ผู้จัดการรายวัน – สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยเผยผลวิจัยเอซี นีลเส็นชี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ใจร้อน อดทนน้อย ระบุรูปแบบโปรโมชั่นแจกเงินต้องเร็วถึงโดนใจ ระบุน้ำมันพุ่งทำผู้บริโภคชะลอการซื้อ ด้านแบล็กแคนยอนขอเวลา 2 เดือน ดูต้นทุนนิ่ง พร้อมปรับราคาขึ้น
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ อุปนายกฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ และประชาสัมพันธ์ และนายอภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ กรรมการอำนวยการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ร่วมกันกล่าวว่า ปีนี้จะเห็นรูปแบบการทำการตลาดหรือการทำโปรโมชั่นของสินค้าต่างๆ ที่แรงขึ้นกว่าทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นปกติในการคิดกลยุทธ์หรือแคมเปญที่เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้สังเกตได้ว่าแคมเปญแจกเงิน 1 ล้านบาทเป็นแคมเปญที่มาแรงมาก
นอกจากนี้ ความรวดเร็วในการแจกรางวัลให้กับผู้บริโภคยังเป็นตัวกระตุ้นความสนใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย โดยจากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกของเอซี นีลเส็น พบว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ใจร้อน อดทนน้อย ทำให้แคมเปญรูปแบบส่งชิงโชครอลุ้นผลรางวัลอีกอย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไปไม่จูงใจผู้บริโภคมากเหมือนในอดีต ขณะที่รูปแบบแคมเปญที่รวดเร็ว หวือหวา แจกทันทีจะโดนใจผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งนักการตลาดต้องปรับกลยุทธ์ตามเทรนด์ของผู้บริโภค
แคมเปญของเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิเป็นแคมเปญที่ถือว่าประสบความสำเร็จมาก สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ดี โดยหลังจากที่ชาเขียวโออิชิได้รับผลกระทบจากกรณีที่ลูกค้าดื่มชาเขียวโออิชิ แล้วเจอกรดเกลือ ทำให้โออิชิต้องเร่งกู้สถานการณ์ ซึ่งแคมเปญแจกเงิน 30 ล้านบาทให้กับ 30 ผู้โชคดีถือว่าแรงมาก และถูกใจผู้บริโภคยุคนี้ในแง่วิธีการรับรางวัลที่รวดเร็ว ได้ทันที ไม่ต้องรอเหมือนแคมเปญชิงโชคทั่วไป
“กรณีแคมเปญรวยฟ้าผ่า กับฝาโออิชิที่แจกเงิน 1 ล้านบาท 30 รางวัล รวมมูลค่า 30 ล้านบาท ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ที่สามารถพลิกจากวิกฤตเป็นโอกาสได้เป็นอย่างดี โดยผลจากแคมเปญดังกล่าว ทางสมาคมฯ จึงเตรียมจัดเสวนาพิเศษ โดยจะเชิญคุณตัน ภาสกรนที ประธานเครือโออิชิ มาร่วมเสวนาถึงแนวคิดของแคมเปญดังกล่าว ในงานประชุมใหญ่สามัญของสมาคมฯ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 เม.ย..ศกนี้”
ล่าสุด สมาคมฯ จับมือมหาวิทยาลัยจาก 4 ภาค ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จัดงานวันนักการตลาดสัญจร 4 ภูมิภาค ครั้งที่ 2 ตั้งแต่เดือนเม.ษ. – ส.ค.นี้ โดยจะเริ่มครั้งแรกที่เชียงใหม่ในวันที่ 30 เม.ษ. ตามด้วยครั้งที่ 2 ในวันที่ 25 มิ.ย. ครั้งที่ 3 วันที่ 6 ส.ค. และปิดท้ายที่ภาคใต้ ในวันที่ 20 ส.ค. นี้
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันดีเซลที่เริ่มปรับตัวขึ้น และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกนั้น มีผลกระทบต่อราคาสินค้าและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจขนส่ง ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ทำให้กระทรวงพาณิชย์เตรียมเชิญกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์เพื่อหารือขอความร่วมมือในการตรึงราคาไปอีก 3 เดือน
สำหรับร้านอาหารและกาแฟ “แบล็กแคนยอน” นายประวิทย์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็กแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ต้นทุนวัตถุดิบในการประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5-10% และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีก ซึ่งทางบริษัทจะใช้เวลาอีก 1-2 เดือนในการศึกษาต้นทุนที่แท้จริงที่ปรับขึ้น เพื่อพิจารณาปรับราคาขึ้นเพียงครั้งเดียว เพราะขณะนี้ต้นทุนสินค้ายังไม่นิ่งพอที่รอชัดเจนว่าควรจะปรับขึ้นเท่าไร และไม่ต้องการปรับขึ้นหลายครั้ง
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ อุปนายกฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ และประชาสัมพันธ์ และนายอภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ กรรมการอำนวยการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ร่วมกันกล่าวว่า ปีนี้จะเห็นรูปแบบการทำการตลาดหรือการทำโปรโมชั่นของสินค้าต่างๆ ที่แรงขึ้นกว่าทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นปกติในการคิดกลยุทธ์หรือแคมเปญที่เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้สังเกตได้ว่าแคมเปญแจกเงิน 1 ล้านบาทเป็นแคมเปญที่มาแรงมาก
นอกจากนี้ ความรวดเร็วในการแจกรางวัลให้กับผู้บริโภคยังเป็นตัวกระตุ้นความสนใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย โดยจากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกของเอซี นีลเส็น พบว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ใจร้อน อดทนน้อย ทำให้แคมเปญรูปแบบส่งชิงโชครอลุ้นผลรางวัลอีกอย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไปไม่จูงใจผู้บริโภคมากเหมือนในอดีต ขณะที่รูปแบบแคมเปญที่รวดเร็ว หวือหวา แจกทันทีจะโดนใจผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งนักการตลาดต้องปรับกลยุทธ์ตามเทรนด์ของผู้บริโภค
แคมเปญของเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิเป็นแคมเปญที่ถือว่าประสบความสำเร็จมาก สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ดี โดยหลังจากที่ชาเขียวโออิชิได้รับผลกระทบจากกรณีที่ลูกค้าดื่มชาเขียวโออิชิ แล้วเจอกรดเกลือ ทำให้โออิชิต้องเร่งกู้สถานการณ์ ซึ่งแคมเปญแจกเงิน 30 ล้านบาทให้กับ 30 ผู้โชคดีถือว่าแรงมาก และถูกใจผู้บริโภคยุคนี้ในแง่วิธีการรับรางวัลที่รวดเร็ว ได้ทันที ไม่ต้องรอเหมือนแคมเปญชิงโชคทั่วไป
“กรณีแคมเปญรวยฟ้าผ่า กับฝาโออิชิที่แจกเงิน 1 ล้านบาท 30 รางวัล รวมมูลค่า 30 ล้านบาท ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ที่สามารถพลิกจากวิกฤตเป็นโอกาสได้เป็นอย่างดี โดยผลจากแคมเปญดังกล่าว ทางสมาคมฯ จึงเตรียมจัดเสวนาพิเศษ โดยจะเชิญคุณตัน ภาสกรนที ประธานเครือโออิชิ มาร่วมเสวนาถึงแนวคิดของแคมเปญดังกล่าว ในงานประชุมใหญ่สามัญของสมาคมฯ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 เม.ย..ศกนี้”
ล่าสุด สมาคมฯ จับมือมหาวิทยาลัยจาก 4 ภาค ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จัดงานวันนักการตลาดสัญจร 4 ภูมิภาค ครั้งที่ 2 ตั้งแต่เดือนเม.ษ. – ส.ค.นี้ โดยจะเริ่มครั้งแรกที่เชียงใหม่ในวันที่ 30 เม.ษ. ตามด้วยครั้งที่ 2 ในวันที่ 25 มิ.ย. ครั้งที่ 3 วันที่ 6 ส.ค. และปิดท้ายที่ภาคใต้ ในวันที่ 20 ส.ค. นี้
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันดีเซลที่เริ่มปรับตัวขึ้น และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกนั้น มีผลกระทบต่อราคาสินค้าและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจขนส่ง ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ทำให้กระทรวงพาณิชย์เตรียมเชิญกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์เพื่อหารือขอความร่วมมือในการตรึงราคาไปอีก 3 เดือน
สำหรับร้านอาหารและกาแฟ “แบล็กแคนยอน” นายประวิทย์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็กแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ต้นทุนวัตถุดิบในการประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5-10% และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีก ซึ่งทางบริษัทจะใช้เวลาอีก 1-2 เดือนในการศึกษาต้นทุนที่แท้จริงที่ปรับขึ้น เพื่อพิจารณาปรับราคาขึ้นเพียงครั้งเดียว เพราะขณะนี้ต้นทุนสินค้ายังไม่นิ่งพอที่รอชัดเจนว่าควรจะปรับขึ้นเท่าไร และไม่ต้องการปรับขึ้นหลายครั้ง