ผู้จัดการรายวัน - กลุ่มโรสวิดีโอ ทุ่ม 200 ล้านบาท ปรับกลยุทธ์ธุรกิจร้านค้าปลีกบันเทิง "เชอรี่" รุกเปิดร้านขนาดใหญ่เป้าหมาย 100 สาขาในปีนี้ ด้วยยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมือง ส่วนจุดขายย่อยทรงตัว พร้อมนำระบบไอทีมาใช้ ขยายบริการหนังสือการ์ตูนเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ารายได้สู่ 500 ล้านบาท
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ รองประธานกรรมการ บริษัท โรสวิดีโอ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนกับธุรกิจร้านเชอรี่ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกบันเทิงในเครือของบริษัทฯเต็มที่ ในนามของบริษัท เชอรี่ เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด โดยเฉพาะการเปิดร้านที่เป็นชอปหรือร้านขนาดใหญ่เต็มรูปแบบหลังจากที่เริ่มเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วเป็นการทดลองตลาด และสามารถเปิดได้แล้วประมาณ 25 สาขา และปีนี้ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 100 สาขา กระจายตามต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยตั้งงบลงทุน 200 กว่าล้านบาท
ส่วนร้านเชอรี่ ที่เป็นแบบจุดขายนั้นขณะนี้มีกว่า 120 จุด ปีนี้จะไม่เน้นการขยายสาขาเพิ่ม แต่จะมีการปรับปรุงใหม่ทั้งในแง่ของการย้ายทำเลเดิมที่หมดสัญญาและไปเปิดเป็นร้านขนาดใหญ่แทนบ้าง โดยร้านขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อสาขา มีพื้นที่เฉลี่ย 70-100 ตร.ม. ล่าสุดเตรียมเปิดสาขาที่เซ็นทรัลพระราม 2 เป็นสาขาที่มีพื้นที่มากที่สุดคือ 190 ตร.ม.
นอกจากนั้น ยังได้ลงทุนด้านระบบไอทีอีกประมาณ 5 ล้านบาท เฉพาะซอฟท์แวร์ ไม่รวมฮาร์ดแวร์ เพื่อให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วงเดือนมี.ค.นี้บริษัทฯจะเปิดตัวระบบสมาชิกด้วยการใช้บัตรเมมเบอร์การ์ด พื่อนำมาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยผ่านระบบสมาชิกได้ พร้อมกับเพิ่มบริการในร้านขนาดใหญ่ด้วย เช่น หนังสือการ์ตูน เป็นต้น
เขากล่าวด้วยว่า แม้ว่าสถานการณ์ของธุรกิจร้านค้าปลีกบันเทิงจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่ร้านเชอรี่มีความแตกต่างตรงเรื่องของราคาที่จำหน่ายถูกกว่าคู่แข่ง เช่น วีซีดีเพลงของค่ายจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ในร้านเชอรี่จำหน่ายประมาณ 129 บาท แต่ของคู่แข่งที่เป็นเชนขนาดใหญ่รายหนึ่งจำหน่ายประมาณ 135 บาท
ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจร้านเชอรี่กว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน เช่นที่สาขาภูเก็ตมีรายได้เฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อเดือน แต่ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ทำให้ยอดขายลดเหลือ 6 แสนบาทเท่านั้น แต่คาดว่าจะดีขึ้นหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ตั้งเป้าที่จะมีรายได้เพิ่มเป็น 500 ล้านบาท จากการขยายสาขาเพิ่มและมีการนำระบบสมาชิกเข้ามาใช้รวมทั้งบริการใหม่ ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายในร้านเชอรี่จะมีราคาที่หลากหลายต่ำสุดเป็นวีซีดีราคา19 บาท หรือ ดีวีดีราคาตั้งแต่ 59 บาท โดยที่ผ่านมาอัตราค่าใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้าร้านเชอรี่เฉลี่ย 150 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่ขณะนี้ยังมาจากจุดขายย่อยเพราะมีจำนวนสาขามากกว่า
ทั้งนี้จุดประสงค์หลักของการทำธุรกิจร้านเชอรี่นี้ก็เพื่อที่ต้องการจะเป็น 1. ช่องทางกระจายสินค้าของบริษัทในเครือทั้งหมด และ2.ต้องการใช้เป็นตัวสร้างธุรกิจและทำรายได้จริงๆ จึงมีการจำหน่ายสินค้าของเครืออื่นด้วย ในลักษณะ โปรฟิตเซ็นเตอร์ (Profit)
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ รองประธานกรรมการ บริษัท โรสวิดีโอ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนกับธุรกิจร้านเชอรี่ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกบันเทิงในเครือของบริษัทฯเต็มที่ ในนามของบริษัท เชอรี่ เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด โดยเฉพาะการเปิดร้านที่เป็นชอปหรือร้านขนาดใหญ่เต็มรูปแบบหลังจากที่เริ่มเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วเป็นการทดลองตลาด และสามารถเปิดได้แล้วประมาณ 25 สาขา และปีนี้ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 100 สาขา กระจายตามต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยตั้งงบลงทุน 200 กว่าล้านบาท
ส่วนร้านเชอรี่ ที่เป็นแบบจุดขายนั้นขณะนี้มีกว่า 120 จุด ปีนี้จะไม่เน้นการขยายสาขาเพิ่ม แต่จะมีการปรับปรุงใหม่ทั้งในแง่ของการย้ายทำเลเดิมที่หมดสัญญาและไปเปิดเป็นร้านขนาดใหญ่แทนบ้าง โดยร้านขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาทต่อสาขา มีพื้นที่เฉลี่ย 70-100 ตร.ม. ล่าสุดเตรียมเปิดสาขาที่เซ็นทรัลพระราม 2 เป็นสาขาที่มีพื้นที่มากที่สุดคือ 190 ตร.ม.
นอกจากนั้น ยังได้ลงทุนด้านระบบไอทีอีกประมาณ 5 ล้านบาท เฉพาะซอฟท์แวร์ ไม่รวมฮาร์ดแวร์ เพื่อให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วงเดือนมี.ค.นี้บริษัทฯจะเปิดตัวระบบสมาชิกด้วยการใช้บัตรเมมเบอร์การ์ด พื่อนำมาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยผ่านระบบสมาชิกได้ พร้อมกับเพิ่มบริการในร้านขนาดใหญ่ด้วย เช่น หนังสือการ์ตูน เป็นต้น
เขากล่าวด้วยว่า แม้ว่าสถานการณ์ของธุรกิจร้านค้าปลีกบันเทิงจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่ร้านเชอรี่มีความแตกต่างตรงเรื่องของราคาที่จำหน่ายถูกกว่าคู่แข่ง เช่น วีซีดีเพลงของค่ายจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ในร้านเชอรี่จำหน่ายประมาณ 129 บาท แต่ของคู่แข่งที่เป็นเชนขนาดใหญ่รายหนึ่งจำหน่ายประมาณ 135 บาท
ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจร้านเชอรี่กว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน เช่นที่สาขาภูเก็ตมีรายได้เฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อเดือน แต่ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ทำให้ยอดขายลดเหลือ 6 แสนบาทเท่านั้น แต่คาดว่าจะดีขึ้นหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ตั้งเป้าที่จะมีรายได้เพิ่มเป็น 500 ล้านบาท จากการขยายสาขาเพิ่มและมีการนำระบบสมาชิกเข้ามาใช้รวมทั้งบริการใหม่ ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายในร้านเชอรี่จะมีราคาที่หลากหลายต่ำสุดเป็นวีซีดีราคา19 บาท หรือ ดีวีดีราคาตั้งแต่ 59 บาท โดยที่ผ่านมาอัตราค่าใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้าร้านเชอรี่เฉลี่ย 150 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่ขณะนี้ยังมาจากจุดขายย่อยเพราะมีจำนวนสาขามากกว่า
ทั้งนี้จุดประสงค์หลักของการทำธุรกิจร้านเชอรี่นี้ก็เพื่อที่ต้องการจะเป็น 1. ช่องทางกระจายสินค้าของบริษัทในเครือทั้งหมด และ2.ต้องการใช้เป็นตัวสร้างธุรกิจและทำรายได้จริงๆ จึงมีการจำหน่ายสินค้าของเครืออื่นด้วย ในลักษณะ โปรฟิตเซ็นเตอร์ (Profit)