ผู้จัดการรายวัน-รฟท.สะดุดส่งมอบพื้นที่”แอร์พอร์ตลิ้งค์” ส่อเค้าทำให้เกิดค่าโง่ เหตุนาซ่าไม่คืนพื้นที่แถมเรียกค่าโง่กว่า 100 ล้านบาท “สุริยะ”สั่งตั้งกรรมการสอบอดีตผู้บริหารรฟท.เอี่ยวแก้สัญญาเอื้อประโยชน์เอกชน เผยเบี่ยงแนวเลี่ยงน่าซ่าต้นทุนเพิ่ม 300 ล้านบาท
นายสัญญา สถิรบุตร กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2548 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้เร่งหาทางแก้ปัญหาการส่งมอบพื้นที่โครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Rail Link) ซึ่งรฟท.จะต้องส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม บี.กริม ดำเนินการก่อสร้างภายในวันที่ 19 พ.ค.2548 เนื่องจากพบว่า พื้นที่บริเวณริมถนนรามคำแหง ย่านสถานีคลองตันมี ดิสโก้เธ็คนาซ่า กีดขวางแนวเส้นทางโครงการ ซึ่งบริษัท เอ็กซ์ คาลิเบอร์ ปาร์ค จำกัด ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวกับรฟท. แต่จากการตรวจสอบพบเงื่อนงำเนื่องจากมีการแก้ไขสัญญาจนทำให้รฟท.เสียเปรียบไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ และยังให้เอกชนเข้ามาก่อสร้างในเขตทางรถไฟ ซึ่งกำหนดรัศมีแนวเขตทางไว้ข้างละ 21 เมตรแต่ในจุดดังกล่าวรฟท.เหลือแนวเขตทางเพียง 7 เมตรเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้ นายจิตต์สันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการฯ รฟท.ได้เจรจากับบริษัทแล้วแต่บริษัทยืนกรานไม่เลิกสัญญาและไม่คืนพื้นที่พร้อมขอให้รฟท.จ่ายเงินกว่า 100 ล้านบาทเพื่อแลกกับการยกเลิกสัญญา ในขณะที่หากเบี่ยงแนวเส้นทางจะทำให้ต้นทุนโครงการรถไฟเชื่อมสนามบินเพิ่มขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นจะต้องเจรจาเพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวและตามระเบียบเนื่องจากเป็นแนวเขตทางรถไฟจึงไม่ใช่การเวนคืนแต่เพราะมีสัญญาเช่าดังนั้นจะต่อสัญญาชดเชยแทน
นายสัญญากล่าวว่า ได้รายงานนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมแล้ว ซึ่งนายสุริยะได้สั่งการให้ตรวจสอบความไม่ถูกต้องในการทำสัญญาที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนและให้ตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่และผู้บริหารรฟท.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะเสนอขออนุมัติจากบอร์ดรฟท.ในการประชุมครั้งต่อไป เนื่องจากประเด็นนี้ นอกจากจะทำให้รฟท.เสียเปรียบเอกชนแล้ว หากไม่สามารถแก้ปัญหาและส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กลุ่มบี.กริมได้ทันภายใน19 พ.ค.2548 นี้เอกชนสามารถฟ้องร้องรถไฟได้
“เท่าที่ทราบนาซ่าปิดกิจการมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่กลับถือโอกาสเรียกร้องค่ายกเลิกสัญญาอีก โดยที่ผ่านมาผู้บริหารรฟท.พยายามเจรจากับเจ้าของนาซ่าขอให้เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ แต่ไม่เป็นผล และหากเจรจาไม่ได้ เรื่องนี้จะกลายเป็นค่าโง่ของรฟท.ได้ ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสรุปแนวทางดำเนินการและเชื่อว่าจะได้ข้อยุติก่อนเวลาส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงค์แน่นอน”
จากเอกสารสัญญาระหว่างรฟท.กับบริษัท เอ็กซ์ คาลิเบอร์ปาร์ค จำกัด ระบุการเช่าที่ดิน 9,178.37 ตารางเมตร ขณะที่รฟท.ต้องการใช้พื้นที่ของนาซ่าประมาณ 3,000 ตารางเมตร เพื่อก่อสร้างโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ดังนั้น หากผู้บริหารบริษัทเอ็กซ์คาลเบอร์ฯ มาเจรจาก็จะหาบริษัทกลางเพื่อประเมินราคาทรัพย์สินที่ลงทุนไปพร้อมหักค่าเสื่อมแต่ละปี เพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมในการชดเชยขยายอายุสัญญาให้ แต่หากไม่มาเจรจาก็จะให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดำเนินการต่อไป และที่ผ่านมาพยายามจะเจรจากับผู้บริหารของบริษัทฯได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดโดยอ้างว่าผู้บริหารอยู่ต่างประเทศไม่สามารถติดต่อได้ และไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อกับทางบริษัทดังกล่าวด้วย แต่ได้รับแจ้งจากรฟท.ว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อ แต่จะติดต่อผ่านทางฝ่ายกฎหมายของบริษัท คือนายไชยา เรืองเกษตรกร และมีการติดต่อผ่านทางเครื่องโทรสารหมายเลข 02-717-4488 ซึ่งพบว่าเป็นเลขหมายของบริษัท ดรีม เซ็นเตอร์
อย่างไรก็ตาม การเจรจาอาจจะยากเพราะถือว่ารฟท.ได้ให้ความเห็นชอบสัญญาไปแล้ว และจากเอกสารพบว่าสัญญาการเช่าพื้นที่นั้นเดิม บริษัทเอส.ดี.ที.คอร์ปอเรชั่นจำกัดเป็นคู่สัญญาเมื่อ 30 ธ.ค.2528 และมีการโอนสิทธิการเช่าให้บริษัท เอ๊กซ์ คาลิเบอร์ ปาร์คเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2544 โดยนายเจษฎา โชติมาส ลงนามในสัญญาในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็กซ์ คาลิเบอร์ปารค์กำหนดค่าเช่าปีละประมาณ 637,509 บาท โดยสัญญาจะหมดอายุ วันที่ 29 ธ.ค. 2558
นายสัญญากล่าวว่า ขณะนี้รฟท.ได้ประสานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขอเอกสารยืนยันสิทธิ์ในเสาโฮปเวลล์ เนื่องจากยังอยู่ในข้อพิพาท ส่วนเสาโฮปเวลล์ 25 ต้นตามแนวแอร์พอร์ตลิงค์จะต้องทุบทิ้งแน่นอน
นายสัญญา สถิรบุตร กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2548 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้เร่งหาทางแก้ปัญหาการส่งมอบพื้นที่โครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Rail Link) ซึ่งรฟท.จะต้องส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม บี.กริม ดำเนินการก่อสร้างภายในวันที่ 19 พ.ค.2548 เนื่องจากพบว่า พื้นที่บริเวณริมถนนรามคำแหง ย่านสถานีคลองตันมี ดิสโก้เธ็คนาซ่า กีดขวางแนวเส้นทางโครงการ ซึ่งบริษัท เอ็กซ์ คาลิเบอร์ ปาร์ค จำกัด ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวกับรฟท. แต่จากการตรวจสอบพบเงื่อนงำเนื่องจากมีการแก้ไขสัญญาจนทำให้รฟท.เสียเปรียบไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ และยังให้เอกชนเข้ามาก่อสร้างในเขตทางรถไฟ ซึ่งกำหนดรัศมีแนวเขตทางไว้ข้างละ 21 เมตรแต่ในจุดดังกล่าวรฟท.เหลือแนวเขตทางเพียง 7 เมตรเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้ นายจิตต์สันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการฯ รฟท.ได้เจรจากับบริษัทแล้วแต่บริษัทยืนกรานไม่เลิกสัญญาและไม่คืนพื้นที่พร้อมขอให้รฟท.จ่ายเงินกว่า 100 ล้านบาทเพื่อแลกกับการยกเลิกสัญญา ในขณะที่หากเบี่ยงแนวเส้นทางจะทำให้ต้นทุนโครงการรถไฟเชื่อมสนามบินเพิ่มขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นจะต้องเจรจาเพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวและตามระเบียบเนื่องจากเป็นแนวเขตทางรถไฟจึงไม่ใช่การเวนคืนแต่เพราะมีสัญญาเช่าดังนั้นจะต่อสัญญาชดเชยแทน
นายสัญญากล่าวว่า ได้รายงานนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมแล้ว ซึ่งนายสุริยะได้สั่งการให้ตรวจสอบความไม่ถูกต้องในการทำสัญญาที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนและให้ตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่และผู้บริหารรฟท.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะเสนอขออนุมัติจากบอร์ดรฟท.ในการประชุมครั้งต่อไป เนื่องจากประเด็นนี้ นอกจากจะทำให้รฟท.เสียเปรียบเอกชนแล้ว หากไม่สามารถแก้ปัญหาและส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กลุ่มบี.กริมได้ทันภายใน19 พ.ค.2548 นี้เอกชนสามารถฟ้องร้องรถไฟได้
“เท่าที่ทราบนาซ่าปิดกิจการมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่กลับถือโอกาสเรียกร้องค่ายกเลิกสัญญาอีก โดยที่ผ่านมาผู้บริหารรฟท.พยายามเจรจากับเจ้าของนาซ่าขอให้เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ แต่ไม่เป็นผล และหากเจรจาไม่ได้ เรื่องนี้จะกลายเป็นค่าโง่ของรฟท.ได้ ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสรุปแนวทางดำเนินการและเชื่อว่าจะได้ข้อยุติก่อนเวลาส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงค์แน่นอน”
จากเอกสารสัญญาระหว่างรฟท.กับบริษัท เอ็กซ์ คาลิเบอร์ปาร์ค จำกัด ระบุการเช่าที่ดิน 9,178.37 ตารางเมตร ขณะที่รฟท.ต้องการใช้พื้นที่ของนาซ่าประมาณ 3,000 ตารางเมตร เพื่อก่อสร้างโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ดังนั้น หากผู้บริหารบริษัทเอ็กซ์คาลเบอร์ฯ มาเจรจาก็จะหาบริษัทกลางเพื่อประเมินราคาทรัพย์สินที่ลงทุนไปพร้อมหักค่าเสื่อมแต่ละปี เพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมในการชดเชยขยายอายุสัญญาให้ แต่หากไม่มาเจรจาก็จะให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดำเนินการต่อไป และที่ผ่านมาพยายามจะเจรจากับผู้บริหารของบริษัทฯได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดโดยอ้างว่าผู้บริหารอยู่ต่างประเทศไม่สามารถติดต่อได้ และไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อกับทางบริษัทดังกล่าวด้วย แต่ได้รับแจ้งจากรฟท.ว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อ แต่จะติดต่อผ่านทางฝ่ายกฎหมายของบริษัท คือนายไชยา เรืองเกษตรกร และมีการติดต่อผ่านทางเครื่องโทรสารหมายเลข 02-717-4488 ซึ่งพบว่าเป็นเลขหมายของบริษัท ดรีม เซ็นเตอร์
อย่างไรก็ตาม การเจรจาอาจจะยากเพราะถือว่ารฟท.ได้ให้ความเห็นชอบสัญญาไปแล้ว และจากเอกสารพบว่าสัญญาการเช่าพื้นที่นั้นเดิม บริษัทเอส.ดี.ที.คอร์ปอเรชั่นจำกัดเป็นคู่สัญญาเมื่อ 30 ธ.ค.2528 และมีการโอนสิทธิการเช่าให้บริษัท เอ๊กซ์ คาลิเบอร์ ปาร์คเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2544 โดยนายเจษฎา โชติมาส ลงนามในสัญญาในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็กซ์ คาลิเบอร์ปารค์กำหนดค่าเช่าปีละประมาณ 637,509 บาท โดยสัญญาจะหมดอายุ วันที่ 29 ธ.ค. 2558
นายสัญญากล่าวว่า ขณะนี้รฟท.ได้ประสานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขอเอกสารยืนยันสิทธิ์ในเสาโฮปเวลล์ เนื่องจากยังอยู่ในข้อพิพาท ส่วนเสาโฮปเวลล์ 25 ต้นตามแนวแอร์พอร์ตลิงค์จะต้องทุบทิ้งแน่นอน