ผู้จัดการรายวัน - กันตนากรุ๊ป เล็งผนึกพันธมิตรต่างชาติระดับอินเตอร์ เชื่อมั่นศักยภาพตัวเอง บุกธุรกิจเต็มสูบ เตรียมปรับโครงสร้างรับมูฟวี่ทาวน์ ที่ได้รับบีโอไอแล้ว เร่งผลิตหนังขายตลาดต่างประเทศ ทุ่ม 80 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์รายการ เรียลลิตี้ ด้านไอทีวีคุยรายงานข่าวสึนามิทำเรตติ้งพุ่ง
นายจาฤก กัลย์จาฤก ประธาน บริษัท กันตนากรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการขยายธุรกิจของกันตนากรุ๊ป จะเน้นการหาพันธมิตรทั้งการร่วมทุนหรือร่วมงานกับบริษัทระดับโลก เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงานและประสบการณ์ของบริษัทที่ผ่านมา ที่มาถึงจุดหนึ่งแล้วและเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็ได้รับงานการพิมพ์ฟิล์มให้กับบริษัทต่างชาติจำนวนมาก เพิ่มจากปีก่อนหน้าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าปีนี้น่าจะเพิ่มเป็น 400 ล้านบาท และเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตรต่างประเทศในการเปิดธุรกิจการศึกษาในไทย
ในปีนี้บริษัทฯ จะเน้นธุรกิจทางด้านภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้มีการเจรจากับบริษัทในต่างประเทศที่จะซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ของบริษัทหลายราย ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการผลิตหลายเรื่อง อาทิ ก้านกล้วย ผลิตได้ความยาวแล้ว 20 นาที คาดเดือนตุลาคมออกฉายได้
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักจากกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ 50% ออร์กาไนเซอร์ 20% ภาพยนตร์ 30% รายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2547 ที่มีประมาณ 1,600 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ผลประกอบการน่าจะเติบโต 10% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายธุรกิจ โดยปัจจุบันมีรายการทางโทรทัศน์ 18 รายการ ทางช่อง 7 กับไอทีวี เป็นที่ปรึกษาให้กับรายการในเวียดนาม
นอกจากนั้นแล้วยังมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรส่วนหนึ่งด้วย โดยหลังจากที่บริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนกับโครงการมูฟวี่ทาวน์ เป็นเวลา 8 ปี ทำให้ต้องแยกหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไม่เกี่ยวข้องออกจากกันให้ชัดเจน และมูฟวี่ทาวน์มีความคืบหน้าไปมากกับการก่อสร้างต่างๆ ใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 100 ไร่จากทั้งหมด 800 ไร่
ล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์รายการ “Big Brother” ซึ่งเป็นต้นแบบรายการเรียลลิตี้เกมโชว์จากบริษัท Endemol ที่เป็นเจ้าของรายการที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเช่น All you need is love, Heartbeat เป็นต้น เพื่อนำ รายการ “Big Brother” มาผลิตและออกอากาศเป็นครั้งแรกในไทยและในเอเซีย ด้วยงบลงทุน 80 ล้านบาท โดยมีสปอนเซอร์สนับสนุนเช่น ชาเขียวโออิชิ, มาม่า, เฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์, รีเจนซี่, ซิสเต็มมา, พอนด์ส, ซันซิล, โซนี่ และจะออกอากาศทางช่องไอทีวีแทนรายการเฟียร์แฟคเตอร์ที่จะจบแค่ซีรีส์ 3 ขณะที่ซีรี่ส์ 4 ต้องรอปีหน้า
แผนโปรโมทรายการดังกล่าวจะทำเต็มที่ในรูปแบบผสมผสาน เช่น การประชาสัมพันธ์ผ่านยูบีซีตลอด24 ชั่วโมงสดผ่านอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ผ่านมือถือ และอื่นๆ คาดว่าน่าจะทำรายได้ให้กับบริษัทมากพอสมควรจากรายการนี้
สำหรับแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา สถานการณ์โดยรอบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งได้ยื่นไฟล์ลิ่งไปแล้ว ส่วนการเข้าถือหุ้นในไอทีวีนั้น ได้ขยายเวลาการสรุปผลไปจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ ซึ่งบริษัทเองก็ยังมีความสนใจ
ด้านนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ รองประธานไอทีวี กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาที่ไอทีวีรายงานข่าวเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้เรตติ้งเพิ่มขึ้นอย่างมาก 20-30% เนื่องจากการนำเสนอข่าวที่ฉับไว หลากหลายมุมมอง และเข้าถึงเหตุการณ์
นายจาฤก กัลย์จาฤก ประธาน บริษัท กันตนากรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการขยายธุรกิจของกันตนากรุ๊ป จะเน้นการหาพันธมิตรทั้งการร่วมทุนหรือร่วมงานกับบริษัทระดับโลก เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงานและประสบการณ์ของบริษัทที่ผ่านมา ที่มาถึงจุดหนึ่งแล้วและเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็ได้รับงานการพิมพ์ฟิล์มให้กับบริษัทต่างชาติจำนวนมาก เพิ่มจากปีก่อนหน้าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าปีนี้น่าจะเพิ่มเป็น 400 ล้านบาท และเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตรต่างประเทศในการเปิดธุรกิจการศึกษาในไทย
ในปีนี้บริษัทฯ จะเน้นธุรกิจทางด้านภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้มีการเจรจากับบริษัทในต่างประเทศที่จะซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ของบริษัทหลายราย ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการผลิตหลายเรื่อง อาทิ ก้านกล้วย ผลิตได้ความยาวแล้ว 20 นาที คาดเดือนตุลาคมออกฉายได้
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักจากกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ 50% ออร์กาไนเซอร์ 20% ภาพยนตร์ 30% รายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2547 ที่มีประมาณ 1,600 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ผลประกอบการน่าจะเติบโต 10% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายธุรกิจ โดยปัจจุบันมีรายการทางโทรทัศน์ 18 รายการ ทางช่อง 7 กับไอทีวี เป็นที่ปรึกษาให้กับรายการในเวียดนาม
นอกจากนั้นแล้วยังมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรส่วนหนึ่งด้วย โดยหลังจากที่บริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนกับโครงการมูฟวี่ทาวน์ เป็นเวลา 8 ปี ทำให้ต้องแยกหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไม่เกี่ยวข้องออกจากกันให้ชัดเจน และมูฟวี่ทาวน์มีความคืบหน้าไปมากกับการก่อสร้างต่างๆ ใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 100 ไร่จากทั้งหมด 800 ไร่
ล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์รายการ “Big Brother” ซึ่งเป็นต้นแบบรายการเรียลลิตี้เกมโชว์จากบริษัท Endemol ที่เป็นเจ้าของรายการที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเช่น All you need is love, Heartbeat เป็นต้น เพื่อนำ รายการ “Big Brother” มาผลิตและออกอากาศเป็นครั้งแรกในไทยและในเอเซีย ด้วยงบลงทุน 80 ล้านบาท โดยมีสปอนเซอร์สนับสนุนเช่น ชาเขียวโออิชิ, มาม่า, เฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์, รีเจนซี่, ซิสเต็มมา, พอนด์ส, ซันซิล, โซนี่ และจะออกอากาศทางช่องไอทีวีแทนรายการเฟียร์แฟคเตอร์ที่จะจบแค่ซีรีส์ 3 ขณะที่ซีรี่ส์ 4 ต้องรอปีหน้า
แผนโปรโมทรายการดังกล่าวจะทำเต็มที่ในรูปแบบผสมผสาน เช่น การประชาสัมพันธ์ผ่านยูบีซีตลอด24 ชั่วโมงสดผ่านอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ผ่านมือถือ และอื่นๆ คาดว่าน่าจะทำรายได้ให้กับบริษัทมากพอสมควรจากรายการนี้
สำหรับแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา สถานการณ์โดยรอบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งได้ยื่นไฟล์ลิ่งไปแล้ว ส่วนการเข้าถือหุ้นในไอทีวีนั้น ได้ขยายเวลาการสรุปผลไปจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ ซึ่งบริษัทเองก็ยังมีความสนใจ
ด้านนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ รองประธานไอทีวี กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาที่ไอทีวีรายงานข่าวเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้เรตติ้งเพิ่มขึ้นอย่างมาก 20-30% เนื่องจากการนำเสนอข่าวที่ฉับไว หลากหลายมุมมอง และเข้าถึงเหตุการณ์