฐธรรมนูญก็ชี้ว่า ไม่ต้องพ้นจาก ตำแหน่งรมต. หรือตอนทำสัญญากับไอเอ็มเอฟ ก็ตีความว่าจดหมายแสดงเจตจำนง ไม่เป็นสัญญา แล้ววันนี้ก็สร้างเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก ถ้าผูกแล้วแก้ไม่ตกก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน”
วานนี้ ( 19 พ.ค.) เครือข่ายองค์กรประชาธิปไตย และองค์การภาคประชาชน นำโดย นางรสนา โตสิตระกูล น.พ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพประชาชน นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป. ได้ประชุมและร่วมกันแถลงข่าว ต่อต้านใบสั่งการเมืองและกระบวนการสรรหาผู้ว่าสตง.ที่มิชอบ โดยที่ประชุมมีมติที่จะเข้ายื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาในวันนี้ ( 20 พ.ค. ) เวลา 11.00 เพื่อขอให้ทบทวนมติ การเลือก ผู้ว่าสตง.คนใหม่ ก่อนที่จะตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนและนำทูลเกล้าถวายฎีกา
นางรสนา กล่าวว่าประชาชนจำนวนมากเห็นว่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
เป็นคนดีควรอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ต่อไป ซึ่งการที่ที่ประชุมวุฒิสภาจะหยิบเอาระเบียบ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา ผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าฯ สตง.มาอยู่เหนือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินแล้วกำจัดคนซื่อสัตย์สุจริตให้ต้องออกจาก องค์กรอิสระแห่งนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และมองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากน่าสงสัยว่าเป็นเพราะได้รับใบสั่งจากการเมือง
“ในกรณีคุณหญิงจารุวรรณ สภาสูงทำในลักษณะว่าได้รับใบสั่งมาจากรัฐบาล หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตลอด10เดือน ส.ว.กลับไม่ทำอะไร แต่พอรัฐบาลถูกตั้งคำถามเรื่องการทุจริตเครื่องตรวจระเบิด CTX ก็กลับรีบมาดำเนินการ และเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เลื่อนชั้นยศให้ คุณหญิงจารุวรรณ สูงขึ้น สภาสูงก็กลับไม่ได้พิจารณา ตรงกันข้ามกลับทำอะไรที่สวนกระแสไม่ให้เกียรติพระองค์ท่าน จึงอยากเรียกร้องให้ประธานวุฒิสภาได้ทบทวนมติการเลือกผู้ว่าฯสตง.ใหม่ และในวันนี้(20 พ.ค.) องค์กรภาคประชาชน ก็จะได้ขอเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือให้มีการทบทวนและขอรับทราบเหตุผล หากได้รับคำตอบที่ไม่น่าพึงพอใจเราก็จะเดินหน้าต่อโดยจะตั้งโต๊ะ ให้ประชาชนมาเข้าชื่อกันให้เต็มที่และจะนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อถวายฎีกา”
นางรสนา กล่าวว่าเหตุที่ทำให้รัฐบาลต้องการขจัดคุณหญิงจารุวรรณ ให้พ้นทางก็เพราะทราบว่าคุณหญิงจารุวรรณกำลังตรวจสอบเรื่องการซื้อที่ดิน ของภรรยา นักการเมืองคนหนึ่งโดยนักการเมืองคนนี้เคยส่งคนไปเจรจา ให้คุณยุติการตรวจสอบ รวมทั้งให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังไปพูดว่าอย่าไปสืบค้นอะไรกับการซื้อขายที่ดินแปลงนี้เลย แต่คุณหญิงก็ไม่ยอมยุติ
ด้านนายวีระ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 44 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวระหว่าง การไปเปิดงานเครือข่ายต้านคอรัปชั่นว่า ใครที่เป็นนายกฯ ส.ส. ,ส.ว.ถ้าไม่ร่วมกันทำสงครามกับการคอรัปชั่นถือว่าคนพวกนั้นทรยศ แต่สิ่งที่นายกฯแสดงให้เห็นต่อมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีหักมติ ป.ป.ช. จะเอานายวีรพล ดวงสูงเนิน อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถูกชี้มูลว่าทุจริตคอมพิวเตอร์กลับเข้ารับราชการ หรือการแต่งตั้งนายนิพัทธ์ พุกกะนะสูต ที่ถูกกระทรวงการคลังไล่ออกจากราชการฐานทุจริตมาเป็นที่ปรึกษาดูแล กองทุนวายุภักษ์ ล้วนแต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูดทั้งสิ้น ซึ่งในกรณีของคุณหญิงจารุวรรณ ถือว่าไม่มีข้อกล่าวหาใด ๆในทางที่ไม่ถูกต้องเลยแต่เป็นคนมือสะอาดที่สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับสังคมแต่รัฐบาลก็กลับไม่ใส่ใจที่จะปกป้องทำให้เชื่อว่าจะต้องมี ขบวนการเพื่อหยุดไมให้คุณหญิงจารุวรรณทำหน้าที่ตรวจสอบตรงไปตรงมาต่อไป
“ที่เจ้าหน้าที่รัฐ 2 คนที่มีความผิดถูกไล่ออก ยังพยายามหาทางให้กลับเข้ามารับราชการ แต่คุณหญิงจารุวรรณ เป็นคุณหญิงเพียงคนเดียวที่ได้รับการเลื่อนชั้นอิสริยาภรณ์ติดต่อกัน รัฐบาลกลับไม่พยายามปกป้อง จึงมองรัฐบาลนี้เป็นอย่างอื่น ไมได้นอกจากเป็น จอมเสแสร้ง เพราะบอกว่าจะปราบคอรัปชั่นจะเอาคนดีมาดูแลบ้านเมืองแต่กลับพยายามจะทำให้คุณหญิงจารุวรรณพ้นจากตำแหน่ง ทั้ง ๆ ท่านเป็นแม่ทัพตัวจริงในการปราบคอรัปชั่น ประชาชนจึงนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะคุณหญิงกำความลับในบ้านเมืองไว้มากจึงต้องช่วยกันออกมาปกป้องและให้คุณหญิงได้ทำหน้าที่ต่อไป”
ขณะที่นายสุริยะใส ยืนยันว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในขอบเขต อำนาจของส.ว.ที่จะมีมติได้ โดยขอให้เรียกประชุมฉุกเฉินส.ว. 200 คนเพื่อทบทวนมติ และมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ร่วมตรวจสอบด้วยเพรา เรื่องที่เลวร้ายกว่านี้ ในกรณีพ.ร.บ.มหาวิทยาลัย ทูลเกล้าไปแล้ว พบความผิดพลาดส.ว.ยังดึงกลับมาแก้ใหม่ได้ ซึ่งหวังว่าจิตวิญญาณของนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา จะยังมีอยู่ กล้าหาญที่จะรักษาระบบไม่ใช่คิดแต่เพื่อจะเอาใจใคร
ส่วนน.พ.เหวง กล่าวว่า อีกองค์กรหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบด้วยก็คือศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการวินิจฉัยหลายครั้งที่ผ่านมาไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาตรงกันข้ามกับสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น
“อย่างกรณีคุณหญิงจารุวรรณ วินิจฉัยออกมาได้อย่างไรว่าเสมือนว่าคุณหญิง ไม่เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯสตง.มาก่อน คำวินิจฉัยจะเทียบกับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคุณหญิงจารุวรรณได้อย่างไร ผมว่าถึงเวลาที่ต้อง คิดบัญชีกับศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกันเพราะวินิจฉัยสร้างปัญหาในหลายกรณี เช่น นายเนวิน ถูกตัดสินจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ศาลรัฐธรรมนูญก็ชี้ว่า ไม่ต้องพ้นจาก ตำแหน่งรมต. หรือตอนทำสัญญากับไอเอ็มเอฟ ก็ตีความว่าจดหมายแสดงเจตจำนง ไม่เป็นสัญญา แล้ววันนี้ก็สร้างเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก ถ้าผูกแล้วแก้ไม่ตกก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน”