"ทักษิณ"สั่ง"พินิจ"ล้างบางนายหน้าเกษตรกร ทำตัวเป็นมาเฟียหาผลประโยชน์จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เผยมอบกฤษฎีกา-อัยการสูงสุด ตีความแก้ปัญหาให้เงินเดือนพนักงานก่อน ชี้อาจยุบกองทุนฯ
นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาให้กับพนักงานกองทุนฯ ที่ไม่ได้รับเงินเดือนมากว่า 3 เดือนว่า ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการสูงสุด มาหารือแล้ว โดยเบื้องต้นสรุปว่า จะต้องแก้ปัญหาให้กับพนักงานที่ไม่ได้รับเงินเดือนก่อน เนื่องจากปัญหาภายในซับซ้อนมาก ส่วนปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.กองทุนฯ ก็จะต้องหารือในขั้นต่อไป
"ปัญหาการตั้งรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ กับคณะกรรมการบริหารทั้ง 7 คน ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการพิจารณาดูว่า จะดำเนินการได้อย่างไร แต่จะต้องหาทางให้เงินเดือนกับพนักงานก่อน และขณะนี้ก็จะต้องดูข้อมูลว่ามีปัญหากันอย่างไร”นายพินิจ กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ นายกฯพบประชาชน ถึงเรื่องนี้ว่า ได้สั่งการให้นายพินิจ ไปดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองทุนฯ และขอให้นายพินิจ ดำเนินการกับนายหน้าที่เข้ามาหาประโยชน์กับเกษตรกร ซึ่งทำตัวเหมือนกับเป็นมาเฟียเกษตรกร ทั้งนี้เนื่องจากคณะกรรมการบริหารที่มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 26 เม.ย.48แล้ว แต่นายพินิจ ยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง โดยเชื่อว่าจะต้องตรวจสอบปัญหานายหน้าเกษตรกรตามที่นายกฯสั่งการก่อน
ส่วนที่นายพินิจ เคยกล่าวว่า อาจจะต้องยุบหรือเลิกกองทุนฯไปเลยนั้น จะต้องพิจารณาดูด้วยว่า มีปัญหาเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งนายพินิจ ก็ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักอัยการสูงสุด ไปพิจารณาร่วมด้วย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากที่พนักงานกองทุนฯร้องเรียนผ่านรัฐบาล โดยอ้างว่านายพินิจ ไม่ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารทั้ง 6 คน และรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ ซึ่งประกอบไปด้วย นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ นายสไกร พิมพ์บึง นายเฉลียว สุวรรณประภา นายประสาน หวังรัตนปราณี นายอำนวย ปะติเส นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม และนายประสาน ในฐานะรักษาการเลขาธิการฯ ทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินให้กับสมาชิกได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายพินิจ ได้ส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ตีความกฎหมายในพ.ร.บ.กองทุนฯ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินให้กับพนักงานทั้งหมดก่อนที่จะพิจารณาในเรื่องของการลงนามแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ
แหล่งข่าวระบุว่า ตามข้อกฎหมายแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการฯ เนื่องจากสามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้เงินเดือนกับพนักงานได้ ส่วนในเรื่องของการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรที่ชงักไปด้วยนั้น ก็จะต้องให้กฤษฎีกาตีความเช่นเดียวกันว่า จะดำเนินการต่อเนื่องอย่างไร
ทั้งนี้ ข้อกฎหมายในพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและเกษตรกร พ.ศ.2542 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2544 ที่นายพินิจ ขอให้กฤษฎีกาตีความ ปรากฎอยู่ใน มาตราที่ 21 ของหมวด 3 ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร ในวรรค 1 ถึง วรรค 9 เช่น ควบคุมการใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ นโยบาย ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งของคณะกรรมการ,อนุมัติแผนฟื้นฟูและพัฒนาองค์กรเกษตรกรที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน ,ออกระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ตลอดจนการกำหนดเงินเดือนหรือเงินอื่น รวมถึงการสงเคราะห์และสวัสดิการของพนักงาน ลูกจ้าง รวมทั้งหน้าที่การจัดการกองทุนเกี่ยวกับบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร
นายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาให้กับพนักงานกองทุนฯ ที่ไม่ได้รับเงินเดือนมากว่า 3 เดือนว่า ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการสูงสุด มาหารือแล้ว โดยเบื้องต้นสรุปว่า จะต้องแก้ปัญหาให้กับพนักงานที่ไม่ได้รับเงินเดือนก่อน เนื่องจากปัญหาภายในซับซ้อนมาก ส่วนปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.กองทุนฯ ก็จะต้องหารือในขั้นต่อไป
"ปัญหาการตั้งรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ กับคณะกรรมการบริหารทั้ง 7 คน ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการพิจารณาดูว่า จะดำเนินการได้อย่างไร แต่จะต้องหาทางให้เงินเดือนกับพนักงานก่อน และขณะนี้ก็จะต้องดูข้อมูลว่ามีปัญหากันอย่างไร”นายพินิจ กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ นายกฯพบประชาชน ถึงเรื่องนี้ว่า ได้สั่งการให้นายพินิจ ไปดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองทุนฯ และขอให้นายพินิจ ดำเนินการกับนายหน้าที่เข้ามาหาประโยชน์กับเกษตรกร ซึ่งทำตัวเหมือนกับเป็นมาเฟียเกษตรกร ทั้งนี้เนื่องจากคณะกรรมการบริหารที่มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 26 เม.ย.48แล้ว แต่นายพินิจ ยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง โดยเชื่อว่าจะต้องตรวจสอบปัญหานายหน้าเกษตรกรตามที่นายกฯสั่งการก่อน
ส่วนที่นายพินิจ เคยกล่าวว่า อาจจะต้องยุบหรือเลิกกองทุนฯไปเลยนั้น จะต้องพิจารณาดูด้วยว่า มีปัญหาเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งนายพินิจ ก็ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักอัยการสูงสุด ไปพิจารณาร่วมด้วย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากที่พนักงานกองทุนฯร้องเรียนผ่านรัฐบาล โดยอ้างว่านายพินิจ ไม่ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารทั้ง 6 คน และรักษาการเลขาธิการกองทุนฯ ซึ่งประกอบไปด้วย นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ นายสไกร พิมพ์บึง นายเฉลียว สุวรรณประภา นายประสาน หวังรัตนปราณี นายอำนวย ปะติเส นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม และนายประสาน ในฐานะรักษาการเลขาธิการฯ ทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินให้กับสมาชิกได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายพินิจ ได้ส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ตีความกฎหมายในพ.ร.บ.กองทุนฯ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินให้กับพนักงานทั้งหมดก่อนที่จะพิจารณาในเรื่องของการลงนามแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ
แหล่งข่าวระบุว่า ตามข้อกฎหมายแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการฯ เนื่องจากสามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้เงินเดือนกับพนักงานได้ ส่วนในเรื่องของการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรที่ชงักไปด้วยนั้น ก็จะต้องให้กฤษฎีกาตีความเช่นเดียวกันว่า จะดำเนินการต่อเนื่องอย่างไร
ทั้งนี้ ข้อกฎหมายในพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและเกษตรกร พ.ศ.2542 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2544 ที่นายพินิจ ขอให้กฤษฎีกาตีความ ปรากฎอยู่ใน มาตราที่ 21 ของหมวด 3 ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร ในวรรค 1 ถึง วรรค 9 เช่น ควบคุมการใช้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ นโยบาย ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งของคณะกรรมการ,อนุมัติแผนฟื้นฟูและพัฒนาองค์กรเกษตรกรที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน ,ออกระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ตลอดจนการกำหนดเงินเดือนหรือเงินอื่น รวมถึงการสงเคราะห์และสวัสดิการของพนักงาน ลูกจ้าง รวมทั้งหน้าที่การจัดการกองทุนเกี่ยวกับบัญชีจัดการหนี้ของเกษตรกร ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร