ผู้จัดการรายวัน – นายพัลลภ สันติพันธุ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพทั่วไป ประจำประเทศไทย บริษัท โกดัก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจภายใน โดยรวม 3 แผนก ประกอบด้วย คอนซูเมอร์ อิมเมจิ้น, ดิจิตอล บิสซิเนส และอิมเมจิ้น บิสซิเนส ให้เป็น แผนก “ดิจิตอล แอนด์ ฟิล์ม อิมเมจิ้น ซิสเต็ม หรือดีเอฟไอเอฟ เพียงแผนกเดียว เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจภาคดิจิตอลที่มีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าธุรกิจกล้องฟิล์มและม้วนฟิล์ม
ในปีนี้ได้นำกล้องดิจิตอลเข้ามาเพิ่มอีก 15 รุ่น จากเดิมที่มีอยู่ในตลาดแล้ว 10 รุ่น ซึ่งจะทำให้โกดักมีกล้องดิจตอลครอบคลุมตั้งแต่ 2 - 5 ล้านพิกเซล ที่ระดับราคาตั้งแต่ 4,500-19,000 บาท พร้อมใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30-40% เพื่อผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 12% และติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดรวมที่มีปริมาณความต้องการ 800,000 เครื่องในปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันโกดักมีส่วนแบ่งตลาดดังกล่าว 6% เป็นอันดับ 4 ขณะที่โซนี่ยังครองความเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ แคนนอน และซัมซุง โดยปี 2547 ความต้องการของตลาดรวมมีประมาณ 450,000 เครื่อง
เป้าหมายรวมในทุกธุรกิจของบริษัทปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10-12% โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจเกี่ยวกับกล้องฟิล์มและม้วนฟิล์ม ในปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับปี 2546 มีอัตราการเติบโต 30-40% จากตัวกล้องฟิล์มเป็นหลัก ในขณะที่ม้วนฟิล์มลดลง 5-6% เนื่องจากอัตราการใช้ม้วนฟิล์มน้อยลง และกลุ่มคนที่เคยใช้ม้วนฟิล์มเป็นจำนวนมากหันไปใช้กล้องดิจิตอลแทน กลุ่มธุรกิจประเภทกระดาษอัดภาพ ตั้งเป้าเติบโต 30% เท่ากับปีที่แล้ว ส่วนกลุ่มธุรกิจกล้องดิจิตอลและเมมโมรี่ ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 25% จากเดิมโตเพียง 10%
ความต้องการของตลาดรวมม้วนฟิล์มในปีที่ผ่านมายังคงลดลงต่อเนื่อง มีปริมาณเพียง 15 ล้านม้วน โดยโกดักมีส่วนแบ่ง 50-55% ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีรายได้อื่นรองรับโดยเฉพาะกลุ่มกระดาษอัดภาพ และจากการปรับเปลี่ยนร้านโกดัก เอ็กซ์เพรส จำนวน 105 สาขาจาก 684 สาขา ให้เป็นคอนเซปต์ใหม่ ทำให้มีอัตราการเติบโต 20% ปีนี้มีแผนจะปรับให้ครบ 300 แห่ง ด้วยงบลงทุน 1-3 แสนบาทต่อสาขา
ในปีนี้ได้นำกล้องดิจิตอลเข้ามาเพิ่มอีก 15 รุ่น จากเดิมที่มีอยู่ในตลาดแล้ว 10 รุ่น ซึ่งจะทำให้โกดักมีกล้องดิจตอลครอบคลุมตั้งแต่ 2 - 5 ล้านพิกเซล ที่ระดับราคาตั้งแต่ 4,500-19,000 บาท พร้อมใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30-40% เพื่อผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 12% และติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดรวมที่มีปริมาณความต้องการ 800,000 เครื่องในปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันโกดักมีส่วนแบ่งตลาดดังกล่าว 6% เป็นอันดับ 4 ขณะที่โซนี่ยังครองความเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ แคนนอน และซัมซุง โดยปี 2547 ความต้องการของตลาดรวมมีประมาณ 450,000 เครื่อง
เป้าหมายรวมในทุกธุรกิจของบริษัทปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10-12% โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจเกี่ยวกับกล้องฟิล์มและม้วนฟิล์ม ในปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับปี 2546 มีอัตราการเติบโต 30-40% จากตัวกล้องฟิล์มเป็นหลัก ในขณะที่ม้วนฟิล์มลดลง 5-6% เนื่องจากอัตราการใช้ม้วนฟิล์มน้อยลง และกลุ่มคนที่เคยใช้ม้วนฟิล์มเป็นจำนวนมากหันไปใช้กล้องดิจิตอลแทน กลุ่มธุรกิจประเภทกระดาษอัดภาพ ตั้งเป้าเติบโต 30% เท่ากับปีที่แล้ว ส่วนกลุ่มธุรกิจกล้องดิจิตอลและเมมโมรี่ ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 25% จากเดิมโตเพียง 10%
ความต้องการของตลาดรวมม้วนฟิล์มในปีที่ผ่านมายังคงลดลงต่อเนื่อง มีปริมาณเพียง 15 ล้านม้วน โดยโกดักมีส่วนแบ่ง 50-55% ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีรายได้อื่นรองรับโดยเฉพาะกลุ่มกระดาษอัดภาพ และจากการปรับเปลี่ยนร้านโกดัก เอ็กซ์เพรส จำนวน 105 สาขาจาก 684 สาขา ให้เป็นคอนเซปต์ใหม่ ทำให้มีอัตราการเติบโต 20% ปีนี้มีแผนจะปรับให้ครบ 300 แห่ง ด้วยงบลงทุน 1-3 แสนบาทต่อสาขา